ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
อะไรคือศึกษาพระพุทธพจน์ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=62054 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | Rosarina [ 22 พ.ค. 2022, 10:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | อะไรคือศึกษาพระพุทธพจน์ |
![]() สิกขา แปลว่า ศึกษา ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า สิกขาคือปัญญาเข้าถึงอริยสัจจ์4อริยมรรค8 ซึ่งเป็นการศึกษาคำต่างๆที่มีบันทึกไว้เรียกบัญญัติคำ บัญญัติคำไม่ใช่วิชาการแบบชาวโลกคิดว่าเรียนเพื่อทำ เพราะทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เป็นสัททะบัญญัติ คือเปล่งพระสุรเสียงถึงสัจจะที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีขณะฟัง ถ้าตอนที่กำลังฟังไม่เข้าใจต่อให้จะไปทำอะไรก็ไม่เข้าใจ เพราะพระพุทธพจน์ทุกคำมีทั้งอรรถ ธรรม พยัญชนะ แปลว่าทุกคำมีสภาวะนั้นจริงที่กำลังเป็นขณะฟังไม่ได้ทำ ถ้าขณะฟังไม่เข้าใจคำไหนก็แปลว่ามีกิเลสตัณหาอวิชชาทันที เพราะความจริงที่ทรงแสดงตรงสัจจะไม่มีกาลเวลาและสถานที่ แต่มีลักษณะสภาพจิตใจแต่ละ1สัจจะที่กายใจทุกตัวตนสัตวโลก กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังฟังทันทีคือคำสอนดับกิเลส(ไม่รู้)ทันที เรียกว่าอนุสาสนีปาฏหาริย์แปลว่ากำลังฟังเข้าใจถูกตามได้ ขณะนั้นเองการปรุงแต่งความเข้าใจทั้งอรรถธรรมพยัญชนะ ขณะที่เข้าใจถูกนั่นเองที่สังขารขัน์ปรุงแต่งสัมมาทิฏฐิตรงตามได้อยู่ พอหยุดฟังก็ทำอะไรไปตามอัตตาพาคิดไปตามความคิดเห็นตัวตน ธรรมของพระพุทธเจ้าแสดงสัจจะที่ไร้ตัวตนมีจิตเป็นประธานและ มีตัวจริงธรรมหลากหลายเกิดร่วมกันเป็นสหชาตปัจจัย(มีตรงเหตุปัจจัยไม่ได้ทำ) แสดงว่าธรรมไม่ได้เกิดเองเดี่ยวๆแต่มีตัวจริงธรรมเกิดร่วมกันมากกว่า1ลักษณะ พระพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงทั้งหมดเพื่อให้ระลึกตรงตามได้ จนเกิดสติปัญญารอบรู้ชัดเจนในคำของพระองค์ว่าอะไรคืออะไร ไม่ว่าใครจะทำอะไรที่ไหนพระพุทธเจ้าก็ไม่ทรงห้ามการกระทำนั้น แต่การเสด็จไปโปรดคือการเสด็จไปหาเพื่อแสดงเทศนาธรรม ให้ผู้ที่มีปัญญาเคยสะสมการฟังมาแล้วในอดีตและทรงหยั่งรู้ การสะสมของสาวก(ผู้ฟัง)ที่สามารถถึงการบรรลุธรรมจึงทรงโปรด ไม่ทรงเสด็จไปโปรดผู้ที่ไม่ได้สะสมปัญญามาแต่อย่างใดเพราะ ปัญญาเกิดได้ตามลำดับการเริ่มต้นผลิตปัญญาจึงไม่ข้ามสุตมยปัญญา ขอให้เทียบความจริงของการคิดด้วยว่าไม่ว่าใครก็ตามที่คิดตรงทีละคำ จะต้องคิดเรียงลำดับตามพยัญชนะจากพยางค์แรกไปตามลำดับถึงพยางค์สุดท้าย เรียกว่าการปรุงแต่ความคิดเห็นตามความคิดของอัตตาของผู้นั้นเอง ถ้าผู้นั้นไม่เคยทำสุตมยปัญญาตรงตามอรรถ ธรรม พยัญชนะมาก่อน แสดงว่าผู้นั้นไม่เข้าใจพระพุทธพจน์แต่เป็นการคิดตามตาเนื้อเห็นผิดไปเอง เป็นความคิดเห็นที่ปรุงแต่งตามอัตตาพาคิดเห็นผิดไปเกินสัจจะตามปกติ เพราะการสิกขาตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าคือการคิดตามเสียงตรงคำ เพื่อเข้าใจอรรถ ธรรม พยัญชนะ ตรงปรมัตถ์ ซึ่งพยัญชนะมีทีหลัง แต่ธรรมที่มีจริงคือมีสัทธรรมมีเสียงกำกับคำที่ทำให้เข้าใจความหมาย ตรงสัจจะที่กำลังปรากฏว่ากำลังมีตรงตามที่กำลังได้ยินทันที ฟังเพื่อเข้าใจตามธรรมที่กำลังมีที่กายใจในขณะนี้เอง ไม่ฟังไม่มีทางคิดเองได้เพราะคิดต่อกันหลายๆคำเป็นความคิดเห็นเรา แต่ความคิดเห็นถูกตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเกิดได้ตามลำดับ จากการฟังของผู้ฟังที่เป็นพหูสูตคือฟังเข้าใจบ่อยๆ อรรถคือเนื้อหาที่พรรณนาสภาพธรรม ธรรมคือสิ่งที่มีจริงที่กำลังมีขณะนี้ ชื่อธรรม คือ ลักษณะคำอธิบายตัวจริงธรรมที่ปรากฏ พยัญชนะ คือ คำอธิบายตัวจริงธรรมตรงตามสัจจะ คำที่เป็นสัทธรรม(เสียงคำแสดงสัจจะที่กำลังมีจริง) ที่ผู้ฟังเข้าใจตามจนเข้าใจลักษณะที่กำลังปรากฏ ตามปกติตามเป็นจริงตรงคำตรงลักษณะที่กำลังมี เป็นปัญญารอบรู้ตรงสัจจะตามลำดับปัญญาของผู้ฟังเอง ในขณะนี้ที่กำลังฟังทันทีเพื่อระลึกตามความเป็นจริงของธรรม https://youtu.be/F0g-V4b1Cq8 ![]() ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |