วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 05:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2022, 05:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


” อารมณ์ของจิต เป็นอนิจจัง “

ศิษย์ : อยากจะเรียนถามท่านอาจารย์ว่า บางวันเราตื่นขึ้นมารู้สึกว่ามีความสุข บางวันรู้สึกเศร้าๆเหี่ยวๆอย่างไรไม่ทราบค่ะ มันเป็นเพราะอะไร ทั้งๆที่เราก็ไม่มีความแตกต่าง

พระอาจารย์ : อารมณ์ของจิตก็เป็นอนิจจัง เปลี่ยนไปอยู่เรื่อยๆ

การปฏิบัติในจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ก็คือ..การรู้อารมณ์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ แล้วแต่เหตุการณ์ต่างๆ

เมื่อวานนี้ทำงานทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปหมด ดีไปหมด อารมณ์ก็สดชื่นเบิกบาน บางวันยังมีงานค้างคาอยู่ในจิตในใจ พอตื่นขึ้นมาก็ทำให้หงุดหงิดใจ

อารมณ์ของเรามีเหตุต่างๆที่ทำให้เป็นไป มีทั้งภายนอก คือเรื่องราวต่างๆที่เราไปเกี่ยวข้องด้วย
มีทั้งภายในก็คือ ใจไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ อยากจะได้นั่น อยากได้นี่ เวลาอยากได้อะไรก็ทำให้มีอารมณ์ต่างๆขึ้นมา

“แต่ถ้าภาวนาจนทำจิตให้สงบมากๆ”แล้ว ใจก็จะว่าง อารมณ์ต่างๆก็จะน้อยลงไป การเปลี่ยนแปลงของอารมณ์จะน้อยลงไปเรื่อยๆ

การภาวนาเป็นการลบล้างอารมณ์ต่างๆ บางส่วนของอารมณ์ก็เกิดจากวิบากกรรม เป็นเรื่องที่ฝังลึกอยู่ในจิตในใจ เวลามีอะไรไปกระตุ้น ไปสะกิด ก็โผล่ขึ้นมาได้

วิธีปฏิบัติกับอารมณ์ก็เหมือนกับการปฏิบัติกับกายกับเวทนา ให้รู้ว่าเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวก็เปลี่ยนไป ไม่ได้เป็นอย่างนี้ไปตลอด เราเพียงแต่รู้ รู้ว่าวันนี้อารมณ์ไม่ดี ก็ไม่เป็นไร มีหน้าที่อะไรก็ทำไป

อารมณ์ก็เหมือนเมฆกับหมอก ที่ลอยมาบังดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ พอถูกลมพัดก็ลอยหายไป แล้วกลับมาสว่างเหมือนเดิม อารมณ์ของเราก็เป็นอย่างนี้ บางวันก็สดใส บางวันก็ซึมเศร้า ให้รู้ทัน อย่าไปซึมเศร้าตาม อย่าไปสดใสตาม ให้..สักแต่ว่ารู้

ที่ยากที่สุดก็คือการทำใจให้สักแต่ว่ารู้ เพราะใจเราชอบมีปฏิกิริยากับทุกสิ่งทุกอย่าง พออะไรดีก็ดีอกดีใจ เวลาอะไรไม่ดีก็เศร้าโศกเสียใจ ซึ่งไม่ดีทั้งสองอย่าง สู้รู้เฉยๆไม่ได้ รู้ว่าวันนี้อารมณ์เป็นอย่างนี้ รู้ว่าเดี๋ยวก็ผ่านไป ถ้าไม่ยึดไม่ติดก็ไม่ทุกข์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เป็นเหมือนอาคันตุกะ มาเยี่ยมเยียนเท่านั้นเอง.

…………………………………………
.
กำลังใจ 18 กัณฑ์ 230
ธรรมะบนเขา 20/11/ 2548
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี






#กงจักรอันใหญ่หลวงคือ

"... ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย มันกำลัง
บดเราอยู่
มันเป็นของจริง เราจะมัวไปหอบเอา
อันโน้น...
อันนี้มา มันก็เป็นธรรมเมาเท่านั้นแหละ อารมณ์
ก็สัญญานี่แหละ สัญญาไปจำมันมา ใจ
เรารับมันมา...
คิดไป คิดมา มันก็เดือดร้อนอีก เวลานี้
เรามา
ทำความพอ อะไร ๆ ก็ให้มันพอ หลงก็
พอแล้ว....
โลภก็พอแล้ว โกรธก็พอแล้ว อันนี้เป็น
รากเป็นเง่า
ของกิเลสตัณหาทั้งหลาย ความพอใจ
ก็เพราะตัณหา....
ความไม่พอใจก็เพราะตัณหานี่แหละ... "

#โอวาทธรรมคำสอน
#หลวงปู่แหวน_สุจิณโณ
#วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่








"... ธรรมที่ได้ยิน ได้เห็น ได้ฟังมา ยังเป็น
ธรรมนอกอยู่....!!
ธรรมใดที่เกิดจาก​ ความรู้ของตัวเอง แม้
เท่าเมล็ดงาก็มีรสมีชาติ....!!
จึงว่า รสแห่งธรรมะชนะรสทั้งปวง... "

#โอวาทธรรม_องค์พ่อแม่ครูอาจารย์
#หลวงปู่บุญมี_ปริปุณโณ
วัดป่าศิลาพร อ.เมือง จ.ยโสธร







30 คำสอน หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
พระอรหันต์อาจารย์ใหญ่สายวัดป่ากรรมฐาน
#ส่งต่อเพื่อเป็นเครื่องเตือนสติสอนใจเพื่อนมนุษย์
1.ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ จะแยกกันไม่ได้ หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ต้องอาศัยกันอยู่ฉันใดก็ดี ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ก็อาศัยกันอย่างนั้น สัทธรรมสามอย่างนี้ จะแยกกันไม่ได้เลย
2.จงพากันมีสติคอยระวังตัว อย่าให้เป็นคนประเภทใบลานเหล่าๆ เรียนเปล่าและตายทิ้งเปล่า ไม่มีธรรมอันเป็นสมบัติของตัวอย่างแท้จริงติดตัวบ้างเลย
3.จุดที่เยี่ยมยอดของโลก คือ ใจ การบำรุงรักษาสิ่งใดๆ ในโลก การบำรุงรักษาตน คือ ใจเป็นเยี่ยมจุดที่เยี่ยมยอดของโลก คือ “ใจ” ควรบำรุงรักษาด้วยดี
4.ได้ใจแล้ว คือได้ธรรม เห็นใจแล้ว คือ เห็นธรรม รู้ใจตนแล้ว คือ รู้ธรรมทั้งมวล ถึงใจตนแล้ว คือ ถึงพระนิพพาน
5.ใจนี่แล คือ สมบัติอันล้ำค่า จึงไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมองข้ามไป คนพลาดใจ คือ ไม่สนใจปฏิบัติต่อใจดวงวิเศษในร่างนี้ แม้จะเกิดสักร้อยชาติพันชาติ ก็คือ ผู้เกิดผิดพลาดนั่นเอง
6.หากคนดีมีศีลธรรมในใจ หายากยิ่งกว่าเพชรนิลจินดา ได้คนเป็นคนดีเพียงคนเดียว ย่อมมีคุณมากกว่าเงินเป็นล้านๆ เพราะเงินเป็นล้านๆ ไม่สามารถทำความร่มเย็นให้แก่โลกได้อย่างถึงใจ เหมือนได้คนดีทำประโยชน์
7.ทาน ศีล ภาวนา เป็นรากเหง้าของความเป็นมนุษย์ และเป็นรากเหง้าของพระศาสนาที่มนุษย์ต้องคอยสั่งสมให้มาอยู่ในนิสัย
8.ทานเป็นเครื่องแสดงน้ำใจ เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ศีลเป็นเครื่องปัดเป่าความคิดของผู้มีกิเลส ภาวนาอบรมใจให้ฉลาดเที่ยงตรงต่อเหตุผลและความถูกต้อง
9.ผู้เป็นหัวหน้าหรือมีภารกิจมาก ควรหันมาฝึกใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะการภาวนาช่วยแก้ความยุ่งยากลำบากใจทุกประเภทที่เป็นภาระหนัก หากปล่อยใจโดยไม่มีธรรมเป็นเครื่องยับยั้ง คงไม่ได้รับความสุข แม้จะมีสมบัติก่ายกอง
10.วาสนานั้นเป็นไปตามอัธยาศัย คนที่มีวาสนาในทางที่ดีมาแล้ว แต่คบคนพาล วาสนาก็อาจเป็นเหมือนคนพาลได้ บางคนวาสนายังอ่อน เมื่อคบบัณฑิต (ผู้มีปัญญาและประพฤติดี) วาสนาก็เลื่อนขั้นเป็นบัณฑิต ฉะนั้น บุคคลควรพยายามคบแต่บัณฑิต เพื่อเลื่อนภูมิวาสนาของตนให้สูงขึ้น
11.อดีตควรปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตควรปล่อยไว้ตามกาลของมัน ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้ เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ไม่สุดวิสัย
12.เกิดมาแล้ว ก็แก่ เจ็บ ตาย แต่ก่อนจะตาย ทานยังไม่มี ก็ให้มีเสีย ศีลยังไม่เคยรักษา ก็รักษาเสีย ภาวนายังไม่เคยเจริญ ก็เจริญให้พอเสียจะได้ไม่เสียที ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาด้วยความไม่ประมาท นั้นละจึงจะสม กับที่ได้เกิดมาเป็นคน
13.ผู้มีปัญญาไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงแล้วตามมา ไม่ควรหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ผู้มีปัญญาได้เห็นธรรมซึ่งเป็นปัจจุบัน ควรเจริญความเห็นนั้นไว้เนืองๆ ควรรีบทำเสีย ผู้มีปัญญาซึ่งมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มีความเพียรแยกกิเลสให้หมดไป จะไม่เกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืน
14.จะเอาอะไรมาเพิ่มอีก ก็ถ้าหากตายไปในวันนี้วันพรุ่งนี้ สิ่งต่างๆ ที่เคยมีและผ่านเข้ามา ตะเกียกตะกายดิ้นรนไขว่คว้าทุกอย่างก็จะเป็นเพียงแค่ สิ่งที่ไม่มีตัวตน ไม่ใช่ของเรา
15.ไม่ควร “ยกโทษ ผู้อื่น” หรือ “เพ่งโทษผู้อื่น” ถึงแม้นผู้นั้น จะไม่ดีก็ตามที เพราะการเพ่งโทษผู้อื่น จะนำความวิบัติสู่ตนโดยไม่รู้ตัว ความเผลอสติ มักพาให้ผู้คนนั้น “ยกโทษผู้อื่น และพยายามยกคุณตนเอง” แทนที่จะ “ยกคุณผู้อื่น ยกโทษตนพิจารณา”
16.เราต้องการของดี คนดีจำต้องฝึก ฝึกจนดี จะพ้นฝึกไปไม่ได้ งานอะไรก็ต้องฝึกทั้งนั้น ฝึกงาน ฝึกตน ฝึกสัตว์ ฝึกตน ฝึกใจ นอกจากตายแล้วจึงหมดการฝึก คำว่า ดี จะเป็นสมบัติของผู้ฝึกดีแล้วแน่นอน
17.คนมีทานย่อมเป็นผู้สง่าผ่าเผย และเด่นในปวงชน เป็นที่เคารพรักในหมู่ชน จะตกอยู่ทิศใดย่อมไม่อดอยาก ขาดแคลนจะมีสิ่งหรือผู้อุปถัมภ์จนได้ ไม่อับจนทนทุกข์ ผู้มีทานประดับตน ย่อมไม่เป็นคนล้าสมัย บุคคลทุกชั้นไม่รังเกียจ
18.บุคคลใดปฏิบัติแล้ว บุคคลนั้นย่อมพิจารณาความเป็นไปแห่งสังขารทั้งหลาย ย่อมเห็นความเกิด แก่ เจ็บ และตายในสังขารทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมไม่เห็นความสุข ความยินดีน้อยหนึ่งในสังขารทั้งหลายเหล่านั้น ไม่เห็นซึ่งอะไรๆ ในเบื้องต้น ท่ามกลางหรือที่สุดในสังขารทั้งหลายเหล่านั้นซึ่งจะเข้าถึงความเป็นของไม่ควรถือเอา
19.อย่าลดละท้อถอยความเพียร ธรรมเป็นสมบัติกลางและเป็นสมบัติของทุกคนที่ใคร่ต่อธรรม พระพุทธเจ้ามิได้ผูกขาดไว้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ ต่างมีสิทธิครอบครองเป็นเจ้าของได้ด้วยการปฏิบัติดีของตนด้วยกัน
20.ความเดือดร้อนวุ่นวายใจที่คิดแต่ตำหนิผู้อื่นจนอยู่ไม่เป็นสุขนั้น นักปราชญ์ถือเป็นความผิดและบาปกรรมไม่มีดีเลย จะเป็นโทษให้ท่านได้สิ่งไม่พึงปรารถนามาทรมานอย่างไม่คาดฝัน
21.ใครเพียร ใครอาจหาญ ใครอดทน ในการต่อสู้กับกิเลสตัวฝืนธรรมอยู่ตลอดเวลา ผู้นั้นจะเจอร่มเงาแห่งความสงบเย็นใจในโลกนี้ ในบัดนี้ และในดวงใจนี้ ไม่เนิ่นนานเหมือนการท่องเที่ยวที่เจือไปด้วยสุขด้วยทุกข์อยู่ทุกภพ ทุกชาติ ไม่มีวันจบสิ้น
22.ฝึกตนดีแล้ว จึงฝึกผู้อื่น ชื่อว่าทำตามพระพุทธเจ้า ถ้าบุคคลไม่ทรมานตนให้ดีก่อนแล้ว และทำการจำแนกธรรมสั่งสอนไซร้ ก็จักเป็นผู้มีโทษปรากฏว่า ปาปโก สทฺโท โหติ คือ เป็นผู้มีชื่อเสียงชั่วฟุ้งไปในจตุรทิศ
23.ผู้มีสมบัติพอประมานในทางที่ชอบ มีความสุขมากกว่าผู้ได้มาในทางมิชอบเสียอีก เพราะนั่นไม่ใช่สมบัติของตนอย่างแท้จริงทั้งๆ ที่อยู่ในกรรมสิทธิ์
24.อย่าไปสนใจคิดถึงกาลสถานที่ หรือบุคคลใดๆ ว่าเป็นภัยและเป็นคุณ ให้เสียเวลาและล่าช้าไปเปล่า โดยไม่เกิดประโยชน์อะไร ยิ่งกว่าการคิดเรื่องกิเลสกับธรรม ซึ่งมีอยู่ที่ใจ
25.การงานทุกชนิดที่ทำด้วยใจ ของผู้มีภาวนาจะสำเร็จลงด้วยความเรียบร้อย ทำด้วยความใคร่ครวญเล็งถึงประโยชน์ที่จะได้รับ เป็นผู้มีหลักมีเหตุผล ถือหลักความถูกต้องเป็นเข็มทิศทางเดินของกาย วาจา ใจ ไม่ปิดซ่อนให้ความอยากอันไม่มีขอบเขตเข้ามาเกี่ยวข้อง
26.ความทุกข์ ทรมาน ความอดทน ทนทาน ต่อสิ่งกระทบกระทั่งต่างๆ ไม่มีอะไรจะแข็งแกร่งเท่าใจ ถ้าได้รับความช่วยเหลือที่ถูกทาง ใจจะกลายเป็นของประเสริฐ ให้เจ้าของได้ชมอย่างภูมิใจต่อเรื่องทั้งหลายทันที
27.ศาสนาทางมิจฉาทิฏฐิ ก็นับวันจะแสดงปาฏิหาริย์ คนที่โง่เขลาก็จะถูกจูงไปอย่างโคและกระบือ ผู้ที่ฉลาดก็เหลือน้อย ฉะนั้น พวกเธอทั้งหลายจงรีบเร่งปฏิบัติธรรม ให้สมควรแก่ธรรม พระธรรมเหล่านี้ไม่ล่วงไปไหน มีอยู่ ทรงอยู่ในปัจจุบัน จิตในปัจจุบัน ที่เธอทั้งหลายตั้งอยู่หน้าสติ หน้าปัญญา อยู่ด้วยกัน กลมกลืนในขณะเดียวนั้นแล
28.“ผู้เห็นคุณค่าของตัว จึงเป็นคุณค่าของผู้อื่นรู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่เบียดเบียนทำลายกัน ผู้มีศีลสัตย์เมื่อทำลายขันธ์ไปในสุคติในโลกสวรรค์ ไม่ตกต่ำเพราะอำนาจศีลคุ้มครองรักษาและสนับสนุน จึงควรอย่างยิ่งที่จะพากันรักษาให้บริบูรณ์ ธรรมก็สั่งสอนแล้วจดจำให้ดี ปฏิบัติให้มั่นคง จะเป็นผู้ทรงคุณสมบัติทุกอย่างแน่นอน”
29.“กิเลสแท้ ธรรมแท้อยู่ที่ใจ ส่วนเครื่องส่งเสริมและกดถ่วงกิเลสและธรรมนั้นมีอยู่ทั่วไปทั้งภายในภายนอก ฉะนั้น ท่านจึงสอนให้หลบหลีกปลีกตัวจากสิ่งยั่วยวนกวนใจ อันจะทำให้กิเลสที่มีอยู่ภายในกำเริบลำพอง มีรูป เสียง เป็นต้น และสอนให้เที่ยวอยู่ในที่วิเวกสงัด เพื่อกำจัดกิเลสชนิดต่างๆ ด้วยความเพียรได้ง่ายขึ้น อันเป็นการย่นวัฏฏะภายในใจให้สั้นเข้า”
30.จิตที่ได้รับการอบรมที่ถูกต้องแล้วปัญญาย่อมเกิดขึ้น จะมองดูอะไรก็เป็นนิยายนิกธรรมทั้งสิ้น ส่วนผู้มี่ได้รับการอบรมจิตที่ถูกต้อง ปัญญาแท้จริงก็ไม่เกิด แม้ผู้นั้นกำลังจับพระไตรปิฎกอ่านอยู่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งทำให้เกิดความลังเลสงสัยตลอดไป ส่วนผู้มีปัญญาอบรมมาด้วยจิตที่ถูกต้อง แม้จะไม่ต้องจับพระไตรปิฎก แต่ก็น้อมเอาสิ่งต่างๆ มาเป็นธรรม เป็นยอดพระไตรปิฎกได้
พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต








“ขึ้นปีใหม่แล้ว จากคนเก่า
คนเก่าเป็นคนไม่ดีอย่างไร
บกพร่องตรงไหน ให้แก้ไขดัดแปลง
ตรงที่บกพร่องให้ดีขึ้น”

หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน






“ระวังตัวในคำพูด ยิ่งพูดไม่ดีกับคนอื่นมากเท่าไหร่
พลังงานที่ไม่ดีที่เราสร้างไว้ มันจะเด้งเข้ามาหาตัวเอง
ดังนั้น.. อย่าติใคร อย่าว่าใคร อย่านินทาใคร”

พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร (หลวงตาม้า)








#อย่าประมาทเกินไป

"เราทั้งหลาย อย่าเมาเกินไป อย่าลืมเพลิดเพลินจิตจนลืมสาระของใจ แต่ละชาติเกิดมา เข้าใจว่าโลกนี้เป็นของใหม่ เพราะปัญญาไม่พอ

#โลกนี้ที่แท้_ก็เป็นของเก่าในวัฏฏะ

เกิดตาย หลงใหลในของเก่า
ให้ตั้งใจให้ดี
อย่ามัวเมาประมาทเกินไป"

. หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ







#มันบ่ได้บุญดอก

นั่งภาวนา...เบิ่งหัวใจ เจ้าของนั่น

บาป บุญ มันอยู่ที่หัวใจ
สิวิ่งไปนั่นไปนี้ เฮ็ดหยัง

หม่องใดมันสงบ
หม่องนั่นล่ะ ได้บุญหลาย

หม่องใด วิ่งฟุ้งซ่าน
มันได้แต่บาป...
มันบ่ได้บุญดอก

#หลวงปู่แสง_ญาณวโร






#ข้อคิดเล็กๆ
#หลวงพ่อประสิทธิ์ #ถาวโร

ถ้าเจริญสติ ก็อยู่คนเดียวได้
ไม่มีคู่ก็อยู่กับธรรมะ
มีธรรมะเป็นเพื่อน

ขึ้นเขาลงห้วย
ตกระกำลำบากอย่างไร
ก็ไม่ต้องกลัว

ถ้าใครมีธรรมในใจแล้ว
คนนั้นจะเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว

พระธรรมท่านอยู่เป็น
เพื่อนตลอดเวลา
จะกลัวอะไร

ท่านให้สติปัญญากับเราเสมอ
ให้ผล ให้อานิสงส์แห่ง ทาน ศีล ภาวนากับเรานั้นแน่ะแน่ที่สุด

ให้เราได้เดินก้าวหน้า
ไปอย่างมั่นคง
ถึงจุดหมายปลายทาง
ข้ามพ้นห้วงมหรรณพ
ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของเต่าปลา

____

หลวงพ่อขออย่างเดียวคือ ให้พวกเอ็งตั้งใจปฏิบัติ
แม้ต่อไปหลวงพ่อไม่อยู่
หลวงพ่อสั่งพระชีทั้งหมดในวัดไว้แล้วว่า
ให้ก้มหน้าก้มตาปฏิบัติไป
เรื่องภายนอกอย่าไปสนใจอะไรทั้งสิ้น (ท่านพูดพลางตวัดมือประกอบ)

แล้วที่สำคัญคือ อย่าไปหลอกเขากิน
หมอดูผูกดวง บอกใบ้ให้หวย ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง
เป่าน้ำหมากพ่นน้ำมนต์ หรืออวดเคร่งข้อวัตรอะไรต่างๆ
หรือต่อหน้าอย่าง ลับหลังอีกอย่าง อย่าไปทำ

ขอให้มีสติ สมาธิ มุ่งปฏิบัติ
ประกอบความเพียรไม่ท้อถอยเพียงอย่างเดียว
รับรองไม่ตกต่ำ แล้วไม่ต้องกลัวอดตาย
เราไม่ไปเขาก็เอามาให้เอง อย่าไปดิ้นรนแสวงหา

แล้ววันหนึ่ง
เมื่อเราทำลายความรู้สึกปรุงแต่งในใจหมดสิ้น
ก็ไปอยู่กับพระพุทธเจ้า
ปรมังสุขัง ปรมังสุญญัง
ก็จบสิ้นกันแค่นั้น"

หลวงพ่อประสิทธิ์ ถาวโร (วัดถ้ำยายปริก)








เหตุที่เราทำบุญกุศล_แล้วไม่ได้ผลบุญมาก_เพราะเรายังเชื่อผิดเห็นผิด

การให้ทาน การรักษาศีล ตลอดถึงการภาวนา มีผลอานิสงส์มาก แต่การที่ผู้ให้ทาน รักษาศีล ไหว้พระ ฟังธรรม การทำเจริญกรรมฐานการภาวนา ที่ไม่ได้อานิสงส์ผลมากนั้น เพราะพวกเรายังมีความเห็นผิด

มีความนับถือและเชื่อถือผิดจากทางธรรม ที่พระพุทธองค์นำพาสาวกประพฤติปฏิบัติ

ตัวอย่างเช่น ชาวบ้านเรายังบวงสรวง นับถือบูชาหอทะดาอารักษ์ (เรียกตามภาษาพื้นบ้านสมัยก่อน) ภูตผีปีศาจ พระภูมิเจ้าที่ ผีสางนางไม้ เคารพนับถือเอามาเป็นที่พึ่ง ตามความเข้าใจผิดของพวกเรา

โดยเข้าใจว่า ของเหล่านั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์ ดลบันดาล คุ้มครอง ปกปักรักษา และป้องกันภยันตรายได้จริง

มีการฆ่าสัตว์ ๒ เท้า ๔ เท้า มีวัวควาย หมู เป็ด ไก่ ตลอดถึงเหล้าสุรา ยาดองของมึนเมา เอามาทำพิธีกรรมเซ่น บวงสรวง ทะดา ปีศาจ วิญญาณ ภูติผี พระภูมิเจ้าที่ เทวดาอารักษ์

เขาเหล่านั้นจะได้มาเสวยเครื่องสังเวย ที่เอามาทำการเซ่นสรวงหรือไม่... ไม่มีใครเห็น เห็นแต่พวกเจ้าเองนั่นแหละ อิ่มเมา มึนเมามัวซัวเซีย ครึกครื้นหมดกันทั้งบ้าน

แล้วสิ่งเหล่านั้นก็จะมาช่วยอะไรเราไม่ได้ มีแต่จะมาก่อกวนก่อกินกับพวกเราร่ำไป รอบปีหนึ่งๆ ก็ต้องเสียวัว เสียควาย หมู เป็ด ไก่ ให้มันทุกๆปี

#พวกเรามีความเชื่อถือมาผิดๆ

เพราะความเห็นผิดนี้แล ไม่ใช่ธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่พาสาวก อุบาสก อุบาสิกา ประพฤติปฏิบัติมา การไหว้พระ ภาวนา รักษาศีล ให้ทาน การทำบุญกุศล จึงไม่มีผลอานิสงส์มาก

#ให้พากันเลิกละความเชื่อถือผิด

ตามความที่เคยเชื่อถือ และนับถือผิดมาแล้วนั้นเสีย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อย่าได้เกี่ยวข้องกับมันอีกอย่างเด็ดขาด

#พระอาจารย์มั่น #ภูริทัตตเถระ








"พระพุทธองค์ท่านทรงสอนไว้ไม่ให้หายใจทิ้ง ลมหายใจมีค่าให้หมั่นดูลม กาย ใจ จะยืนเดินนั่งนอนให้มีสติกำหนดให้ทันเจริญสติให้ได้ ถึงเวลาให้ทำ ทำบ่อยๆจนชินจิตใจจะสงบสบาย​ ให้คำนึงถึงอายุของตนทุกวัน​ วันคืนที่ล่วงไปแล้วเราทำอะไรไปบ้าง​ ให้เตือนตนเองไม่ให้เสียเวลาและเพลิดเพลินไปในทางกามคุณจนลืมดูลมหายใจของตนเอง​ เกิด​ แก่​ เจ็บ​ ตายเป็นเรื่องจริงให้เราพิจารณาทุกวัน​"

พระธรรมโอวาท​ พระเทพมงคลวัชราจารย์​ (หลวงปู่เหลือง​ ฉันทาคโม)
5​ มกราคม​ 2565


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 84 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร