ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
แค่คิดว่ารู้ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=62024 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Rosarina [ 17 พ.ค. 2022, 09:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | แค่คิดว่ารู้ |
![]() คนเกิดมาแล้วช่วยเหลือตนเองยังไม่ได้ ต้องมีบุพการี(ผู้ให้ก่อน)คอยป้อนนมน้ำ เลี้ยงดูเอาใจใส่ฝึกหัดให้กินอาหารขับถ่าย กล่อมนอนฝึกคว่ำคลานนั่งยืนเดินฝึกให้พูด ส่งเสียให้ร่ำเรียนวิชาต่างๆเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ ถ้าเป็นครอบครัวตามประเพณีแต่โบราณกาล บุพการีคือพ่อแม่นอกจากเลี้ยงดูยังหาคู่ให้ด้วย พักสักประเดี๋ยวจะรีบไปไหนจะรีบไปไหนพักแป๊บ อนุญาตให้ไปพักดื่มน้ำปัสสาวะเหมือนนักเรียนเลย ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarina [ 17 พ.ค. 2022, 09:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แค่คิดว่ารู้ |
Rosarina เขียน: ![]() คนเกิดมาแล้วช่วยเหลือตนเองยังไม่ได้ ต้องมีบุพการี(ผู้ให้ก่อน)คอยป้อนนมน้ำ เลี้ยงดูเอาใจใส่ฝึกหัดให้กินอาหารขับถ่าย กล่อมนอนฝึกคว่ำคลานนั่งยืนเดินฝึกให้พูด ส่งเสียให้ร่ำเรียนวิชาต่างๆเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ ถ้าเป็นครอบครัวตามประเพณีแต่โบราณกาล บุพการีคือพ่อแม่นอกจากเลี้ยงดูยังหาคู่ให้ด้วย พักสักประเดี๋ยวจะรีบไปไหนจะรีบไปไหนพักแป๊บ อนุญาตให้ไปพักดื่มน้ำปัสสาวะเหมือนนักเรียนเลย ![]() ![]() ![]() ขึ้นหัวข้อไว้ก่อน...แค่คิดว่ารู้นั้นคือแค่ไหนที่รู้จริง |
เจ้าของ: | Rosarina [ 18 พ.ค. 2022, 06:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แค่คิดว่ารู้ |
![]() เราไม่รู้ความต่างของความคิดเห็นของเราว่าต่างจากพระธรรมอย่างไร พระพุทธเจ้าแสดงพระธรรมเพื่อถ่ายทอดความคิดตรงความจริงว่าจิตมีจริงเป็น(ธรรม=สิ่งที่มีจริง) สิ่งที่มีจริงมีมากมายหลายประการต้องอาศัยการฟังยาวนานเพื่อเข้าใจถูกตรงตามเกิดสัมมาได้ ชีวิตคือจิตเกิดดับตรงแค่1ทาง(จิตมี6ทาง)มีอากาศธาตุคือภวังจิตแทรกสลับคิดนึก ก่อนคิดจะต้องมีจิตขณะอื่นที่มีจริงและมีแค่ขณะจิตเดียวไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน จิต5ทางเกิดดับทีละ1ขณะสลับจิตคิดนึกเป็นจิตคนละทางเกิดไม่ปนไม่ซ้ำเดิม ตอนนี้ที่เรากำลังคิดยาวๆหลายๆคำเรียกว่าเป็นความคิดเห็นใหม่ตลอดเวลา ส่วนคิดจริงจริงตรงตามพระธรรมตามปกติคนต้องเรียงลำดับตามลำดับ จากพยางค์แรกตรงคำ+พยางค์ถัดไปเพิ่มจำนวนเป็นหลายคำ และเป็นการคิดต่อกันหลายๆคำที่ต่อกันจนเป็นประโยค ส่วนการสิกขาพระธรรมคือตัวจริงธรรมตรงปรมัตถ์ ต้องเป็นคำที่แสดงลักษณะที่มีจริงทันทีตรงทีละคำ ดังนั้นการปรุงแต่งความคิดต้องเป็นไปตามฟังเสียง ที่มีในขณะนี้คือคำตรงทีละคำเข้าใจตรงคำทีละคำ ไม่ใส่ความลำเอียงอคติของความคิดตัวเองลงไป เพราะเราชอบคิดไปเองว่าสิ่งที่ตัวเองรู้มีเยอะแยะ คิดว่าตัวเองรู้เยอะกว่าคนที่เขากำลังพูดคุยให้ฟัง ความจริงของคนที่คิดเป็นประโยคเรียกความคิดเห็นของตัวตน ดังนั้นตัวตนจึงมีความคิดเห็นแตกต่างตามความเชื่อวัฒนธรรมแต่ละชนชาติ แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าคือการแสดงความจริงตรงความคิดทีละคำ เพื่อให้ผู้ฟังปรุงแต่งความคิดเห็นใหม่เข้าใจตรงคำถูกตรงสัจจะตามไปทีละคำ เพื่อปรุงแต่งความคิดเห็นตรงสัจจะตรงคำทีละ1พยางค์คือคิดตามไปเรื่อยเพื่อไตร่ตรองตาม ไม่ใช่ฟังไปใส่ความคิดเห็นแย้งไปขัดใจไปเพราะการฟังต้องฟังทันทุกคำำและตีความตรงคำด้วย คุณไม่รู้ว่าคนปกติคิดได้ตรงทีละคำคือพยางค์เดียวเกิน1พยางค์ก็เป็นเวลาใหม่ก็คือสัจจะจิตดวงใหม่แล้ว ซึ่งธรรมของพระพุทธเจ้าไม่มีกาลเวลาและสถานที่เป็นคำจริงที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีไม่ทำอะไรก็มีแล้วค่ะ ขาดอย่างเดียวไม่ฟังเพื่อคิดไตร่ตรองให้มีความคิดเห็นตรงพยางค์ตรงสัจจะที่กำลังรู้สึกว่ากำลังมีที่ตัวตน จะผลิตปัญญาของตัวเองต้องคิดตรงคำตรงพยางค์เดียวเป็นเกิน1คำเป็นจิตดวงใหม่แล้วไม่มีจิตดวงเดิม https://youtu.be/4Y_C1D_vgAw ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | Rosarina [ 19 พ.ค. 2022, 19:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แค่คิดว่ารู้ |
Rosarina เขียน: ![]() เราไม่รู้ความต่างของความคิดเห็นของเราว่าต่างจากพระธรรมอย่างไร พระพุทธเจ้าแสดงพระธรรมเพื่อถ่ายทอดความคิดตรงความจริงว่าจิตมีจริงเป็น(ธรรม=สิ่งที่มีจริง) สิ่งที่มีจริงมีมากมายหลายประการต้องอาศัยการฟังยาวนานเพื่อเข้าใจถูกตรงตามเกิดสัมมาได้ ชีวิตคือจิตเกิดดับตรงแค่1ทาง(จิตมี6ทาง)มีอากาศธาตุคือภวังจิตแทรกสลับคิดนึก ก่อนคิดจะต้องมีจิตขณะอื่นที่มีจริงและมีแค่ขณะจิตเดียวไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน จิต5ทางเกิดดับทีละ1ขณะสลับจิตคิดนึกเป็นจิตคนละทางเกิดไม่ปนไม่ซ้ำเดิม ตอนนี้ที่เรากำลังคิดยาวๆหลายๆคำเรียกว่าเป็นความคิดเห็นใหม่ตลอดเวลา ส่วนคิดจริงจริงตรงตามพระธรรมตามปกติคนต้องเรียงลำดับตามลำดับ จากพยางค์แรกตรงคำ+พยางค์ถัดไปเพิ่มจำนวนเป็นหลายคำ และเป็นการคิดต่อกันหลายๆคำที่ต่อกันจนเป็นประโยค ส่วนการสิกขาพระธรรมคือตัวจริงธรรมตรงปรมัตถ์ ต้องเป็นคำที่แสดงลักษณะที่มีจริงทันทีตรงทีละคำ ดังนั้นการปรุงแต่งความคิดต้องเป็นไปตามฟังเสียง ที่มีในขณะนี้คือคำตรงทีละคำเข้าใจตรงคำทีละคำ ไม่ใส่ความลำเอียงอคติของความคิดตัวเองลงไป เพราะเราชอบคิดไปเองว่าสิ่งที่ตัวเองรู้มีเยอะแยะ คิดว่าตัวเองรู้เยอะกว่าคนที่เขากำลังพูดคุยให้ฟัง ความจริงของคนที่คิดเป็นประโยคเรียกความคิดเห็นของตัวตน ดังนั้นตัวตนจึงมีความคิดเห็นแตกต่างตามความเชื่อวัฒนธรรมแต่ละชนชาติ แต่คำสอนของพระพุทธเจ้าคือการแสดงความจริงตรงความคิดทีละคำ เพื่อให้ผู้ฟังปรุงแต่งความคิดเห็นใหม่เข้าใจตรงคำถูกตรงสัจจะตามไปทีละคำ เพื่อปรุงแต่งความคิดเห็นตรงสัจจะตรงคำทีละ1พยางค์คือคิดตามไปเรื่อยเพื่อไตร่ตรองตาม ไม่ใช่ฟังไปใส่ความคิดเห็นแย้งไปขัดใจไปเพราะการฟังต้องฟังทันทุกคำำและตีความตรงคำด้วย คุณไม่รู้ว่าคนปกติคิดได้ตรงทีละคำคือพยางค์เดียวเกิน1พยางค์ก็เป็นเวลาใหม่ก็คือสัจจะจิตดวงใหม่แล้ว ซึ่งธรรมของพระพุทธเจ้าไม่มีกาลเวลาและสถานที่เป็นคำจริงที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีไม่ทำอะไรก็มีแล้วค่ะ ขาดอย่างเดียวไม่ฟังเพื่อคิดไตร่ตรองให้มีความคิดเห็นตรงพยางค์ตรงสัจจะที่กำลังรู้สึกว่ากำลังมีที่ตัวตน จะผลิตปัญญาของตัวเองต้องคิดตรงคำตรงพยางค์เดียวเป็นเกิน1คำเป็นจิตดวงใหม่แล้วไม่มีจิตดวงเดิม https://youtu.be/4Y_C1D_vgAw ![]() ![]() ![]() ![]() ข้างบนนั้น มีการแก้ไขบางประโยคค่ะลองอ่านและคิดพิจารณาตามบ่อยๆ เพื่อเข้าใจตามตรงตรงทีละน้อยถ้าจะให้มีความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น จะต้องอ่านทีละคำเพิ่มความเข้าใจอีกจิตไม่สามารถเข้าใจเกินสิ่งที่มีจริงตรงปัจจุุบัน ดังนั้นเราจะเอาความคิดเห็นของตนเองมาเป็นปัญญาไม่ได้และเอาความจำอันเก่ามาเทียบพระธรรมไม่ได้ เพราะการมีปัญญาตรงตามพระธรรมจะต้องเป็นการคิดตรงตามคำใหม่เพื่อเข้าใจตรงสัจจะไปตามลำดับคำ ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |