วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 13:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2022, 05:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#บ่จำเป็นต้องหลายครูบาอาจารย์
ครูบาอาจารย์ก็หลายอยู่ดอก....แต่เฮาเลือกอยู่นำองค์เดียวคือ หลวงปู่ผาง เพราะว่าถ้าเฮาเลือกอยู่นำองค์ใดองค์นั้น ตั้งใจปฏิบัติต่อเพิ่น ถ้าหลายครูบาอาจารย์ เฮาสิเป็นคนลังเล บางที่เห็นอาจารย์องค์นั่นสอนแบบนั้น เห็นองค์นี้สอนแบบนี้ ไปเอาครูบาอาจารย์มาเป็นเครื่องต่อรอง เกิดความลังเลสงสัย ไปจับผิดครูบาอาจารย์อีก เป็นกรรมอีก ถ้าสิไปหาหลายครูบาอาจารย์นั้น ตั้งสัจจะตั้งใจอยู่นำองค์ใดองค์หนึ่งแล้วปฏิบัติ ให้ฮู้ทางเห็นทางจั่งไป เพราะถ้าไปบ่มีหลักมีเกณฑ์ ไปหาเปรียบเทียบครูบาอาจารย์องค์นั้นองค์นี้เป็นกรรมเฉย ๆ

โอวาทธรรม : หลวงปู่ประเสริฐ สิริคุตฺโต







…เพราะไม่มีอะไรจะสุขเท่ากับความสงบ
พอจิตรวมลงเป็นสมาธิแล้ว
เป็นเหมือนอยู่กันคนละโลก

.เหมือนอยู่ที่ร้อนๆ แล้วเดินเข้าไป
ในห้องปรับอากาศที่เย็นสบาย
ความทุกข์ ว้าวุ่น ขุ่นมัว วิตกกังวล
จะหายไปหมดเลย

.เหลือแต่ความสุขสงบเย็นสบาย
จะรู้ว่าชีวิตนี้มีทางออก
ก่อนหน้านี้หาทางออกไม่เจอ
ต้องพึ่งสิ่งนั้นสิ่งนี้
แต่ก็รู้ว่าไม่ได้เป็นที่พึ่งที่แท้จริง

.เป็นที่พึ่งชั่วคราว ไม่ถาวร
ไม่ดีไปตลอด เพราะต้องเปลี่ยนไป
ถ้าจำเจก็จะเบื่อ
ต้องหาอย่างอื่นมาทดแทน
จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ

.” แต่ความสงบจะไม่เบื่อ
จะดูดดื่มใจตลอดเวลา ”.
……………………………………………
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
กำลังใจ ๕๔กัณฑ์ที่ ๔๒๗
๗ สิงหาคม ๒๕๕๔







"พูดมาก เสียมาก
พูดน้อย เสียน้อย
ไม่พูด ไม่เสีย
นิ่งเสีย โพธิสัตว์

ทุกสิ่งทุกอย่าง ในโลกนี้
ล้วนแต่เคลื่อนที่ไปสู่
ความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ทุกอย่าง ในโลกนี้ เคลื่อนไปสู่
การสลายตัวทั้งสิ้น
ไม่ยึด ไม่ทุกข์ ไม่สุข
ละได้ ย่อมสงบ"

หลวงปู่ทวด วัดช้างให้







"กรรมดี หรือชั่ว ถ้าได้ทำลงไปแล้ว
ถึงแม้คนอื่นจะไม่รู้เรื่องที่เราทำ
ตัวเรานั้นแหละ รู้ตัวเองดีที่สุด

ถึงจะโกหกคนทั้งโลกได้
แต่เราจะโกหกความจริงไม่ได้
ปากคนเราพูดจริง พูดเท็จได้
แต่จิตไม่เคยบอกเท็จในเรื่องกรรม
พอตายไปแล้ว ยมบาลไม่ต้องถามให้ยาก

จิตเราที่บันทึกกรรมดีชั่ว
จะอธิบายบอกเล่าให้ฟังเอง"

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม









จงรู้จักตัวเอง สาระสำคัญของการฝึกปฏิบัติของเราเป็นอย่างนี้ ไม่มีอะไรพิเศษ ที่ต้องทำมากไปกว่านี้

จงเฝ้าดูเท่านั้น สำรวจตัวท่านเอง เฝ้าดูจิต แล้วท่านจึงจะรู้ว่า อะไรคือสภาวะที่พอเหมาะสำหรับการฝึกปฏิบัติของท่าน

ถ้ามีสติแล้ว มันจะเห็นกำลังใจของตน เห็นจิตของตน ความรู้สึกนึกคิดของตัวเองเป็นอย่างไร ก็ต้องรู้

รู้ถึงที่แล้ว ก็รู้แจ้งแทงตลอด มันรอบรู้อยู่เช่นนี้ การประพฤติปฏิบัติ มันก็ถูกต้องดีงามเท่านั้นแหละ

ภาวนาก็เพื่อให้เห็นฐีติภูตัง จิตเดิม

ที่เรามาปฏิบัติกันอยู่ทุกวันนี้ ก็เพื่อให้เห็นจิตเดิม เราคิดว่า จิตเป็นสุข จิตเป็นทุกข์ แต่ความจริงจิตไม่ได้สร้างสุขสร้างทุกข์

อารมณ์มาหลอกลวงต่างหาก มันจึงหลงอารมณ์ ฉะนั้น เราจึงต้องมาฝึกจิตใจให้ฉลาดขึ้น ให้รู้จักอารมณ์ ไม่ให้เป็นไปตามอารมณ์ จิตก็สงบ

#หลวงพ่อชา #สุภัทโท







#หลวงพ่อสมเกียรติ #ชิตมาโร

ความจำกับความจริงมันต่างกันมาก เรานำความจำที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมา ไปประพฤติปฏิบัติตามที่เราเข้าอกเข้าใจจากการศึกษามา กลายเป็นภาคปฏิบัติขึ้นมาแล้ว ผลคือปฏิเวธ ความรู้แจ้งเห็นจริง ย่อมรู้แจ้งเห็นจริงไปโดยลำดับ จนกระทั่งรู้แจ้งแทงทะลุฆ่ากิเลสน้อยใหญ่ตายหมดไม่เหลือ เป็นความจริงขึ้นมาเต็มภูมิภายในใจ

เมื่อเป็นเช่นนั้นจะไม่ถามในสิ่งที่กล่าวมานี้ เช่น พระอรหันต์ท่านไม่มีเวทนาในจิตอย่างนี้ ธรรมจะปรากฏขึ้นในจิตของเราเสียเอง

จิตของพระพุทธเจ้ากับจิตของเรานั้นไม่มีอะไรผิดแปลกกัน เมื่อเข้าถึงธรรมวิมุตหลุดพ้นเหมือนกันแล้ว ไม่มีอะไรสงสัยกัน ไม่มาคัดค้านไม่มาลบล้างกัน เพราะจริงเท่ากัน รู้แบบเดียวกันเห็นแบบเดียวกัน

นี้แหละที่พระองค์ว่า ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต เห็นความจริงอันนี้ซึ่งเป็นเหมือนกัน ของเราฉันใดของท่านฉันนั้น

นิพพานเที่ยงหรือไม่เที่ยง ดูจิตของเราก็รู้ นั่นเป็นชื่อต่างหาก คำว่านิพพาน เป็นชื่อของธรรมชาติที่เรารู้อยู่เวลานี้ ได้แก่จิตที่บริสุทธิ์นี้ คือตัวประธานแท้ ดูตัวประธานแล้ว รู้ตัวประธานแล้ว สงสัยเงาไปหาอะไรอีก นี้คือหลักความจริง

ใครอยากเป็นเจ้าของตัวประธานคือใจ ก็ปฏิบัติเอา อย่าขี้เกียจ ความขี้เกียจคือตัวสังหารทำลายมรรคผลนิพพาน ความขยันหมั่นเพียรเป็นทางเดินเพื่อมรรคเพื่อผล ทำคนให้หลุดพ้นมามากต่อมากแล้ว

ถ้าเราดำเนินตามหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้นี้ ศาสนธรรมหรือมัชฌิมาปฏิปทานี้ คือตลาดแห่งมรรคผลนิพพานของเราอย่างเต็มสัดเต็มส่วนนั่นเอง หาที่สงสัยไม่ได้เลย มีแต่ตรงแน่วต่อมรรคผลนิพพานเท่านั้น

การประพฤติปฏิบัติให้เล็งดูจิตตัวเอง อย่าดูที่อื่นเห็นที่อื่นยิ่งกว่าดูจิตดูใจตัวเอง กิเลสอยู่กับจิต ธรรมก็อยู่กับจิต แสดงออกมาที่จิตไม่ว่าดีว่าชั่ว ความโลภความโกรธความหลง ราคะตัณหาอุปาทาน คิดมากคิดน้อย คิดขึ้นที่จิต เกิดขึ้นที่จิต เผาลนที่จิต ไม่ได้เผาที่ไหน

มัชฌิมาปฏิปทามีสติปัญญาเป็นสำคัญ ให้สอดส่องมองดูจิต พิจารณากาย พิจารณาจิตอยู่เนืองๆอย่าให้ขาดวรรคขาดตอน เอาใจใส่เหมือนแม่ดูแลเด็กเล็กๆที่ยังพึ่งตัวเองไม่ได้ จิตของเราก็เหมือนกัน

ฉะนั้นจงอย่าเห็นสิ่งอื่นดีกว่าจิตกว่าใจตัวเองเลย ถ้าเราเห็นจิตเห็นใจเป็นของสำคัญไม่ปล่อยปละละเลยแล้ว สักวันหนึ่งธรรมะสมบัติ นิพพานสมบัติ ก็จะครองจิตครองใจของเราแน่นอน โดยไม่ยอมหนีห่างจากตัวเราเด็ดขาด..

หลวงพ่อสมเกียรติ ชิตมาโร







#กำลังใจจากหลวงตา

การปฏิบัติธรรม
จิตไม่มีเพศ ไม่มีหญิงมีชาย
นิสัยวาสนา ไม่มีเพศ
บาปบุญไม่มีเพศ

ใครทำบาปเป็นบาป
บุญเป็นบุญได้ด้วยกัน
ให้ต่างคนต่างพยายาม
แก้ไขดัดแปลงทุกคน

#หลวงตามหาบัว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 66 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร