ขณิกมรณะคือการตายทุก1ขณะจิต
จิตเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้เป็นสิ่งที่มีจริง(ธรรม)
แปลว่าจิตเป็นธรรมจิตจึงเป็นเราไม่ได้จึงไม่มีเรา
ไม่มีใครเป็นเจ้าของสิ่งหนึ่งสิ่งใดอย่างแท้จริงและไม่รู้จักจิต
จนกว่าจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ความจริงที่เป็นอยู่อย่างนี้ขณะนี้ตลอดเวลา
พระพุทธเจ้าทรงประจักษ์แจ้งความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินจึงต้องฟังและคิดดีดี
เพราะความจริงนี้คิดตามได้ทีละ1คำตรงปัจจุบันขณะนี้จิตกำลังเกิดดับนับไม่ถ้วนเป็นเราไม่รู้ความจริงและ
คิดตามคำสอนไม่ได้เพราะประมาทว่าตนรู้แล้วจึงไม่ฟังจิตไม่มีดวงไหนเป็นจิตดวงเดิมเพราะดวงที่ดับไปแล้ว
ไม่ย้อนกลับมาให้ลบหรือล้างอวิชชาออกได้เพราะคำว่าจิตเกิดดับทีละ1ขณะนี้แหละเป็นขณิกมรณะคือตาย
ตายทุก1ขณะจิตดังนั้นสมาธิก็เป็นขณิกสมาธิชื่อว่าเอกัคตาเจตสิกเกิดทุก1ขณะจิตทุก1ขณะสั้นแสนสั้นเลย
เทียบความเร็วของจิตประมาณความรวดเร็วเท่ากับกะพริบตา1ครั้งสั้นๆ=จิตเกิดดับไปแล้วถึงแสนโกฏิขณะ
คุณไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับจิตที่กำลังเป็นไปในขณะนี้จะรู้ความจริงตรงตามที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ต้องคิดตาม
ให้รู้ทันความจริงเพียงขณะจิตเดียวจึงจะสามารถเข้าใจความต่างของสัจจะกับอดีตนิมิตที่มองเห็นนอกตา
เพราะสัจจะคือความจริงที่ดับหมดไปแล้วไม่เหลืออะไรเลยแต่ความที่คุณหลงผิดยึดอัตตาจึงหลงทำผิดอีก
ก็ปัญญาตรงสัจจะไม่มีคือไม่ฟังเพื่อคิดตรง1คำสัจจะให้รอบรู้ตัวจริงของธรรมที่มีเงาให้ศึกษาในขณะนี้เอง
เงาของตัวจริงธรรมมีตรงปัจจุบันในขณะนี้แล้วไม่ฟังเพื่อตามรอยเท้าโคเข้าไปหาตัวโคก็คือยังไม่รู้จักจิตเลย
คนสัตว์วัตถุที่อยู่นอกตานอกตัวรวมทั้งที่คิดว่ามีกายตัวเองด้วยเป็นนิมิตกิเลสตัวเองลืมฟังคำสัจจะดับกิเลส
อดีตคือที่ดับไปแล้วอนาคตก็มาไม่ถึงมีแต่ปัจจุบันที่มีจิตจึงจะฟังคำสอนรู้เรื่องว่าอะไรเป็นอะไรที่เป็นจริง
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ว่าความจริงที่ไม่มีเราแต่เราไม่ฟังจึงหลงทำกรรมใหม่ด้วยชอบคิดเอาเองตามที่เชื่อ
เชื่อคนสัตว์วัตถุก็ตามสิ่งนั้นนั่นแหละไปไหนก็ไปตามความเห็นว่ามีคนสัตว์วัตถุลืมคิดตรงตามคำสอนว่า
ไม่มีเราแล้วมันมีอะไรน๊าแต่ก็เป็นไปแล้วว่าเชื่อใครก็ตามไปทำตามคนนั้นจึงขาดสติปัญญาระลึกตามจริงค่ะ
สติคือระลึกตรงตามคำสอนได้+ปัญญาคือเข้าใจความจริงตรงตามคำสอนที่ได้ยินรู้สึกตัวทันทีว่าอะไรคือจริง
จะเปลี่ยนความคิดเห็นผิดเดิมได้ต้องพึ่งคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าจึงจะเข้าใจถูกเกิดสัมมาทิฏฐิตามได้
https://youtu.be/ZyYUi9idz5w
