วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 18:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2021, 05:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"พระเป็นเนื้อนาบุญก็มี
เป็นเนื้อนาบาปก็เยอะ
เหมือนปลา ปลาก็มีทั้งก้างทั้งเนื้อ
คนมีปัญญาเขาก็เลือกกิน"

หลวงปู่ประเวศ ปัญญาธโร วัดป่าสามัคคีธรรม บ้านโจด อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด




…ถ้าเรายังไม่สามารถภาวนาได้
“ อย่างน้อยก็ทำเรื่องบุญก่อนก็แล้วกัน “

.ทำบุญทำทานไป
อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไปทำบาป
ทำบาปแล้ว..จะทุกข์ทั้งตอนที่ยังไม่ตาย
และทุกข์ตอนที่ตายแล้ว

.ตอนนอนหลับก็ฝันร้าย สู้ทำบุญดีกว่า
หรือทำบุญไม่ได้..
“ ก็อย่าทำบาปก็แล้วกัน “
อย่าทำบาป..ถ้าอยากจะมีความสุข.
……………………………………………
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๓









ตอนกลางค่ำกลางคืนก็ให้พี่น้องทั้งหลายได้ภาวนากันบ้าง สงบใจประมาณสัก ๕ นาทีก็ยังดี เบื้องต้นบังคับเสียก่อน ท่านทั้งหลายให้บังคับท่านทั้งหลายเอง บังคับความชั่วที่มันคิดมันปรุงอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับ เอาความหลับนั้นเป็นเวลาระงับความคิดนี้ มนุษย์เรานี้ได้นอนหลับระงับความคิด ความปรุง มันก่อฟืนก่อไฟตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับ ให้เอาไประงับ ภาวนา ภาวนาธรรมบทใดก็ตาม ให้ได้วันหนึ่งสัก ๕ นาที เอาไปบังคับตัวเองบ้างซิ มันเป็นยังไง บังคับเพื่อความดีแก่ตน มันจะเสียหายที่ตรงไหน

คำสอน หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน







“อย่าน้อยใจในวาสนาของตน
การที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์นั้น
ย่อมมีบุญวาสนามาก ยิ่งได้มาพบ
พระพุทธศาสนาแล้ว นับว่าสั่งสมบุญมา
ไม่น้อย จึงควรรีบตักตวงเอาบุญกุศล
ในอัตภาพนี้เสีย อย่าได้เสียที ที่ได้เกิด
มาเป็นมนุษย์ ซึ่งสัตว์ทั้งหลาย
ไม่มีโอกาสอย่างนี้”

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต








"ไอ้คนใจบอด มันใจคับแคบ ตระหนี่ถี่เหนียว
มองคนอื่นเขาเลวหมด แต่ไม่เคยมองดูตัวเอง
แต่ถ้ามึงใจไม่บอด ต่อให้แต่งตัวโกโรโกโสยังไง
ใครๆ เขาก็อยากคบมึง"

หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ







"คนเรา คิดเรื่องอะไรบ่อยๆ
จิตใจของเรา จะชินกับความคิดอย่างนั้น
และคล่องในความคิดเช่นนั้น กลายเป็นนิสัย

ถ้าเราคิดไปในทางอิจฉาพยาบาทบ่อยๆ
เราจะกลายเป็นคนอิจฉาพยาบาท
ถ้าเราคิดไปในทางให้อภัย เราก็จะกลายเป็น
ผู้ที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร

เราจึงต้องพยายามป้องกันภัย ไม่ให้ชิน
ในสิ่งเสื่อมเสีย และพยายามสร้างความเคยชิน
ในสิ่งดีงาม ถึงแม้ว่าจะไม่หลุดพ้นจากกิเลส
โดยสิ้นเชิง มันก็ยังเป็นประโยชน์ต่อชีวิตเรามาก"

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ









"บุญจะมีเท่าเม็ดงา หรือขาริ้นก็ตาม
เธอทั้งหลาย อย่าประมาทเน้อ
ถ้าทำอยู่บ่อยๆ ก็สามารถจะมากขึ้น
เหมือนฝนตกลงมา ทีละเล็กละน้อย
ก็ทำให้แผ่นดินชุ่มกุศลผลบุญ
คือความดีสุจริตธรรม ที่เธอทั้งหลายทำ
ใจของพวกเธอ ก็นับวันจะสูงขึ้น"

หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต







"เวลาในชีวิตของคนเรา มันมีน้อย
วัน เดือน ปี มันเคลื่อนคล้อยลอยไป
ชีวิตเราก็ใกล้เข้า ขยับเข้าจ่อปากมัจจุราช
ทุกๆ ที เราจะมัวหลงมัวเพลิน อะไรกันอยู่?
ทานก็ดี ศีลก็ดี ภาวนาก็ดี อะไรที่ยังไม่ได้ทำ
ก็ให้พากันทำเสีย หากเวลาในชีวิตหมดลงแล้ว
จะย้อนกลับมาทำอีกไม่ได้"

หลวงปู่ขาว อนาลโย






" เรามาโรงพยาบาล
รักษาตัว ถ้าเข้าใจเพียง
แต่เท่านี้ก็ชื่อว่าเข้าใจผิด

ต้องทำความเข้าใจว่า
เรามาทำจิตปลงสังเวช
บำเพ็ญสมณธรรม
อันจะนำตนให้พ้นไป
จากความทุกข์ทั้งปวง

ให้ถือเสียว่าเรามา
รักษาจิตของเราต่างหาก
เพราะเราไม่ใช่หมอ
เราไม่ต้องไปยุ่งกังวล
กับเรื่องของร่างกาย
ให้มากนัก ทำจิต
ให้เสียกำลังไปเปล่าๆ

ตัวเราผู้ป่วยมีหน้าที่
ต้องใช้สติรักษาจิต
ของตัวอย่างเดียวเท่านั้น
มันจะเป็นมากน้อยจะตาย
จะหายอย่างไร ไม่ใช่ธุระ
ของเราทั้งสิ้น

ต้องตั้งจิตของตนอย่างนี้
จึงจะเป็นการถูกต้อง "

โอวาทธรรม
ท่านพ่อลี ธัมมธโร






วิบากกรรม ตั้งแต่ "อดีตชาติ" ส่งผลถึง "ปัจจุบันชาติ"

คนเราอยากไปคิดว่าอายุ 80 ปี 90 ปี 100 ปึ ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้ได้สร้างบารมีมากพอสมควรที่จะไปสักการะบูชา เราอย่ามองข้ามในระหว่างพระภิกษุสามเณรที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา ผู้ที่มีความตั้งใจประพฤติปฏิบัติและอีกยัง

เป็นผู้เคยสร้างบารมีมาหลายภพหลายชาติสันชาติญาณผู้ที่เคยสร้างบารมีมาหลายภพหลายชาติเกิดขึ้นมาจิตใจจะเป็นบุญเป็นกุศลตั้งแต่รู้เดียงสาอยากจะเข้าไปอยู่ในวัดยกตัวอย่างหลวงพ่อที่พูดอยู่เนี้ย มีนิสัยตั้งแต่เป็นเด็กไปวิ่งตามก้นพระกรรมฐานอยู่ในวัด ไปถวายน้ำ ไปดายหญ้า มือจับด้ามจอบเนี้ยมันยังไม่แข็งแรง(เพราะเป็นเด็กอยู่) จอบมันก็สับหลังเท้าเนี้ยเป็นแผลมา เลือดไหลมาถึงบ้านพ่อก็ดุเอาเพราะสมัยนั้นมันยังเป็นเด็กอยู่ยังทำไม่เป็นนั้นแหละมีนิสัยจนได้เข้าโรงเรียนพอออกโรงเรียนประถมปีที่ 4

ก็ขอพ่อไปบวชโยมพ่อก็ไม่ให้ไปบวชเพราะว่า น้องยังมีหลายคนพ่อก็เลยว่าให้ช่วยเลี้ยงน้องให้น้องโตเสียก่อนแม่มีน้องหลายคนจำเป็นจะต้องอยู่ อดทนอยู่เลี้ยงน้องไป น้องคนเล็กเข้าโรงเรียนอยู่ชั้น ป.2 ก็เลยได้เข้ามาบวชตอนอายุ 18 ย่าง 19 ปีได้เข้ามาอยู่ในพระพุทธศาสนา

ได้เป็นสามเณรอยู่ 2 พรรษา ท่านมหาประกอบ ก็เหมือนกันบวชเข้ามาก็ได้มาศึกษาทางพระพุทธศาสนา
จนแตกฉานในเรื่องวิชาทางศาสนาได้เข้าใจ และได้บำเพ็ญภาวนามาจากนั้นก็ยกเลิกในการศึกษามาประพฤติปฏิบัติเอาจริงเอาจังด้านภาวนา
มาสร้างบารมี คือว่า การสร้างบารมีมันมีตั้งแต่อดีตชาติไม่ใช่แค่ชาตินี้ชาติเดียว แต่คนเราเกิดมาเนี้ยไม่ใช่ว่าจะสร้างแต่บารมีอย่างเดียว สร้างวิบากกรรมก็มีอยู่เหมือนกัน เพระาเกิดมาหลายภพหลายชาติมีวิบากกรรมติดตัวมาทุกคนเพราะฉะนั้นการเวียนว่ายตายเกิด
ในวัฏสงสารมันมีเยอะมันมีบาปมีกรรมติดตัวมา บาปติดตัวมาเนี้ยเขาเรียกว่าวิบากกรรม วิบากกรรมตัวนี้ติดตัวมา

ทำไมเราถึงมาสำนึกว่าวิบากกรรมเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ภิกษุสามเณรที่เป็น หลวงปู่ครูบาอาจารย์ของเราทุกๆองค์ที่บวชเข้ามาจะผ่านวิบากกรรมเนี้ยทุกๆองค์จนคิดจะอยู่ไม่ได้บางรูปบางองค์อย่างที่หลวงปู่เสาร์อย่างเนี้ยท่านคิดจะสึกแล้ว หลวงปู่มั่นก็เหมือนกันคิดจะสึกเหมือนกันแต่ด้วยการเคยสร้างบารมีมา นั้นแหละ! เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วก็เกิดสลดสังเวชจำเป็นจะต้องละจากการที่ตั้งใจเอาไว้ “คิดจะสึก” มันหมดเพราะไปเห็นความไม่เที่ยงในระหว่างการเกิดการแก่การเจ็บการตาย

อย่างหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นท่านก็ไปเห็นความไม่เที่ยงในระหว่างผู้ที่เป็นบิดามารดาตายจากไปอย่างเนี้ย
สิ่งไหนที่เคยคิดเอาไว้มันละออกจากจิตใจนี้ทั้งหมดสักวันหนึ่งเราจะต้องตายเหมือนกับพ่อกับแม่ของพวกเราเมื่อท่านมาพิจารณาอย่างนี้แล้วก็ตั้งใจภาวนาใหม่ ตั้งใจใหม่ จนได้สำเร็จสมความปราถนามีความมุ่งมั่นที่จะประพฤติปฏิบัติทีนี้คำว่า วิบาก เอาตัวอย่างอย่างที่วัดป่านี้ ผู้ที่มีศรัทธามีเยอะผู้เป็นศัตรูก็มีเหมือนกัน ผู้ที่มีศรัทธาเรียกกว่าเป็นผู้ที่มีศรัทธาสั่งสมบุญบารมีร่วมกัน
มาอาจจะเป็นหลายภพหลายชาติได้ส่งเสริมในพระพุทธศาสนาร่วมกันมาแต่ยังมีอุปสรรค เราจะมองเห็นศาลาสวยงามอย่างนี้

เป็นโบสถ์สวยงามอย่างนี้ เรายังไม่รู้หรอกบางคน ว่ามีอุปสรรคอย่างไรนี้แหละคำว่า วิบาก มาถวงดุลในการเจริญ ถึงจะสร้างขึ้นมาด้วยความเจริญอย่างรวดเร็วก็จริงแต่ว่าสิ่งที่ยังขวางกันก็ยังมีอยู่ยังมีเส้นผมบังภูเขาอยู่ก็มีนิแหละคำว่า วิบากทำไมถึงว่าเป็นอย่างนี้เพราะเป็นกรรมของผู้นำเป็นวิบากของผู้นำโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นวิบากของเจ้าอาวาสโดยตรง เจ้าอาวาสเคยสร้างวิบากกรรมเอาไว้อย่างใดอย่างหนึ่งในชาติปางก่อนพอมาถึงจุดจุดนี้จะต้องมีสิ่งที่มาขวางกั้น ไม่ให้เกิดความสะดวกในการกระทำถึงว่าจะมีความตั้งใจบริสุทธิ์ใจขนาดไหนก็ยังมีอุปสรรคอยู่มาขวางกั้นอยู่ถวงดุลุวงเวลาเหมือนกับมีเซียนหนามทิ่มอยู่ในฝ่าเท้าของตนเองอย่างนี้เดินไปมันก็เจ็บเท้าแล้วก็กว่าจะเอาเข็มมาบ่งออกไปแต่มันก็อยู่ลึกเหลือเกินมันก็บ่งไปถึง ถ้ามันอยู่ผิวหนังมันก็บ่งง่ายแต่มันอยู่ลึกในใจกลางเนื้อเรา เราบ่งไม่ถึงจำเป็นก็ต้องทนเจ็บอย่างนั้นไปก่อน
เดี๋ยวสักวันหนึ่งถ้าหมดวิบากแล้วหนามนั้นก็จะย้อนกลับออกไปเรื่อยๆ จนไปถึงผิวแล้วก็หลุดออกไปเองอันนี้ คำว่าวิบากตรงนี้มันมีทุกคน

***อย่างที่หลวงปู่พูดอยู่เนี้ย ที่ไปอยู่วัดป่าหนองช้างคาวก็มีวิบากเหมือนกันมีวิบากที่จะต้องเล่าให้ฟังในเบื้องต้นที่เคยเห็นนิมิตรตั้งแต่บวชมาในพระพุทธศาสนาตั้งแต่เป็นสามเณรมาจนได้มาบวชเป็นพระได้นิมิตรตั้งแต่เป็นเณรยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่พอบวช
เป็นพระพรรษาแรกได้นิมิตรชัดเจนทันทีเลยย้อนอดีตชาติไปในอดีตชาตินี้เคย ไปสร้างกรรมเอาไว้ไปสร้างกรรมยังไง เราไปสร้างกรรมเนี้ย ไม่ได้ไปทำเพื่อที่จะมาเอาเป็นของต้นเอง เราไปไล่ยายคนหนึ่งออกจากพื้นที่ของแกยายนั้นอยู่ที่นั้นตั้งแต่เกิดพื้นที่ตรงนั้น
ทำไมถึงไปไล่ในสมัยก่อนนั้นเขาให้สิทธิแกผู้ปกครองในระหว่างเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในตำแหน่งที่เป็นหมอมหลวงขึ้นไปหมอมหลวงเจ้าหมอมหลวงอะไร

ในสมัยก่อนนั้นนูนแหละเจ้าพระยานั้นเจ้าพระยานี้ สมัยนั้นแผ่นดินมันยังกว้างขวางพระเจ้าพระยาคนนั้นอยากได้ที่ตรงนั้นกี่ร้อยไร่กี่พันไร่อย่างนี้ก็ยกให้เป็นสมบัติของผู้นำของแผ่นดินว่างั้นเถอะนั้นแหละเขามีสิทธิ ในสมัยนั้นกฏหมายอนุญาติ เพราะฉนั้นคนที่อยู่พื้นที่ใน
ตรงนั้นจะต้องขยับขยายออกไปจากที่นั้นแล้วผู้ที่จะขยับขยายจะสั่งใครเป็นผู้ไปขับไล่ออกนอกจากพนักงานเจ้าหน้าที่ของเจ้าของแผ่นดิน
คือเจ้าหน้าที่คือพนักงานแผ่นดินทำหน้าที่เรื่องเกี่ยวกับพนักงานที่ดินว่างั้นเถอะหมายถึงว่า พนักงานที่ดินอำเภอ พนักงานที่ดินจังหวัดอย่างนี้ที่นี้
มันย้อนอดีตว่าในครั้งนั้นเนี้ยหลวงปู่ในนามที่เป็นพนักงานที่ดิน ทำงานเป็นพนักงานที่ดินมีเพื่อนที่เรียนจบด้วยกันคือ

ลูกชายของยายคนนั้นก็ทำงานด้วยกันเพื่อนก็เลยบอกว่าเจ้านายอยากได้ที่ดินตรงนี้ให้เพื่อนบอกแม่แล้วกันนะ บอกให้แม่เราย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่นไปหาที่อยู่ใหม่ ถ้าจะให้เราบอกแม่ แม่ก็จะดุเราลูกชายก็ไม่กล้าบอกก็มาบอกเราเนี้ยเราก็เป็นเพื่อนกันกับลูกชายเขาก็ไปอยู่กินนอนกินอยู่ที่นั้นรักเรารักยายนั้นก็เหมือนกับแม่ของตนเอง ก็เลยไปบอกว่าแม่ หมอมหลวงเขาอยากได้ที่ตรงนี้ 500 ไร่ บ้านของเรามันอยู่ในพื้นที่ตรงนี้เราต้องย้ายบ้านออกนะ โห..แกโกรธให้เราเลยจองล้างจองผลาญ จองกรรมจองเวรเลย เขารู้ได้ยังไงว่าที่ตรงนี้มันดี ถ้าพวกมึงไม่ไปบอกเขา กูไม่หนี้ ไม่หนี้ไม่ได้แม่ไปเขี้ยวเข็นกันอยู่งั้นทะเลาะกันอยู่
งั้นแกก็เลยใส่กรรม เกิดทุกภพทุกชาติให้มึงถูกไล่เหมือนอย่างกู พอเราได้นิมิตรอย่างนั้นมาก็ฝังลึกอยู่ในใจ จิตใจก็ไม่ลืมเท่าทุกวันนี้แหละไม่ลืมเลยตั้งแต่เป็นพระ พรรษาแรกทีนี้พอไปอยู่วัดป่าปฐพีบรรพต ไปตั้งวัดใหม่ที่บ้านคำแคน ก็ได้รับกิจนิมนต์ไปที่นั้นที่นี้ก็เก็บปัจจัยเอาไว้เก็บปัจจัยเอาไว้ได้สองหมื่นบาท พอดีเขาจะขายที่ติดวัด 20 ไร่ ไร่ละ 1,000 บาท
เราก็เก็บเงิน ตั้ง 7 ปี 8 ปี ถึงได้เงิน สองหมื่นหนะ เก็บไว้ซื้อที่ดินเก็บเงินไว้ซื้อที่ดินจะอุทิศส่วนกุศลให้ยาย
นั้นให้มันพ้นกรรมที่แกจองกรรมจองเวรเรานั่งภาวนาทุกวันจะได้ยินเสียงคำนี้ ขึ้นมาทุกครั้งเลยทีนี้ก็
พอได้เงินสองหมื่นแล้วเขาก็บอกขายที่ดินพอดีก็เลยไปซื้อที่ดินของชาวบ้านไปถามเขาว่าจะขายหรือเปล่าเจ้าของเขาอยู่ที่อำเภอกุมภวาปี เขาก็เลยไปถาม เขาก็เลยว่าจะขายอยู่ไร่ละ 1,000 บาท

โอไร่ละพันบาทสมัยนั้นปี 2517 แหม่…มันมากเหลือกเกินเราเก็บตั้งเจ็ดปีถึงจะได้เงินสองหมื่นบาท
นั้นแหละก็เลยไปจ่ายค่าที่ดินไร่ละพันบาทก็เลยได้ที่ไปถวายอุทิศส่วนกุศลให้ยาย พอถวายแล้วอุทิศส่วนกุศลให้แล้วภาวนายังได้ยินเสียงน้ันอยู่
โอ๊ย…ทำยังไงมันถึงจะหมดกรรมเราก็อยู่ที่วัดป่าปฐพีบรรพตได้ 10 พรรษาสร้างศาลาเสร็จก็เลยไปอยู่วัดป่าหนองช้างคาววันแรก พออยู่วันแรกเช้ามาถูกไล่เลย พระมหานิกาย 6 อำเภอ เขาได้ข่าวไวถึงขนาดนั้นสั่งลูกศิษย์เป็นฆารวาสมาไล่วันแรก
หลังจากนั้นมาอยู่ 3 เดือนยกมา 6 อำเภอ เจ้าคณะอำเภอ 6 อำเภอ เจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาสอีก
แหม่หกเจ็ดคันรถนั่งไม่ได้ยื่นกันมาเฉพาะพระเนี้ยมาไล่เขาจะไม่ให้ตั้งวัดที่นั้น โห…กรรม นี้เหรอที่ยายว่าให้มันทุกกไล่ทุกภพทุกชาติ นี้มันถึงอกถึงใจว่างั้นเถอะ จากนั้นเราก็พยายามเก็บปัจจัยไว้อีกจะซื้อที่ดิน ไปสวดมนต์เก็บส่วนนี้..ไว้ ในงานทอดผ้าป่าบ้าง
ในงานทอดกฐินบ้าง ทำบุญบ้าง คนที่มาถวายปัจจัยทำบุญงานนั้นงานนี้มั่ง อันนั้นเก็บไว้สร้างศาลา สร้างกุฏิ แต่ส่วนที่เราไปรับกิจนิมนต์ไปสวดมนต์รับกิจเราเก็บไว้ซื้อที่ดิน แล้วก็ไปซื้อที่ดินแลก เอาไปซื้อที่ดินข้างนอกแล้วก็มาแลกที่ติดวัด 20 ไร่
อีกอยู่ที่วัดป่าหนองช้างคาว อุทิศบุญให้ยายก็ยังไม่จบก็ยังถูกไล่มาตั้งแต่วันนั้นมาตั้งแต่ตั้งวัดมาถึง 16 ปี เต็มๆ ถูกไล่ปีล่ะ 2-3 ครั้ง
เขายกขบวนมาไล่ พระหลายคันรถโยมก็หลายคันรถมานั่งด่าเต็มศาลาอย่างเนี้ยผู้หญิงคนไหนที่ด่าสามีเก่งๆเอามานั่งด่า ด่าคนละสองชั่วโมงสามชั่วโมงคิดดูสิด่าตั้งแต่ฉันเช้าเสร็จ บ่ายสามโมงถึงจบ สามคนจบพอดีมีแต่ผู้หญิงเดะด่า “พระสันจรมาจากที่ไหนไม่รู้จัก ต้นปลายสายเหตุ” ทั้งๆที่เขารู้อยู่นะเรารู้เราก็ไม่ใช่คนบ้านอื่นบ้านไกล

ตรงนั้นก็เป็นบ้านเกิดของเราด้วยมันยังมาด่าพวกที่ด่าก็คนแถวนั้นละ มันยังมาว่าไม่รู้ ใครเป็นคนถวายที่แปลงนี้
มันก็ยังว่าอยู่ทั้งๆที่แปลงนี้เราซื้อเอาแล้วก็ส่วนหนึ่งเป็นโยมลุงที่ถวายรวมกันแล้ว โยมถวาย 20 ไร่ ซื้ออีก 20 ไร่เป็น 40 ไร่ แล้วก็ที่ติดป่าช้าอีก 80 ไร่ นี้เป็นที่อยู่หนองช้างคาวครั้งแรกเขาก็ยังมาไล่ “ใครไปนิมนต์มา” เราก็มีความมั่นใจว่า.. เพราะว่าถึงจะไล่เราก็ไม่หนี เพราะโยมลุงเป็นคนถวายที่ที่ติดกับที่นาของลุง ลุงก็คือเป็นพี่ชายของโยมแม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีสิทธิ
ในที่ดินสักหนึ่งวาเลยเขายังมาไล่ ไล่อยู่ถึง 16 ปี เต็มๆคิดดูสิ แหม่ถ้าเป็นพวกเราอยู่ได้หรือเปล่าเขาด่าว่าสารพัด หมูๆ หมาๆ ด่าหมดทุกอย่าง เวลากลางคืนเนี้ยอยู่ในหมู่บ้านเขาคุยกันว่า ทำไง! พระวัดป่าถึงจะหนี ไอ้คนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า

“ไปขี้ใส่โองน้ำให้มันมันไม่มีน้ำกินมันก็หนี” เรานั่งภาวนาอยู่ที่กุฏิอยู่กลางคืนเดินจงกลมอยู่เดินจงกลมแล้วขึ้นมานั่ง เหมือนกับไปยืนดูเขาอยู่ที่กลางหมู่บ้านเขานั่งประชุมกันอยู่เขาคุยกัน เราได้ยินคำที่เขาพูดนี้หมดทุกคำ ไม่รู้ว่านิมิตรมันเป็นยังไงเหมือนกับไปยืนดูเขาอยู่ใกล้ๆ พอวันหลังมาก็เป็นวันพระ พวกลูกศิษย์ลูกหาศรัทธาญาติโยมก็มาที่วัดมารักษาศีลอุโบสถ รักษาศีลตั้งแต่ผู้เฒ่าจนถึงหนุ่มๆสาวๆเด็กๆ ก็พากันมาเต็มศาลานั่งใส่เสื้อขาวเหมือนพวกเรานี้มานั่งภาวนา
เราก็อบรมสมาธิไปพานั่งสมาธิไปถึง 4-5 ทุ่มแล้วก็ก่อนจะเลิกเราก็สอนอีกหนึ่งชั่วโมง ให้พากันรักษาสติอารมณ์ให้ดีถึงว่าเขาจะอิจฉาพยาบาทเรามาไล่เรา มาแกล้งที่จะกลั้นแกล้งไม่ให้พวกเราได้สร้างคุณงามความดี อย่าไปหวั่นไหว การสร้างคุณงามความดีมันมีมารมาเป็นเรื่องธรรมดา อย่าว่าแต่พวกเราเลยพระพุทธเจ้ายังมีมารมากกว่าพวกเราแค่นี้เพียงเล็กน้อยเราก็พูดอย่างนี้แม้เขาจะมาขี้ใส่น้ำให้หลวงพ่อกินหลวงพ่อก็จะกิน เพราะพระพุทธเจ้าแสดงธรรมเอาไว้ว่า

ยาที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในตำราของพระพุทธเจ้าคือ ฉันยาดองด้วยน้ำมูตเน่า แสดงว่าเราจะได้ฉันยาดองด้วยน้ำมูตเน่า นั้นแหละเป็นยาดีที่สุดหลวงพ่อก็จะฉัน โยมที่เขามานั่งฟังเทศน์อยู่นั้นนั่งสมาธิอยู่นั้น เขาได้ยินกันทั้งหมู่บ้าน เขาก็เลยไปซุบซิบกันหลวงพ่อได้ยินยังไงว่ะ ใครมาพูดให้หลวงพ่อฟังไม่มีใครมาพูดให้เราฟังอ่ะแต่เราได้นิมิตรตั้งแต่กลางคืนแล้ว
แต่พอวันหลังมาเท่านั้นแหละเลยวันพระมาคนที่มันพูดนะมันซื้อวัวมา 4 ตัว วัว 4 ตัวชักลงตายหมดเลยมันฉิบหายวายวอดเลยว่างั้นเถอะ
แต่ไม่รู้ว่าเป็นยังไงนะ เราก็ไม่ได้ไปใส่กรรมเขานะ แต่มันเป็นวิบัติเลยไม่เจริญรุ่งเรืองนั้นแหละทำให้คนนั้นตั้งแต่วันนั้นไม่กล้าพูดอยู่มาลูกหลานเกิดขึ้นมาร้องไห้ตลอดทั้งวัดทั้งคืนที่นี้ไม่กินนมแม่ไม่กินข้าวกินน้ำร้องไห้เป็นเดือนก็ไม่กินนมเอาไปหาหมอที่ไหนก็ไม่หายเอาไปหาพระวัดไหนก็ไม่หาย หมอที่ไหนก็รักษาไม่หายแล้วจนเด็กเหลืองตัวเขียวหมดเลย ทั้งเหลืองทั้งเขียว

ผลสุดท้ายถ้าเป็นอย่างนี้เอาไปหาหลวงพ่อ ถ้าไปหาหลวงพ่อที่วัดหนะหาย..มันก็กั้นใจอ้มหลานมา
ผลสุดท้ายมาแล้วเราก็ผูกสายสินผูกข้อมือให้ก็เป่าหัว ก็ว่าหายสะเด้อหลานเอ๋ย พอเป่าเท่านั้นแหละมันก็ร้องแอ้ แม่มันก็เอานมให้กินที่วัดนั้นแหละพอวันนั้นก็หายเลย ทุกอย่างยกเลิกตั้งแต่วันนั้น ครอบครัวนั้นตักบาตรทุกวันจากศัตรูหมายเลขหนึ่งกลายเป็นมิตร ที่นี้ครอบครัวอื่นก็เจออย่างนั้นมาเรื่อยๆจนครบ 16 ปี ทายกวัดบ้านเป็นผู้นำเป็นผู้บุกระดม
ไม่ให้ชาวบ้านมาจั่งหันที่วัดป่า จะบุกระดมอยู่ตลอดเวลาอยู่มาวันหนึ่งแกไปซื้อควายมา 2 ตัว ควายเป็นควายใหญ่ ใหญ่มากราคา 30,000 แต่ละตัวเนี้ย เขาจะเอามาทำนามาใส่เกวียนไปเข็นข้าวข่นฟืน ที่นี้ก็อยู่ดีๆ
ก็จูงควายไปเลี้ยงที่โคกก่อนทางที่จะขึ้นโคกมันเป็นบ้านเก่าของคนทางเดินมันจะสูงลึก
และข้างทางมันจะเป็นทางเดินทางควายขึ้นไปเป็นทางเดินพอควายที่จะผ่านไปได้เท่านั้นเองที่นี้ควายมันเดินขึ้นเดินลง มันก็เป็นร่องลึกมาถึงที่นั้นหนะควายไม่รู้ว่ากลัวอะไร ตัวเจ้าของควายเองไม่รู้ว่าคิดอย่างไงวันนั้นเอาเชือกควายมาผูกตัว ตัวเองทั้งสองตัว ผูกใส่เอวตัวเองเนี้ยควายมันก็วิ่งเลย วิ่งขึ้นช่องนั้นพอดี เออ ไม่รู้ว่ามันกลัวอะไรข้างหน้ามันก็ไม่มีอะไร
แต่ควายมันกลัววิ่งขึ้นตรงนั้นเลยทันทีคนก็ไปคัดอยู่ตรงนั้นผ่านไปไม่ได้ กว่าเชือกควายจะขาดเอวคนมันจะขาดก่อน สะหลบอยู่ที่นั้นจนคนไปเจอควายมันขาดไปแล้วคนไปเจอนอนแองแมงอยู่นั้นเข้าห้อง ICU อยู่ที่จังหวัดอุดรอยู่เป็นเดือนถึงหาย พอหายออกมาพอพูดได้เดินได้กราบวันนั้นละ เขาช่วนมาทำร้ายวัดป่านี้ ไม่พูดเลยแม้แต่คำเดียวตั้งแต่วันนั้น

แต่ละคนเจอหนักๆทั้งนั้นเลยว่างั้นเถอะ นี้แหละมันก็เป็นวิบากของเราเราก็เป็นวิบากของเราด้วยเนี้ยคำว่าวิบากเราก็ถูกไล่มาถึง 16 ปี ที่นี้เมื่อถึง 16 ปีทำไมถึงจบ บังเอิญ ที่นี้ลูกชายของคนที่เป็นเจ้าของที่ดินตั้งแต่ชาติปางก่อนในชาตินี้มาเกิดก็รู้จักกันอีกในชาตินี้นะ
ตอนนี้เขาเป็นหมออยู่ในกรุงเทพนิแหละนะเขาไม่รู้หรอกว่าเราเป็นเพื่อนกับเขาแต่เรารู้ว่าเราเป็นเพื่อนกับเขาในชาติปางก่อนที่นี้ เราก็ได้นิมิตรว่าเขาจะขายที่ดินอยู่ที่เมืองชลบุรี 13 ไร่ ที่แปลงนี้เป็นที่ของแม่ยายคนนั้น เป็นแม่ของหมอในชาติปางก่อนและ
บังเอิญเขาจะขายคนปัจจุบันเขาจะขายเขาร้อนเงินเขาจะขายในราคาไร่ละ 360,000 บาท เราก็ไปต่อลองในนิมิตรเราได้นิมิตรมายังไม่เคยเห็นที่ดินนั้นและก็ไม่เคยเห็นคนก็ไปต่อลองเขาก็เลยต่อลองลงมาจาก 400,000 ลงมาเป็น 360,000 พอต่อลองแล้วพอเช้ามาหมอไปกราบก็เลยบอกหมอว่า หมอๆ เขาจะขายที่ดินที่เมืองชล 13 ไร่ แต่เขาปลูกยางพารามาแล้วสองปี
แล้วเมื่อคืนนี้เขาว่าจะขาย เขาจะขายไร่ละสามแสนหกหมื่น เราไปต่อลองแล้วถ้าหมอเจอเขาละซื้อเอานะ “ครับๆ ผมจะเอา”

พอตกลงกันเรียบร้อยเรื่องเงียบปีนั้นปีที่ 15 ที่เขาไล่เรานะ ปีที่ได้นิมิตรปีที่ 15 ที่นี้อยู่มาเป็นเวลาหนึ่งปีเป็นปีที่ 16 ทางวัดก็ขออนุญาติสร้างวัดขอวิสุงคามสีมา ได้พอดีในปีที่ 16 วันที่ได้ วิสุงคามสีมา หนะ ก่อนวันที่วิสุงคามสีมาที่จะออกเขาจะประกาศวิสุงคามสีมาเนี้ย เจ้าของที่ที่อยู่เมืองชลเกิดไม่สบายมาหาหมอก็ไม่เจอกับหมอเพราะหมอรักษาพอหมอนี้รักษาแล้ว
พูดถูกอกถูกใจกัน ก็เลยบอกว่าผมจะขายที่ดินที่เมืองชล 13 ไร่ ผมปลูกยางพาราไว้แล้ว สามปีนี้ว่างั้น
พอหมอได้ยินหมอก็เลยถามว่าคุณจะขายเท่าไหร่ ผมจะขายไร่ละสามแสนหกหมื่นเออผมจะไปเอาผมจะไปเอาอย่าขายให้ใครนะ “ครับ”
ใครจะให้เท่าไหร่ผมก้ไม่เอาผมจะขายให้หมอพอสัญญากันเรียบร้อยจนเย็นคนไข้กลับบ้านเมืองชลหมอปิดคีลนิครีบมาพบเราอยู่มูลนิธิมารายงานว่าเจอแล้วท่านอาจารย์เจอแล้วเออไปตั้งแต่เช้ามึดตีห้า ออกจากบ้านเลย กลับไปนี้จะมีคนมาขอให้เขาอีกเป็น
หกแสนแล้วว่ะ หกแสนสามหมื่นแต่เขาก็ไม่ขายหรอก แต่อย่าประมาทเจ้าของที่ไปถึงบ้านก็มีคนจะมาให้ราคาหกแสนหกหมื่น ไอ้เจ้าของที่ไม่ยอมขายผมได้ตั้งสัจจะไว้กับหมอแล้วผมเสียสัจจะไม่ได้ ผมจะต้องขายให้หมอจะให้ผมล้านหนึ่งผมก้ไม่ขายผลสุดท้ายหมอ
ไปถึงเขาก็เล่าให้ฟัง หมอก็เลยมัดจำสามสิบเปอร์เซนยังเป็นที่ของหมอเท่าทุกวันนี้ ทุกวันนี้ขึ้นหลายล้านแล้วนี้

หมอยังให้คนกีดยางพาราให้อยู่พอวันที่หมอไปหมัดจำเสร็จเรียบร้อยวันนั้นหนะเขาประกาสวิสุงคามสีมา พอที่วันที่จะไปรับวิสุงคามสีมา หมอก็ไปโอนที่ดินพอดี เขามาไล่วันสุดท้ายพอดี จะมาไล่แต่ไม่ได้มาไล่เขาประกาส ชาวบ้านวันนี้เป็นวันที่จะมาไล่ทุกคนอยาก
ได้อะไรในหมู่บ้านนี้ไปเอาบางคนก็เอาเหล็กซะแลงบางคนก็ได้ค้อนตีตะปูเอามาจะมางัดกุฏิก็จะมาเอาก็จะเอาไม้เอากระเบื้องมุงหลังคา

บางคนก็จะเอากระดานปูพื้น เออพอเช้ามาเตรียมตัวกันแล้วที่นี่ เข้าไปแจ้งตำรวจอำเภอหนองหาร แจ้งเจ้าหน้าที่ที่ดินอำเภอหนองหาร ป่าไม้หนองหาร ปลัดอำเภอหนองหารเออแล้วก็ศึกษาอำเภอหนองหาร ออกมาครบวงจรเลยที่นี้ เที่ยงแล้วเขาจะออกมา
ก่อนที่จะออกมาขาวบ้านเขาก็เลี้ยงดูปูปกกัน แต่ละกลุ่มในหมู่บ้านเขาปลุกระดมกันแต่เขาก็ไม่ได้กินข้าว หมอเดียวกันหมดทุกคนหรอก
กลุ่มนั้นก็ไปเลี้ยงกัน กลุ่มนี้ก็ไปเลี้ยงกัน เลี้ยงกันทั้งหมู่บ้าน เกิดว่าใกล้ๆเวลาจะออกมาจะออกมาเป็นเวลา 11 โมง เกิดท้องร่วงกันทั้งหมดเลยว่างั้นเถอะ ในหมู่บ้านท้องร่วงกันหมดขึ้นรถกันไปเข้าไปโรงพยาบาลเมืองอุดร 4-5 คันรถ พร้อมกันทั้งหมดทั้งผู้หญิงผู้ชายไม่มีใครออกมาวัดมีผู้ใหญ่บ้านกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านขี่มอเตอร์ไซต์ออกมาหาตำรวจอยู่ที่วัด
มาบอกตำรวจตำรวจมาคอยแล้วอยู่ที่วัดอยู่กับหลวงพ่อแล้ว ตำรวจก็บอกว่าโกหกเจ้าหน้าที่จับผู้ใหญ่บ้านผู้ช่วยไม่ดีเหรอวันนั้นวิสุงคามก็ออกมาพอดีชาวบ้านตั้งแต่วันนั้นปลุกระดมไม่ขึ้นเลยจบตั้งแต่วันนั้นเป็น 16 ปี นี้คำว่าวิบากกรรมที่ยายได้จองกรรมเอาไว้เกิดชาติใดภพใดให้มันถูกไล่เหมือนอย่างกูที่นี้ทำไมถึงจบ เพราะที่ดินแปลงนั้นกลับคืนไปหาลูกชายในชาติปัจจุบันอ่ะ ลูกชายของยายคนนั้นมาซื้อแล้วจ่ายวันนั้นโอนวันนั้นพอดีก็เลยหมดกรรมตรงนั้น ดูสินี้ วิบากมันมีจริงๆไม่ใช่ว่าเป็นสิ่งที่เอามาหลอกลวงกัน
นี้เป็นเรื่องจริงที่เอามาพูดให้ฟัง เพราะฉนั้นเราอยู่ที่ไหน จะต้องหนักแน่นเชื่อคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ถึงจะมีวิบากเราก็ไม่ได้ไปโกงใคร เราก็ไม่ได้ขโมยใคร ก่อนที่เราจะได้มาอยู่ที่นี้เราได้หมอบฉันทะอย่างดีแล้วเราถึงได้ก่อสร้างสถานที่ที่นี้เป็นวัดวาอารามศาสนา แล้วการที่จะมาท้วงติงทีหลังเป็นเรื่องธรรมดา สักวันหนึ่งทุกคนจะต้องตายจากกันไปเดียวเรื่องก็จบไปเอากาลเวลา

เป็นเครื่องวัดนะ เอาคุณงามความดีเป็นเครื่องวัดเอาบุญกุศลเป็นเครื่องวัดนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะฉนั้น อะไรจะเกิดขึ้นขอแต่ว่าเราหนักแน่น
อยู่กับคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเราตั้งใจรักษาศีล ตั้งใจเดินจงกลม นั่งสมาธิ ภาวนา แผ่เมตตาต่อสัตว์โลกทั้งหลายอย่าได้จองกรรมจองเวรกับใครเลยใครจะมาต่อต้านใครจะมาว่ายังไงเราอย่าเอามาเป็นอารมณ์ของเรา ให้ใจของเราเป็นหนึ่งเดียว

เราก็ไม่ได้เอาที่นี้เป็นของเราเอาเป็นสถานที่บำเพ็ญภาวนาเท่านั้นเอง เอาเป็นสถานที่สร้างบุญสร้างกุศล
เป็นศูนย์รวมของชาวพุทของพวกเราเป็นศูนย์รวมของผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบไม่ได้เอาเป็นของคนใดคนหนึ่งเราอาศัยปฏิบัติธรรมเท่านั้นเอง
แล้วสักวันหนึ่งเราจะต้องจากที่นี้ไปส่วนนี้เป็นสมบัติของแผ่นดินเหมือนเดิมไม่ใช่ของบุคคลคลใดคนหนึ่งไม่ใช่ของเราไม่ใช่ของเขา
ให้ทำใจให้เป็นอย่างนั้นถ้าใครทำใจให้เป็นอย่างนั้นจิตใจ ไม่มีอารมณืที่จะฉุนเฉียวเกิดอารมณ์ แม้จะกระทบจิตใจแทนที่จะโกรธก็เกิดเมตตา
สงสารต่อผู้ที่มากระทบเราเมตตาสงสารเขากลัวเขาจะมีวิบากรรมกลัวเขาจะเป็นบาปเป็นกรรมเราคิดอย่างนั้นเราได้แต่เมตตา ได้แต่ภาวนาเราไม่คิดจองกรรมจองเวรกับใครถ้าทำใจให้ได้อย่างนี้ นั้นแหละการชำระ ความโลภออกจากใจ การชำระโกรธออกจากใจ
การชำระความหลงออกจากใจก็มีสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมากระทบใจถ้าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมากระทบใจทำให้เกิดอารมณ์ทางใจ เมื่อสติปัญญาของเราฝึกดีแล้วอารมณ์เหล่านั้นก็ไม่เกิดขึ้นจิตใจก็จะเยือกเย็น อยู่ตลอดเวลาถึงจะเรียกว่าเป็นผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ

หลวงปู่ไม อินทสิริ
วัดป่าหนองช้างคาว อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี
เทศน์เมื่อวันที่ 16 ก.ค. พ.ศ.2556







ขึ้นซื่อว่าสังขาร
มันกะมีแต่กองทุกข์ฮั่นล่ะ​

สิใกล้-สิไกล
สิหยาบ-สิละเอียด
ปานใด๋กะซ่าง​
กะมีแต่กองทุกข์ทอนั่นล่ะ​

ขั่นมันยังมีสุข
ทอเม็ดงาคาลิ้นอยู่
พระอรหันต์กะติดอยู่

นี่มันบ่มี..
พระอรหันต์เพิ่นจั่งพากัน
เข้าสู่พระนิพพาน
แหม๋..เว่าจั่งซั่น...

#หลวงปู่หล้า #เขมปัตโต







#สังขาร

ตอนที่พระเทศน์สอน และนำปฏิบัติภาวนานั้น เทวดา ทั้งหลายก็จะลงมาฟังและร่วมปฏิบัติภาวนาด้วยเช่นกัน

เทวดานั้นมี “สังขาร” เช่นเดียวกับ มนุษย์ ทั้ง อสุรกาย สัตว์ ยักษ์ มนุษย์ เทวดา ไปจนถึง พรหม สรรพสิ่งที่เวียนวนอยู่ในวัฏสงสาร ก็ล้วนแต่มี “สังขาร” ทั้งสิ้น

หรือในอีกแง่หนึ่งก็คือ “การปรุงแต่งของจิต” ในสังสารวัฏตั้งแต่ชั้นล่างสุดถึงชั้นบนสุด ทุกระดับชั้น ระดับจิต ก็ล้วนแล้วแต่มีการปรุงแต่งในจิตทั้งสิ้น

จะปรุงแต่งแบบหยาบ (เป็นกาย เป็นธาตุขันธ์) หรือปรุงแต่งแบบละเอียด (เป็นอรูป) จะปรุงแต่งไปโดยอกุศล (นรก เดรัจฉาน) หรือ ปรุงแต่งไปโดยกุศล (สวรรค์) ก็ยังเป็นการปรุงแต่งทั้งสิ้น

พูดง่ายๆ คือ

#ไม่มีสภาวะจิตใดที่ไม่ปรุงแต่ง
#เว้นจากจิตแห่งอริยะบุคคล

การทำให้เราเท่าทัน และพ้นไปจากอำนาจการปรุงแต่งของจิต ตัดวงจรแห่งความทุกข์ และการเกิด แก่ เจ็บ ตาย นั้นมีเพียงการภาวนาเท่านั้น

จะเป็น 1 ชม. จะได้ครึ่งชั่วโมง หรือทำได้แค่ 10-15 นาทีก็ต้องเพียรพยายามที่จะทำให้ได้..

หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปัณฑิโต






ถ้าเราละความพอใจเสียได้ ความไม่พอใจก็ดับไปพร้อมกัน

หลวงพ่อไชยศรี ปัญญาวชิโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 181 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร