วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2021, 06:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่อง การสร้างบารมีกับครูบาอาจารย์ต่างๆ

โยม : นี่คือรายชื่อครูบาอาจารย์ที่ผมรวบรวม

หลวงพ่อ : เอารายชื่อไปทำไม ไม่เอาตัวเรา

โยม : ไปสร้างบารมีกับท่านทุกๆองค์

หลวงพ่อ : ไม่ต้องไปสร้างทุกองค์หรอก เอาองค์เดียวก็พอ เหมือนกันรถ โตโยต้า ๕๐ คัน มันก็เหมือนกันหมดทุกคนแหละ คันเบนซ์ ๕๐ คัน มันก็เบนซ์เหมือนกันหมด เอาคันเดียวก็พอ เวลาคุณขับรถ ขับกี่คัน ก็นั่งคันเดียว ครูบาอาจารย์องค์ไหนใกล้เรา เราสะดวกไปหาท่านก็เอาองค์นั้น ฟังเทศน์ฟังธรรมแล้วเข้าใจง่ายก็เอาองค์นั้นก็เท่านั้นเอง

หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร จ.ชลบุรี







"...หลวงปู่ขาวเล่าว่า ในวันทำบุญข้าวประดับดินนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งเวลาราวเที่ยงคืน หลวงปู่กำลังเดินจงกรมอยู่บริเวณกุฏิของท่าน ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังมาจากถ้ำใหญ่ แล้วเสียงนั้นก็ดังใกล้เข้ามาทุกทีๆ

...พอมาถึงผาผึ้ง ซึ่งเป็นสามแยกทางเข้ากุฏิของหลวงปู่ เมื่อท่านมองดูไปตามทิศทางของเสียง ก็เห็นคนรูปร่างใหญ่โตสูงทะมึน ตาขวางผิวดำจัด มันหันหน้ามาทางที่หลวงปู่อยู่ ร้องให้คร่ำครวญขอความช่วยเหลือจากท่าน แล้วมันก็ยืนอยู่ที่นั่นเป็นนานไม่ยอมหนีไปไหน..."

...หลวงปู่บอกว่าเห็นแล้วน่ารำคาญ เพราะ
ท่านกำลังเดินจงกรมอยู่ จึงพูดกับเจ้าผีเปรตตัวดำนั้นว่า...

"เจ้าผีเอ๋ย แกจะให้ใครมาช่วย ทำบาปไว้เองต้องได้รับผลบาปของแกเอง ทำความชั่วแล้วจะมาให้ใครช่วยอวยชัยให้เล่า จะไปทางไหนก็รีบไป จะมาร้องห่มร้องให้หาสวรรค์วิมานอันใดอีกเล่า"

เมื่อมันได้ยินหลวงปู่พูดอย่างนั้นแล้ว มันก็หันหลังเดินกลับไปทางเดิมที่มันมา

บรรดาลูกศิษย์ที่ฟังอยู่ก็เรียนถามหลวงปู่ว่า #ไม่ใช่เปรตตนนั้นมาร้องขอส่วนบุญจากหลวงปู่หรือครับ..!!"

หลวงปู่ตอบว่า...
#ก็ไม่รู้ซิ_แต่ถ้าหากบอกว่าเป็นเปรตจริงละก็จะพากันเชื่อหรือ
#เพราะทุกคนในที่นี้ไม่มีใครได้เห็นด้วย.."

ลูกศิษย์จึงถามต่อไปว่า
#แล้วท่านหลวงปู่ได้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้พวกเขาหรือไม่..!!"

หลวงปู่ตอบว่า...
"การให้ส่วนบุญ เราอุทิศให้พวกเขาทุกวันๆ อยู่แล้ว ส่วนตัวนี้ไม่รู้มันไปเสวยทุกข์อยู่ที่ใดมา มันจึงมาขออีก เปรตนี่บางจำพวก เราอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แล้ว มันก็รับไม่ได้ก็มี เพราะพวกนี้มันมีบาปมีกรรมหนักมันเลยรับเอาส่วนบุญที่อุทิศให้ไม่ได้.."

#เปรียบเสมือนคนไข้หนัก_เราจะเอาอะไรให้กินเขาก็ไม่สามารถที่จะมารับไปกินได้
#เพราะความทุกข์ในครั้งปางก่อนเข้าครอบงำเอาไว้มันจึงต้องได้แต่รับทุกข์ต่อไป.. "

#คัดจากหนังสือ
#พระคุณเจ้าหลวงปู่ขาว_อนาลโย
#พระอรหันต์แห่งถ้ำกลองเพล








…คนเราจะดีจะวิเศษนั้น
อยู่ที่ความซื่อสัตย์สุจริต
มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่โอบอ้อมอารี
เป็นคนเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว
“ นี่คือคุณงามความดีของคน “

.ถ้าอยากจะให้เราเป็นคนดี
เป็นคนมีเสน่ห์ ก็ขอให้
สะสมคุณธรรมต่างๆเหล่านี้ไว้เถิด
แล้วจะเป็นที่ชื่นชมยินดี
เป็นที่รักของคนทั้งหลาย.
…………………………………………..
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
กำลังใจ ๘ กัณฑ์ที่ ๑๓๑
วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๔๔๕







#ธรรมะในวันปวารณาออกพรรษา

"... ศาสนาไม่ใช่โบสถ์ ไม่ใช่วิหาร มิใช่กุฏิเสนาสนะ แต่ศาสนาคือพระธรรม พระวินัย ศีล ๕ ศีล ๑๐ ศีล ๘ ศีล ๒๒๗ จนกระทั่งถึงศีลพระ ศีลภิกษุณี คือ พระนิพพานที่ไม่มีตัวไม่มีตน มีแต่ความเสียสละ พัฒนาไปอย่างนี้

แต่ถ้าศีล ๕ ก็ไม่มี แล้วยังเห็นศีล ๕ เป็นข้าศึกอีก มันไม่ใช่

ศีล ๕ คือยาน ยิ่งกว่ายานอวกาศอีก
ศีล ๘ เป็นยานอวกาศระดับสูงขึ้นไปอีก
ศีล ๒๒๗ คือ ยานเหนือยานอวกาศไปอีก

พระนี้ไม่อดตาย เพราะพระคือ พระธรรม พระวินัย คนเขาเห็นพระ เขาก็ได้บุญ เห็นภิกษุผู้ที่หลงในวัตถุ หลงในสวรรค์ มันเป็นอัปมงคล

พระพุทธเจ้าให้ปวารณาออกพรรษาเพราะว่าผู้ที่มาบวชก็คือผู้ที่ต้องตามอุดมการณ์ ตามจุดมุ่งหมาย คือผู้ที่มุ่งมรรค ผล พระนิพพาน คือผู้ที่จะไม่มีทิฐิมานะ เพราะท่านได้วางหลักการไว้ เพราะอยู่ด้วยกัน มีทั้งพระอริยเจ้า มีทั้งปุถุชน มุ่งมรรค ผล นิพพาน อย่าเป็นผู้ที่มีทิฐิมานะตัวตนมาก แบบที่พากันเป็นอยู่อย่างนี้แหละ ที่เรียกกันว่าทิฐิพระ มานะของปุถุชน

เราต้องอย่าเป็นผู้มีทิฐิมานะ เห็นแก่ตัว อย่าไปทำอย่างนั้น เราอย่าพากันไปก๋า ไปกร่าง การอ่อนน้อมถ่อมตนคือคุณธรรมของผู้ที่จะเป็นพระอริยเจ้า เพราะคนเราน่ะ คนไม่ดี ไม่กี่เดือนกี่ปี มันก็ไปหากัน เพราะว่าไม่ละทิฐิ เรานี่น่ะ อย่าไปเป็นผู้มีทิฐิมานะ ความเห็นแก่ตัว ไม่งั้นฉันข้าวก็เสียข้าว ฉันน้ำก็เสียน้ำ เพราะว่ามีทิฐิมานะตัวตนมาก เราจะเป็นพระได้อย่างไร มาเอาตัวเอาตน เราต้องเสียสละ..."

บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม เมตตาให้นำมาบรรยาย
ในโอกาสวันออกพรรษา
วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม








#กระต่ายน้อยนั่งภาวนา..!!

"..ก่อนที่ #หลวงพ่อจวน_กุลเชฏฺโฐ จะมา
บุกเบิกสร้าง​ #วัดเจติยาคีรีวิหาร ที่ภูทอก
กิ่งอำเภอศรีวิไล จังหวัดหนองคายนั้นท่าน
ใช้ชีวิตเยี่ยงพระธุดงค์กรรมฐานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เจริญรอยตามพระอาจารย์ใหญ่คือ #หลวงปู่มั่น_ภูริทตฺโต จะอยู่ประจำที่ใดที่หนึ่งก็จำเพาะช่วงเข้าพรรษาเท่านั้น ออกพรรษาเมื่อใด ก็ออกเที่ยววิเวก ถือป่าเขาและเพิงถ้ำเป็นที่พักพิง กระนั้นก็มีอยู่หลายปีที่ท่านได้อาศัยป่าเป็นที่จำพรรษา.. "

...เมื่อ ๖๐ ปีก่อน อีสานทั้งภาคเต็มไปด้วยป่าทึบเป็นที่สิงอาศัยของสัตว์นานาชนิด จึงเป็นธรรมดาที่พระธุดงค์อย่างท่าน จะต้องพานพบสัตว์ร้ายน้อยใหญ่ บางครั้งช้างและเสือก็แวะเวียนให้เห็นใกล้ ๆ กุฏิที่พัก มีพรรษาหนึ่ง ท่านและหมู่มิตรได้ร่วมกันบำเพ็ญเพียรที่ดงหม้อทองในจังหวัดสกลนคร

...ท่านเล่าว่าคราวหนึ่งอาหารเกิดผิดสำแดง ทั้งพระและเณรเกิดท้องเสียกลางดึก แต่ส้วม
มีไม่พอ พระบางรูปจึงต้องเลี่ยงเข้าป่า แต่ไม่ทันจะได้ถ่ายทุกข์ เสือตัวหนึ่งก็เกิดผลุนผลันโผล่มาแล้วกระโดดข้ามหัวท่าน ตรงไป
ยังส้วมที่เณรกำลังทำกิจอยู่ พอรู้ว่าเสือมาเท่านั้น เณรก็กระโจนออกจากส้วม วิ่งป่าราบเลยทีเดียว

...บางวันช้างก็มาเดินเล่น พอมาถึงกระต๊อบของผ้าขาวผู้หนึ่ง ก็ยื่นงวงเข้าไปหยิบรองเท้าออกมาเล่นแล้วโยนเข้าป่าไปเท่านั้นไม่พอ ยังรื้อบันไดกุฏิออกมาอีกด้วย พอควานหาของเล่นพักใหญ่ก็เตรียมกลับ แต่ก่อนจะกลับก็เอางวงดุนฝาจนกุฏิโยก ตอนนั้นผ้าขาวอยู่กุฏิพอดี แต่ตอนที่ช้างหยิบรองเท้า ถอนบันไดนั้น แกคงไม่รู้สึกผิดปกติเพราะเป็นคนหูตึง ครั้นรู้สึกว่ากุฏิโยกก็เลยออกมาดู พอเห็นช้างป่าเต็มตาเท่านั้นแหละ ก็กระโจนหนีออกจากกุฏิ

...แต่ชีวิตในป่ามิได้มีแต่เรื่องน่ากลัวตัวสั่นเท่านั้น สิ่งอภิรมย์น่าชื่นชมก็มี ให้เห็นอยู่
เนือง ๆ ในระหว่างจำพรรษาที่ถ้ำพวง จังหวัดสกลนคร หลวงพ่อจวนเล่าว่า ทุกวันที่ท่าน
ออกเดินจงกรมเวลาบ่ายแก่ ๆ จะมีกระต่ายน้อยน่ารักตัวหนึ่งมานั่งหลับตานิ่งอยู่ ห่างจากทางจงกรมเพียง ๑ ศอกเท่านั้น ทำเช่นนี้เป็นประจำโดยไม่มีอาการตื่นกลัวท่านเลย

...อาการนั่งหลับตาพริ้มเช่นนั้น ดูราวกับว่า
มันกำลังนั่งภาวนากับท่านด้วย แต่ถ้าได้ยินเสียงคนเดินมากระต่ายก็จะวิ่งเข้าป่าไปทันที

#ท่านเองก็ไม่แน่ใจว่า_จริงๆแล้วกระต่ายต้องการจะภาวนากับท่านหรือไม่
#แต่ท่านเชื่อว่ามันเคยมี_นิสัย_วาสนา_ทางนี้มาแล้ว
#กระต่ายมานั่งหลับตาพริ้มยามท่านเดินจงกรมอยู่หลายวันก่อนที่ต่างจะแยกย้ายไปตามวิถีทางของตน.. "

#จากหนังสือลำธารริมลานธรรม
#โดยพระไพศาล_วิสาโล









เสียงนกเค้าร้อง เขาทำไมถึงรื่นเริงบันเทิงแท้ เราทำไมเศร้าสร้อยหงอยเหงา ไม่รื่นเริงบันเทิงเหมือนเขา เป็นยังไง เฮ้อ..มีแต่คนขอพระ แจกเท่าไรก็ไม่พอ กิเลสมนุษย์ไม่มีเมืองพอ ไม่รู้เอาไปทำอะไรเยอะแยะ ได้แล้วก็เอาอีก ให้แล้วก็ขออีก อยากได้มาก เหมือนเปรตเหมือนผี ไม่อิ่มไม่พอ ถ้าอิ่มถ้าพอก็เป็นบุญ ถ้าให้ได้ ทานได้ ก็ไปสวรรค์ไปนิพพาน ถ้าไม่พอ ก็ตกนรกเท่านั้นล่ะ เหมือนเปรตเหมือนผีไม่รู้จักพอ มีแต่ความอยาก อยากได้อะไรก็เอาหมดนั่นล่ะ ให้พากันสร้างเอาทำเอา สร้างตัวเองทำตัวเองนั่นล่ะ ไม่ได้ไปทำที่ไหน มรรคผลนิพพานอยู่กับตัวเองหมดแล้ว เอาล่ะ .

องค์หลวงปู่เพียร วิริโย









"..นับแต่นี้ไป
คงต้องปล่อย​.. ให้เป็นไป..
ตามกรรมของ.. สัตว์โลกแล้ว... "

#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปัณโน








#กินเจกินเนื้อ
- "กบ" กับ "คางคก"
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี

วันหนึ่งมีคนมาถามหลวงพ่อชา
เกี่ยวกับเรื่องการกินเจ
กับการกินอาหารเนื้ออาหารปลาต่างกันอย่างไร
อย่างไหนถูก อย่างไหนผิด

เพราะปัจจุบัน
มีสำนักปฏิบัติที่ถือข้อวัตรปฏิบัติต่างกันมากมายหลายแห่ง

บางแห่งถือว่าการกินเนื้อสัตว์เป็นบาปเป็นกรรมร่วม
เพราะเท่ากับเป็นการยุให้เขาฆ่าสัคว์
ที่นั้นจะต้องถือมังสวิรัติ
เว้นการฉันเนื้อฉันปลาอย่างเด็ดขาด

บางแห่งว่าการกินเจเป็นข้อวัตรของเทวทัตที่เคร่งครัดเกินไป
จนพระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาต
เขาจึงสงสัยว่าอย่างไรจะถูกอย่างไรจะผิด
ในระหว่างข้อวัตรปฏิบัติทั้งสองแบบนี้

ท่านตอบว่า

“เหมือนกบกับคางคกนั่นแหละ
โยมว่ากบกับคางคกอย่างไหนมันดีกว่ากัน

ความจริงแล้ว

พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ฉันอะไร ไม่ได้เป็นอะไร
ในจิตของท่านไม่มีอะไรเป็นอะไรอีกแล้ว

การบริโภคอาหารเป็นสักแต่ว่า
เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงร่างกายพอให้คงอยู่ได้
ท่านไม่ให้ติดในรสชาติของอาหาร
ไม่ให้ติดอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง

ให้รู้จักประมาณในการบริโภค
ไม่ให้บริโภคด้วยตัณหา
นี่เรียกว่า พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ฉันอะไร
ไม่มีอะไร ไม่เป็นอะไรแล้ว

ถ้าคนกินเนื้อไปติดอยู่ในรสชาติของเนื้อ นั่นเป็นตัณหา

ถ้าคนไม่กินเนื้อ พอเห็นคนอื่นกินเนื้อ
ก็รังเกียจและโกรธเขา ไปด่าว่านินทาเขา
เอาความชั่วของเขาไปไว้ในใจตัวเอง
นั่นก็เป็นคนโง่กว่าเขา
ทำไปตามอำนาจของตัณหาเหมือนกัน

การที่เราไปโกรธเกลียดเขานั้น
มันก็คือผีที่สิงอยูในใจเรา

เขากินเนื้อเป็นบาปเราโกรธเขา
เราก็เป็นผีเป็นบาปอีกเหมือนกัน

มันยังเป็นสัตว์อยู่ทั้งสองฝ่าย ยังไม่เป็นธรรมะ
อาตมาจึงว่าเหมือนกบกับคางคก”

“แต่ทางที่ถูกนั้น ใครจะกินอะไรก็กินไป แต่ให้มีธรรมะ

คนกินเนื้อ ก็อย่าเห็นแก่ปากปากท้อง
อย่าเห็นแก่ความเอร็ดอร่อยจนเกินไป อย่าถึงกับฆ่าเขากิน

ส่วนคนกินเจก็ให้เชื่อมั่นในข้อวัตรของตัวเอง
เห็นคนอื่นกินเนื้ออย่าไปโกรธเขา รักษาตัวเราไว้
อย่าให้คิดอยูในการกระทำภายนอก

พระเณรในวัดนี้ของอาตมาก็เหมือนกัน
องค์ไหนจะถือข้อวัตรฉันเจก็ถือไป
องค์ไหนจะฉันธรรมดาตามมีตามได้ก็ถือไป
แต่อย่าทะเลาะกัน อย่ามองกันในเง่ร้าย
อาตมาสอนอย่างนี้
ท่านก็อยู่ไปด้วยกันได้ ไม่เห็นมีอะไร

ให้เข้าใจว่า

ธรรมะที่แท้นั้น เราจะเข้าถึงได้ด้วยปัญญา
ทางปฏิบัติที่ถูกก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา

ถ้าเราสำรวมอินทรีย์
คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจไว้ดีแล้ว จิตก็จะสงบ
และปัญญาความรู้เท่าทันสภาพของสังขารทั้งหลาย ก็จะเกิดขึ้น
จิตใจก็เบื่อหน่ายจากสิ่งที่น่ารักน่าใคร่ทั้งหลาย
วิมุตตก็เกิดขึ้นเท่านั้น”

หลวงพ่อชา สุภัทโท









#ถ้าอยากทราบว่าตนเป็นพระโสดาบันหรือไม่นั้น_ก็มีแผนที่สอบคือ

"..สอบตนว่าตนเสียดายอยากล่วงละเมิดศีล ๕ หรือไม่

เสียดายอยากจะถือศาสดาอื่นนอกจากพระพุทธศาสนาไปหรือไม่
เสียดายอยากจะจองเวรท่านผู้อื่นหรือไม่
เสียดายอยากจะเล่นอบายมุขหรือไม่
เสียดายอยากจะถือฤกษ์ดียามดีหรือไม่
เสียดายอยากจะค้าขายเครื่องประหาร ค้าขายมนุษย์ ค้าขายสัตว์เป็นและเนื้อสัตว์
ที่ตัวฆ่าเพื่อเป็นอาหาร
ค้าขายน้ำเมา ค้าขายยาพิษ ทั้งหลายเหล่านี้หรือไม่
ถ้าไม่เสียดายอยากล่วงละเมิดทั้งหลายเหล่านี้แต่ต้นมาก็ตัดสินเอาเองว่าเรานี้แหละคือพระโสดาบัน
ถ้าไม่อย่างนี้แล้วก็เป็นโมฆะทั้งนั้น ให้เข้าใจ
ว่า​ สิ่งใดที่เราไม่เสียดายอยากล่วงละเมิดเพราะเห็นชัดด้วยปัญญา ด้วยดวงตาเห็นธรรม คือเห็นว่ามันเป็นเวรเป็นภัยจริงๆ ไม่มีศาลอุทธรณ์
ถ้าเราเห็นชัดอย่างนี้ความเสียดายอยากล่วงละเมิดของเราก็ไม่มี
เราก็ไม่หนักใจด้วย คล้ายๆ กับเราเห็นหลุมถ่านเพลิงอย่างชัดแจ้ง
เราไม่เสียดายอยากไปลุยเลย และก็ไม่สงสัยอีกด้วย
นี้แหละคือภูมิพระโสดาบัน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วก็เป็นพายเรือในอ่าง ดังกล่าวมาแล้ว.. "

#หลวงปู่หล้า_เขมปตฺโต
#วัดบรรพตคีรี_ภูจ้อก้อ







ผิวนี้มันบางนิดเดียว มันประดับคนเป็นนางงามจักรวาลได้นะ ใหญ่โตไหม กิเลสหลอกลวงคน

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน








นักปฏิบัติจริงๆ ศีลต้องบริสุทธิ์ สมาธิต้องทรงตัว วิปัสสนาญาณต้องแจ่มใส

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง






#เป็นผู้เพียรทำจิตให้ว่างจากร่างกายและอารมณ์ต่างๆ

ถึงแม้จิต จะยังอาศัยอยู่ในกาย แต่จิต ไม่หลงรักว่าเป็นอันเดียวกับจิต อย่าเอาจิต ไปนึกว่ามันมี รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส

-ปล่อยไป เพียงแต่ ผ่านมา ผ่านไปเท่านั้น-

ถ้าทรงอารมณ์อยู่ จิตไม่สนใจขันธ์ ๕ ของใคร วางเฉยไม่ทุกข์ร้อน ทำงานทุกอย่างตามหน้าที่

อารมณ์เฉยเป็นเอกัคตารมณ์ เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มี สำหรับเรา เราไม่มี สำหรับกาย จิตจะสะอาด เบิกบาน ผ่องใส พ้นจากความยึดมั่นในของปลอม ของทุกข์ ของร้อน

-พระท่าน เรียกว่า จิตของพระอรหันต์-

วิธีทำจิตให้ว่างจากกายเรา กายเขา แบบนี้ เป็นวิธีลัดแบบง่าย มีแต่พรหมวิหาร ๔ ไม่ยึดถืออารมณ์ใดๆมาไว้ในจิต มีความจำได้หมายรู้ ก็เหมือนไม่มีความจำ เพราะความจำอยู่ได้ไม่นาน ไม่ช้าก็ลืม ประสาทสมองลืมง่าย

-ความคิด ความจำ ความฟุ้งซ่าน วิตก กังวล เป็นเรื่องของกาย ให้สลัดทิ้ง-

ให้จิต เต็มไปด้วยพระธรรม คำสอน ของพระพุทธเจ้า จิตจะเบา บริสุทธิ์ สะอาด จิตอันนี้ เราจะตามรอยพระพุทธบาท เมื่อกายพังแตกสลาย

-ผู้เพียร ทำจิตให้ว่างจากร่างกาย หรืออารมณ์ ต่างๆ แบบนี้ เป็นแบบของพระอริยเจ้า-

เป็นสมาธิ เป็นวิปัสสนาญาณ อยู่ด้วยกัน ทำได้ทุกเวลา ทุกอิริยาบถ นั่ง นอน ยืน เดิน ทำได้ทั้งที่อยู่คนเดียวและอยู่แบบหมู่คณะ เป็นทางหลุดพ้นทุกข์ได้อย่างแน่นอน เป็นทางลัดตรงไปสู่จุดหมายปลายทางคือ พระนิพพาน

#คติธรรมคำสอน #หลวงปู่ดาบส #สุมโน








#การถ่ายรูปนี่เราไม่สนับสนุนนะ

มาคิดถึงองค์พระพุทธเจ้านี่ เป็นองค์พระพุทธเจ้าโดยสมบูรณ์ ไม่ปรากฏว่ามีการถ่ายรูปนะ

พระพุทธเจ้าทรงสอน ทรงตรัส เรื่องรูปนี่ เมื่อดูจริงๆแล้ว รูปนี้ เป็นรูปขึ้นมา สิ่งที่จะเข้ามาปั้นเป็นรูป ล้วนแล้วแต่เป็นของปฏิกูลทั้งนั้น

พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ดูรูปของเจ้าของ แล้วความยินดีในสรีระรูป ที่เป็นของปฏิกูลนี้จะลดน้อยลงไป

เดี๋ยวนี้ มีแต่อะไรที่สวยงามๆ อะไรที่จะเป็นไปในทางที่พระพุทธเจ้าพูด ไม่ค่อยมีเกิดขึ้น

พระพุทธเจ้า ส่งเสริมเราให้ดูรูปให้ชัด มี ขี้มูก ขี้หู ขี้ฟัน ออกมาจากอวัยวะต่างๆ กินเข้าไปประเดี๋ยว ประด๋าว ก็ถ่ายหรืออาเจียนออกมา ไม่มีใครเอามาดมหรอก

นี่พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ดูรูป
แต่สังคมชาวพุทธนี้ สนใจแต่ถ่ายรูปกัน ถ่ายรูปนั้น รูปนี้ แต่รูปเจ้าของนี่ไม่สนใจเลย

สนใจแต่ "เงา"
เวลาแต่งตัว
ส่องดูกระจกกัน

เดี๋ยวนี้พระไม่ธรรมดานะ มีกล้องถ่ายรูปติดย่าม บางองค์สะพายเลยนะ

วันนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดเรื่องเหล่านี้นะ แต่ก็หมุนมาจนได้ เอ้าพากันตั้งใจรับพร

ธรรมเทศนายามเช้า
พระอาจารย์แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ สกลนคร
18 ตค. 2561








"การสร้างบุญ สร้างกุศล
สำหรับพวกเราเองก็เหมือนกัน
สร้างทุกวันทุกคืน มีน้อยให้ตามน้อย
มีมากให้ตามมาก ตามกำลังของเรา
เราอย่าไปคิดว่า ให้เป็นเศรษฐีเสียก่อน
แล้วค่อยทำบุญ นี้ตายทิ้งเปล่าๆ"

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน






"ความชั่วของคนอื่นมีมาก
หากมีคนมาถาม ก็ไม่พูดหรือพูดน้อย

ความดีของคนอื่นมีน้อย
หากมีผู้มาถาม ก็พูดให้มาก

ความชั่วของตนมีน้อย
หากมีผู้มาถาม ก็พูดให้หมด

ความดีของตนถึงจะมีมาก
ถ้าไม่มีผู้ถามก็ไม่ต้องพูด"

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี








"..ไล่กิเลส
ออกไปได้เมื่อไหร่
ธรรมก็เข้าเมื่อนั้น

เหมือนความร้อนหน่ะ
เอาความเย็นเข้าไป
เมื่อไหร่ ความร้อน
ก็จางไปตรงนั้น "

โอวามธรรม
พระอาจารย์โสภา สมโณ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร