วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2021, 05:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"สร้างเจดีย์องค์นี้เสร็จ ต่อไปก็ไม่สร้าง ไม่มีอีกแล้วนะ เราอยากทำให้มันเป็นบุญบริสุทธิ์ ให้ครอบแดนโลกธาตุ ไม่ต้องไปเรี่ยไรใคร แต่บอกต่อๆ กันมาทำบุญได้อยู่ บุญเรี่ยไรเขา บุญไม่บริสุทธิ์ ต่อไปจะไม่มีแล้วนะ ครูบาอาจารย์ที่จะเทศน์สอนแบบนี้ จำมาสอนมันไม่ถึงใจ เท่ากับรู้แล้ว เอามาสอนนะ เอ้าพอ"

โอวาทธรรม
หลวงปู่ทุย ฉนฺทกโร
วัดป่าดานวิเวก



…ถ้าสิ่งที่พ่อแม่สอน “ผิด”
ก็ไม่ต้องทำตามก็ได้ เช่น
ถ้ามาสอนให้ไปฉ้อโกงไปลักทรัพย์อย่างนี้
ถ้าสอนอย่างนี้ก็ไม่ต้องทำตามก็ได้

.แต่เวลาที่ท่านสอน
“ ไม่ต้องไปเถียงท่าน “
ปล่อยให้ท่านพูดไป
แล้วเราก็มาพิจารณาของเราดูอีกทีว่า
ถูกหรือไม่ถูก ควรจะทำหรือไม่ทำ

.การไม่ทำตามพ่อแม่เพราะมันไม่ถูกนี้
“ ไม่บาป ไม่เสียหาย “
ไม่ได้เป็นความอกตัญญูแต่อย่างใด.

………………………………………..
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐









ธรรมนี่ถ้าผู้ได๋เดินตามทางพระพุทธเจ้า พระโสดา สกิทาคา อนาคา อรหันต์ ขั่นถึงที่แล้ว อันเดียวกันเลย ตั้งแต่โสดาพี้แล้ว พอดวงตาเห็นธรรม เห็นเรื่องกายเรื่องใจแล้วจังซี่เป็นพระไปได้

ปฏิบัติขั้นต้นเป็นผู้ได้ดวงตาเห็นธรรม คือขั่นบ่เห็นธรรมแล้ว มันยังมีกายเป็นของๆโต ขั่นเห็นกายชัดเจนกะยุติสักกายทิฏฐิ ถือกายเป็นโตจังหมดไป วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัยเรื่องบุญเรื่องบาปหมดไป สีลัพพตปรามาส การลูบๆคลำๆว่าศีลขาด ศีลยังหมดไป เพราะศีลคือหัวใจ

พระขั้นแรกมีกิเลสเรื่องกาม มีอยู่เรื่องกาม ส่วนสกิทาคา มีกิเลสโทสะ โมหะเบาบาง มีอยู่แต่เบาบาง ส่วนพระอนาคามันเบิ้ดโลกแล้ว คือเรื่องกายพิจารณาเสร็จเรียบร้อย เข้าออกนอกในบ่ติดกาย เหตุนั้นขั่นตายไปจังบ่กลับมาเกิดในท้องคนท้องสัตว์ ไปเกิดในพรหมโลก ๕ ชั้น คือ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี อกนิฏฐา ขึ้นโดยลำดับ

พระอรหันต์เพิ่นมีสติทุกเมื่อ เพิ่นบ่มีบาปมีบุญ เพราะอันใดเกิดขึ้นมันกะดับทุกอัน เพิ่นดับทัน เฮานี่บ่ดับ

หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ




จิตคือผู้รู้ อยู่จำเพาะจิตเอง รู้อยู่จำเพาะจิต ไม่ได้เกาะเกี่ยวกับสิ่งใด ๆ เลย นั่นแหละเป็นความอัศจรรย์ของจิตนี้อย่างแท้จริง

แต่ทุกวันนี้พวกเราไม่สามารถที่จะดึงจิตออกมาจากสิ่งที่เข้าไปพัวพันด้วยอารมณ์เรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหลาย จิตมันก็เลยมีแต่ความยุ่งเหยิงวุ่นวายปะปนอยู่ภายในจิตใจ ทั้ง ๆ ที่ตัวจิตเองไม่เคยวุ่นวาย ถ้าเฉพาะจิตเองมันก็มีแต่ความเบิกบานผ่องใส “ปะภัสสะระมิทัง จิตตัง ภิกขะเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จิตเดิมเลื่อมประภัสสร” มันมีแต่ความสุขสว่างไสวของมันอยู่อย่างนั้น

ที่ทุกวันนี้มันยุ่งเหยิงวุ่นวายเศร้าหมองขุ่นมัวก็เพราะมีเรื่องราวอื่น ๆ ปะปนเข้ามา เราก็ชำระมันออกไปด้วยการภาวนา ให้จิตมันอยู่ในอารมณ์อันเดียว จะอยู่ในพุทโธหรือจะอยู่กับอานาปานสติ ก็ให้อยู่ด้วยความมีสติกำกับจิต ให้มันอยู่ด้วยกันอย่างต่อเนื่อง จากนั้นจิตมันก็จะรวมตัวกันเข้าสู่ความสงบ สิ่งต่าง ๆ ทั้งหลายที่เคยเกาะเกี่ยวข้องแวะกับจิตนั้นมันจะหลุดออกไปหมดสิ้น จิตอยู่จำเพาะจิตล้วน ๆ เราจะเห็นชัดเจนถึงความอัศจรรย์ของจิต ผู้รู้ที่ไม่มีสิ่งใดมาปะปนเลย มันมีความอัศจรรย์จริง ๆ ที่คนทั่วไปไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเลย

พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม
๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 29 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร