วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 16:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2022, 05:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


…ทุกข์ไม่ได้อยู่ที่เขา
“ ทุกข์อยู่ที่ใจเรา “ ที่ไปหลง
อยากให้เขาเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้

.” ความอยาก “
เป็นเหตุสร้างความทุกข์
ให้เกิดขึ้นมา ภายในใจ

. คือทุกข์ในอริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
ถ้ามีตัณหา เป็นตัวผลักดันใจ
“ ก็จะเกิดความทุกข์ใจขึ้นมา “.
……………………………………………
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
กำลังใจ ๔๗ กัณฑ์ที่ ๔๐๕
๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๒







“... คนที่มีความอ่อนน้อมย่อมส่อถึงความ
เป็นคนดีภายใน
... ตรงกันข้าม ถ้าเป็นคนแข็งกระด้างไม่อ่อนน้อมต่อผู้ที่ควรอ่อนน้อม ย่อมประสบความหายนะ
... ท่านสอนให้เราไปดูตัวอย่างรวงข้าวในนา ตามธรรมดา
... รวงข้าวมีเมล็ดเต็มอ้วนภายใน มักอ่อนรวงลงเสมอ ส่วนรวงใดลีบไม่มีเนื้อภายใน มักชูรวงแข็งกระด้างไม่อ่อน
... เปรียบเหมือนคนอ่อนน้อม ซึ่งแสดงว่ามีความดีภายใน
... ส่วนคนแข็งกระด้างแสดงว่าภายในลีบไม่มีน้ำหนักแห่งความดีเลย... "
#มนุษย์จึงควรสำนึกในข้อนี้_และประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ
#จะถึงความเจริญไม่หยุดยั้ง.

#หลวงปู่เจี๊ยะ_จุนฺโท






บางคนหลงหนังสือ หลงพระไตรปิฎกจนลืมพระธรรม บางคนหลงครูบาอาจารย์ เที่ยวกราบ เที่ยวเฝ้า เที่ยวแหนครูบาอาจารย์จนลืมการปฏิบัติ อะไรที่สอนเราได้ ที่เราพิจารณาเพื่อลดความอยาก ละกิเลสตัณหาได้ อันนั้นก็พระธรรม เราอาศัยพระไตรปิฎกและครูบาอาจารย์เป็นแนวทางเป็นหลักยึดเพื่อเข้าสู่พระนิพพาน แต่การหลงยึดหลงติดในพระไตรปิฎก หลงติดในครูบาอาจารย์ ก็เป็นเครื่องขวางกั้นพระนิพพานได้เหมือนกัน

หลวงปู่หา สุภโร (หลวงปู่ไดโนเสาร์)
วัดสักกะวัน (ภูกุ้มข้าว) จ.กาฬสินธุ์








#ละกิเลสตัวไหนยากที่สุด

คราวหนึ่ง ขณะอยู่กับหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป ได้พูดคุยกันถึงเรื่องกิเลส จึงขอโอกาสกราบเรียนถามหลวงปู่ท่านว่า...

เด็กวัด - หลวงปู่ครับ...กิเลสตัวไหนละยากที่สุดครับ?

หลวงปู่ - นิ่งสักพัก แล้วชี้มาที่ผู้ถาม...การที่เห็นลูกศิษย์ลูกหาที่มากราบไหว้ ที่มีความทุกข์ ที่เดือดเนื้อร้อนใจในเรื่องต่างๆ เห็นแล้วอยากให้เค้าพ้นทุกข์ อยากให้เค้ามีความสุข นี่ละยากมาก ความเมตตาที่อยากให้ทุกคนสมปรารถนา นี่เป็นกิเลสอย่างละเอียดนะ ละยากมาก!!!

ความเมตตาของหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป







ความสุขอันลึกซึ้งซึ่งเกิดจากการปฏิบัติธรรมไม่ได้เกิดง่ายๆ หลวงพ่อชาจึงพร่ำสอนลูกศิษย์ลูกหาอยู่เสมอว่าขันติความอดทนนั่นแหละ คือเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง วันหนึ่งท่านอบรมพระภิกษุสามเณรว่า “บางคนต้องการมาปฏิบัติเอาความสุขเฉยๆ สุขมันจะมาจากไหนก่อน อะไรเป็นเหตุมัน? ความสุขทั้งหลายนะ มันต้องมีทุกข์มาก่อนมันจึงจะมีสุข เราทำทุกสิ่งทำงานก่อนจึงจะได้เงินมาซื้อกินมิใช่หรือ ทำนาก่อนจึงจะได้กินข้าว มันต้องผ่านความทุกข์มาก่อนทุกอย่างนั้นแหละ”

พระอาจารย์ชยสาโร
.






หลวงปู่เล่าเรื่องเณรฆ่าสัตว์ไปตกนรก

ใจของเรานั่นน่ะมันสำคัญที่สุด มันหาสาระแก่นสาร หาประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้เท่าไรหรอก คือ มันใจโลภ ใจโกรธ ใจหลง ใจอิจฉาพยาบาท

ใจน่ะ ใจของเราน่ะมันโลภหลง ไปตามสัญญาอารมณ์ต่างๆ หลงในวัตถุธาตุว่าเป็นของเราอย่างนั้นอย่างนี้ ตามวิ่งตามวัตถุธาตุว่าเป็นสมบัติของเรา สุดท้ายก็ทำบาปทำกรรมในวัตถุอันนั้นแหละ ฆ่ากัน ตีกัน วุ่นวายก็เพราะว่าหลงในวัตถุอันนั้น

อันนี้ความคิด ใจน่ะคือความคิดของเรา เดี๋ยวก็คิดดี เดี๋ยวก็คิดไม่ดี คิดโลภ คิดโกรธ คิดหลง คิดอิจฉาพยาบาท แล้วก็คิดเรื่องอยู่เรื่องกินเรื่องหยัง ไม่รู้อะไรต่างๆไปตามกระแสโลก ล้วนแล้วแต่หาสาระแก่นสารไม่มีที่สิ้นสุดลงไปได้

สุดท้ายก็ตายไป ตายไปแล้วใจก็เป็นสัมภเวสี หาล่องลอยอยู่ในโลกนี้แหละ ลอยไปลอยมาหาที่เกิดยาก ไม่ใช่ของง่าย จะเล่าเรื่องหนึ่ง

มีคนจังหวัดศรีสะเกษมาบวชเป็นเณรน้อย มาบวชเป็นเณร เณรเก่าเขาบวชมาก็ได้ปีสองปี แต่ว่าเณรก็แบบว่านั่นแหละ มันเป็นเณรปึกเณรหนาเณรตาบอด ไม่ใช่เณรมีปัญญา เณรไม่มีกุสลาธัมมาดอก เป็นเณรอกุสลาธัมมา

เมื่อเณรตัวนี้มันบวชเข้ามา เณรตัวนี้เข้ามา เณรเก่ามันก็เล่าพากันไปทำบาป ไปฆ่ากระรอก ไปฆ่ากระแต ไปฆ่าไก่ เณรก็อาจเป็นเณรบ้านนอก ฆ่าไก่ไม่บาปหรอกไก่มันมาวัด ไก่มันของเลี้ยงชีวิต ฆ่ากระรอกกระแตมันเกิดมาให้เรากินให้เลี้ยงชีวิต มันก็ว่าเงี้ย ไม่บาป เราเอามากินเพื่อบำรุงร่างกายให้มีชีวิตชีวาอยู่

เณรเก่ามันก็เล่าว่ามันไม่บาป เณรใหม่ก็เชื่อ ก็เลยทำบาปกับเขา เขาพาฆ่าไก่ก็ฆ่ากับเขา ฆ่ากระรอกฆ่ากระแต แต่ตอนเป็นเณร สุดท้ายก็มาได้ยินได้ฟังธรรมะจากครูอาจารย์ ก็เลยรู้มันเป็นบาปเลยเลิก ไม่ทำแล้ว ต่อมาก็มาบวชเป็นพระ

บวชเป็นพระได้ยี่สิบปีตายพอดี ตายแล้วก็นายพญายมก็มานำเอา นายนิยบาลน่ะ มาตวยเอาหรือมาตามเอา เอาไป ที่เอาไปนำไปเพราะเหตุไร เพราะกระแต กระรอก ไก่ ที่เณรมันไปฆ่ามันไปรออยู่พุ่นน่ะ ในปรโลกนู่น มันไปรอท่า มันฟ้องอยู่ มันคอย คอยตัดสินน่ะ มันไปรอตัดสินคดีอยู่นู่นแน่ะ มันไม่ใช่ยอมนะนั่นน่ะ

สุดท้ายนายนิยบาลก็มาตามเอาดวงจิตดวงใจนั่นไป ไก่มันก็เหมือนไก่ธรรมดาเนี่ย มันไปถึงปรโลกแล้ว ไก่มันตัวเท่าควายเนี่ย ไม่ใช่ไก่ตัวน้อยๆอย่างที่เราเห็นเนี่ย ไก่เท่าตัวเท่าควายนี่น่ะยกตัวอย่างมดแดงที่มันไปฆ่านั่นน่ะ แหย่เอามากินน่ะ มดแดงก็ตัวเท่างัว ตัวใหญ่ มีเขายาวเชียวกระแตนั้นก็ตัวใหญ่เท่าควายนี่น่ะ

เนี่ยเณรนี่แหละฆ่า เมื่อยังเป็นเณรอยู่ฆ่าข้าพเจ้าว่างั้น นายพญายมก็บอกว่าได้ฆ่าจริงรึ?

จริง! เราไม่รู้ เณรว่ามันไม่บาปก็เลยฆ่า มันรับเลย เณรมันซื่อ อย่างนี้สุดท้ายก็ตัดสินใจให้ตกหม้อนรกซะ ตกไม่นานดอกเจ็ดวัน เสวยกรรมทุกข์เสียก่อน เพราะได้ทำไปแล้ว มันไปฟ้องตัดสิน ไก่นั้นมันอาฆาต ไม่ยอมน่ะ มันจะสับฆ่าสับเณรน้อยนั่นล่ะลงหม้อระฮก เอาตีนเขี่ยลงหม้อนรกนั่นล่ะ สุดท้ายก็เลยได้ตกนรกอยู่เจ็ดวัน

พ้นจากนรกแล้วก็ไปสวรรค์บาดนี่ ไปอยู่สวรรค์ ไปสวรรค์ ไปสวรรค์ก็ไม่มีที่อยู่ ชาวสวรรค์ทั้งหลายเขาก็ว่า เณรนั้นน่ะเป็นคนใจบาป ฆ่ากระรอกฆ่ากระแตฆ่าไก่ ฆ่ามดแดงมดดำ ใจบาปมาอยู่เมืองสวรรค์บ่ได้ อยู่ไม่ได้ ไล่ไปเลย

ไปเห็นเมืองสวรรค์น่ะมันสวยมันงามปราสาทวิมาน โอ้ย นางเทพธิดาก็ล้วนแต่สวยงาม จะอยู่ก็อยู่ไม่ได้ เขาว่าอยู่ไม่ได้คนบาป ไล่ลงมาเมืองมนุษย์

เมื่อถึงเมืองมนุษย์แล้วก็เป็นสัมภเวสีอยู่หาที่เกิดบาดนี่ อยากเกิด อยากเกิดมาสร้างบารมี หาที่เกิดอยู่นั่น เกิดไหนก็ไม่ได้เกิด
ห้าสิบปีนั่น หาที่เกิดอยู่ห้าสิบปีจึงได้ไปเข้าท้องชาวนา เกิดขึ้นมาแล้วก็ระลึกชาติได้ว่า เราไปตกนรก เราได้ไปสวรรค์ นรกมันทุกข์อย่างนั้นอย่างนั้น เพราะบาป สวรรค์มีความสุขแต่ไม่ได้อยู่

บัดนี้เพิ่นก็ว่า ทีนี้ข้าพเจ้าไม่เชื่อใครแล้ว เขาว่าบาปไม่มี ข้าพเจ้าไปตกนรกมาแล้ว สวรรค์ไม่มีข้าพเจ้าไปดูสวรรค์มาแล้ว

บัดนี้สุดท้ายมันก็เลยอยู่กับพ่อกับแม่ได้แปดปี ก็ขอลาพ่อลาแม่ไปอยู่วัดกับครูบาอาจารย์ เพื่อจะได้เรียนวิชาหนังสือหนังหา

สุดท้ายก็ออกบวช ฯ รับศีลธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วก็ภาวนาด้วย ตามหลักเมื่อมีศีล มีสมาธิ มีภาวนา

ปฏิบัติบูชานานเข้านานเข้าจิตมันก็ตั้งมั่นเป็นสมาธิ รู้แจ้งแสงสว่าง รู้ด้วยกลัวด้วย มันกลัว ทำอย่างไรอะไรมันพาให้เราทุกข์เรายาก กิเลสนั่นล่ะพาให้เราทุกข์ ความโลภความโกรธความหลงนี่ล่ะ อวิชชาตัณหานี่ล่ะพาให้เราทุกข์เรายาก

มันก็มาภาวนา พิจารณาพุทโธรู้ รู้แล้วก็ละกิเลส สุดท้ายก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ กลายเป็นนิพพานพ้นทุกข์

ฉะนั้นจึงว่า ใจของเราหาสาระแก่นสารไม่ได้ พระพุทธเจ้าว่า จงทำให้ใจมีสาระแก่นสารเถิด เพิ่นว่า ใจมีสาระแก่นสารคือใจอย่างใด

ใจมีพุทโธเป็นที่อยู่ ใจมีธัมโมเป็นที่อยู่ ใจมีสังโฆเป็นที่อยู่ มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ คือใจมีศีลนั่นแหละ ใจมีศีลใจมีธรรมนั่นแหละ

หลวงปู่จันทร์ศรี #จันททีโป


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 28 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร