วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2021, 08:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...นักปฏิบัตินี้..”ต้องเห็นความตาย”
ถึงจะสามารถแก้ปัญหาได้

.ถ้าไม่เห็นความตาย ลืมความตาย
ก็จะแก้ปัญหาไม่ได้
แก้ก็แก้ไม่จบ แก้ปัญหานี้แล้ว
เดี๋ยวก็มีปัญหาใหม่มาให้แก้

.ถ้าไม่ลืมความตาย
ก็ไม่ต้องวุ่นวายไปกับการแก้ปัญหา
แก้ได้ก็แก้ แก้ไม่ได้อย่างมากก็แค่ตาย

.ไม่ช้าก็เร็ว ก็ต้องตาย
“แต่..ใจจะสงบ ใจจะไม่วุ่นวาย
ใจจะไม่เดือดร้อนกับ..ปัญหาต่างๆ”.

....................................................
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 4/10/2561
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









เวลาที่เราไม่มีอะไรเป็นของเราเลย

นั่นแหละเป็นเวลาที่เรามีความสุขที่สุด

ท่านพุทธทาสภิกขุ









" พระพุทธศาสนาเป็นสรณะ
คือที่พึ่งของโลกได้
ก็เพราะสอนให้ดับทุกข์ได้

ความดับทุกข์จึงเป็นผล
ที่มุ่งหมายสำคัญ
ถ้าสอนให้ดับทุกข์ไม่ได้
คำสอนนั้นก็ไร้สาระ

การดับทุกข์นั้น ต้องมีการ
ปฏิบัติเหตุที่จะทำความ
ดับทุกข์ให้ดับ การปฏิบัติ
ในเหตุนั้นเป็นหน้าที่ของ
บุคคล แม้คำสอนจะมีสาระ
แต่ถ้าบุคคลไม่ปฏิบัติในเหตุ
นั้น ก็ไม่สามารถจะได้รับผล
คือความดับทุกข์ได้

แม้เป็นความดับทุกข์
ชั่วขณะจิตที่จิตกำหนด
อยู่ในธรรม ก็ส่องให้เห็นว่า
เมื่อจิตกำหนดอยู่ในธรรม
เสมอ ก็ย่อมจะมีความดับ
อยู่ในธรรมนั่นเอง

เมื่อได้เคยประสบความ
สงบใจด้วยธรรมะ จึงจะรู้สึก
ได้ว่า ความไม่สงบทุรนทุราย
กระสับกระส่ายนั้น
เป็นความทุกข์อย่างหนึ่ง "

พระโอวาทธรรม
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช
สกลมหาสังฆปริณายก










#ท่านพ่อลี #สอนว่า .....

"ความสุขที่เกิดจากการนึกคิดปรุงแต่งจากสัญญา จนเป็นสังขารและวิญญาณตามลำดับ นั้นเป็นความสุขที่มีระยะเวลาไม่ยืนยาว

เป็นเพียงความสุขที่เข้ามาหลอกให้เคลิบเคลิ้มจากการปรุงแต่งของจิต เป็นแค่สุขทางโลกียะ เป็นเพียงผ้าพื้นใหญ่ที่เอามาปิดตาไว้เท่านั้น"

ท่านพ่อลี









มีปัญหาสอดเข้ามาว่า เรื่องจะทำตนให้เป็น “สุปะฏิปันโน” นั้นเพียงแค่ไหน เป็นเพศขาวหรือเหลืองหรือดำ อาตมาเข้าใจว่าไม่เป็นปัญหาเรื่องเพศ

เพราะสุปะฏิปันโนเกี่ยวกับศีล ๕ บริบูรณ์เท่านั้น ไม่ด่างพร้อยและเป็นนิจศีลด้วย และไม่เสียดายล่วงละเมิดด้วย แม้อบายมุขทุกประเภทก็เช่นกัน แม้กามารมณ์จะมีอยู่ก็ยินดีแต่เพียงสามีภรรยาของตนเท่านั้น แม้มีโกรธอยู่ก็ไม่ถึงกับผูกเวรไปสาปแช่งใคร ทั้งเปล่งวาจาออกปากและนึกในใจก็ไม่มีเสียดายเลย จะนุ่งขาวนุ่งดำสำหรับปกกายก็ไม่มีปัญหา


อนึ่งการคบมิตรท่านก็ไม่คบมิตรที่ล่วงละเมิดอบายมุข และก็ไม่ให้กระทบกระเทือนเขาด้วย และไม่สงสัยยินดีในศาสนาอื่นเลย ยอมเป็นยอมตายต่อพุทธ ธรรม สงฆ์ ผูกขาด..จองขาด ไม่ถือว่าภูติผีปีศาจจะมาทำอะไรเราได้ ไม่ถือฤกษ์ดียามดี


ความดีหรือไม่ดีมันขึ้นอยู่กับเรา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฤกษ์กับยาม เราคือใจ ใจคือเรา ตามสมมติ ไม่ปฏิเสธสมมติตามส่วนนี้ ส่วนใจเป็นแต่สักว่าใจ กายเป็นแต่สักว่ากาย เวทนาเป็นแต่สักว่าเวทนา จิตเป็นแต่สักว่าจิต ผู้รู้เป็นแต่สักว่าผู้รู้ การปฏิบัติแบบนี้เขาผ่านสุปะฏิปันโนไปแล้ว


เมื่อได้สุปะฏิปันโนอยู่ในอุ้งมือ อุ้งมือคือ..อุ้งมือจิต อุ้งมือใจ อุ้งมือสติ อุ้งมือปัญญา สมดุลกัน..อุชุ ญายะ สามีปะฏิปันโน ก็ค่อยเป็นไปเองอยู่ในตัวเพราะเดินร่วมหนทางกันแล้ว...

#หลวงปู่หล้า #เขมปัตโต










“ในความสัมพันธ์ทั้งปวงนั้น
ย่อมมีพบ มีพราก มีทักทาย
มีอำลาอยู่เนืองๆ

ผู้ใดเห็นความพลัดพราก
เป็นสิ่งแน่แท้ ในการพบกันทุกครั้ง
และเห็นการอำลา
เร้นอยู่ในการทักทายทุกครา

ย่อมเห็น ทั้งความโศกเศร้า
อันเป็นธรรมดาของชีวิต
และตระหนักถึงความจำเป็น
ที่จะต้องใช้เวลาแสนสั้น
ที่มีอยู่ร่วมกันให้ดีที่สุด”

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 54 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร