วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 01:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2022, 08:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


…ฉันใดการสร้างบุญสร้างกุศล
ก็เป็นอย่างนั้น …ทำมาไม่เท่ากัน
อานิสงส์ของบุญจึงปรากฏไม่เท่ากัน
ทำให้พวกเรามีความแตกต่างกัน

.มีความสุขความเจริญ
มีรูปร่างหน้าตา มีอายุ มีสุขภาพต่างกัน
คนที่ทำบุญมากกว่า ย่อมได้มากกว่า
คนที่ทำน้อยกว่า ย่อมได้น้อยกว่า
เป็นเรื่องธรรมดา

.เพราะบุญบารมีแข่งกันไม่ได้
มีสุภาษิตที่ว่า..แข่งรถแข่งเรือพอแข่งกันได้ แต่บุญบารมีแข่งกันไม่ได้
มีแต่จะต้องทำกัน ของใคร ของมัน.
…………….….………….…….………
กำลังใจ ๓๙ กัณฑ์ที่ ๓๕๔
๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี






#จิตของผู้มีบุญ

"... หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ท่านได้ให้โอวาทแสดงธรรมเกี่ยวกับ "จิตของผู้มีบุญ" ว่าจะประกอบด้วยลักษณะ ๙ ประการดังนี้..."

#๑_ไม่บ่น เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้น ก็
จะแปรสภาพให้เป็นปัญญา ทำให้ยอมรับต่อความเป็นจริงของชีวิต ทำให้รู้เห็นและเข้าใจถึงระดับวาสนาของตนและบุคคลอื่น ความเป็น ไปของชีวิตนั้นขึ้นตรงต่ออำนาจบุญกรรมที่ทำไว้ บ่นไปก็แค่นั้นเอง ที่ได้มา ที่มีอยู่ ที่เสียใจ ที่ไม่ได้ดั่งใจ ทุกสิ่งทุกอย่างนั้น มันคือ “ผลแห่งกรรม” อันเป็นสมบัติของเราเอง

#๒_ไม่กลัว เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็
จะแปรสภาพให้เป็นความเข้มแข็ง กล้าหาญ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ทำให้ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคและปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพราะมีความมั่นใจในความเป็นผู้บริสุทธิ์ ความเป็นผู้มีบุญของตน เมื่อจะคิด จะทำอะไรลงไป ล้วนมีกำลังบุญมารองรับทั้งหมดทั้งสิ้น

#๓_ไม่ทำชั่ว เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นตัวควบคุม บริหารจัดการ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ทำให้เกิดความกลัว ความละอายต่อบาป ต่อกรรม ความผิดน้อยใหญ่ ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง เห็นถึงความ เสียหาย หลายภพหลายชาติ เห็นถึง ผลกระทบต่อครอบครัว ต่อโลกต่อสังคม อย่างมากมายมหาศาล

#๔_ไม่คิดมาก เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้น
ก็จะแปรสภาพให้เป็นความสะอาด ความสว่าง ความสงบ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ทำให้เกิดพลังแห่งความสงบ แห่งจิตแห่งใจ ไม่ฟุ้งซ่านรำคาญใจ ไม่คิดเป็นทุกข์ ความคิดทุกความคิด ล้วนนำมาซึ่งความเบิกบานกายใจ ไม่คิดเบิกความทุกข์ มาใช้ก่อน

#๕_รอได้_คอยได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่ง
บุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความใจเย็น มีความยืดหยุ่น ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ไม่ใจร้อน ใจเร็ว เห็นถึงจังหวะ และโอกาสของชีวิต

#๖_อดได้_ทนได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นพลังงานเข้มแข็ง ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ทำให้มีความอดทน ที่เป็นหนึ่งเป็นเลิศ มีความคิดที่ไม่หวั่นไหว เห็นความสำเร็จทุกชนิดมาจากความอดทน อดทนอย่างมีความสุข

#๗_สงบได้_เย็นได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่ง
บุญนั้นก็จะเป็นสภาพให้เป็นคนที่สงบได้ เย็นได้ ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ไม่เป็นคนที่ร้อนรน กระวน กระวาย สับส่าย วุ่นวาย ในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ ในสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น แม้จะตกอยู่ใน เหตุการณ์ที่เลวร้าย ก็ทำใจได้ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

#๘_ปล่อยได้_วางได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นคนที่รู้จักการละ การวาง ตามกำลังของบุญฤทธิ์ ไม่เป็นคนที่แบกทุกอย่างที่ขวางหน้า ยึดทุกอย่างที่เกิดขึ้น

#๙_รู้ได้_ตื่นได้และเบิกบานได้ เมื่อมีบุญแล้ว ผลแห่งบุญนั้นก็จะแปรสภาพให้เป็นความรู้ตื่น เบิกบาน ตามกำลังของบุญฤทธิ์ เป็นผู้รู้ ต่อความ เป็นจริงของชีวิต ไม่ปล่อยชีวิตให้ตกไปในกระแสของความโลภ ความโกรธ ความหลง จิตใจมีความอิสระเต็มที่ ทุกวันทุกเวลาทุกนาที

#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี








#เอ็งเห็นดอกไม้ที่ร่วงไหม..!!

#มีทั้งดอกอ่อน_ที่ยังไม่ตูม
#ดอกที่ตูมแล้ว_ยังไม่บาน
#ดอกที่บานแล้ว_ยังไม่โรย
#ดอกที่โรยแล้ว_ยังไม่เหี่ยว
#ดอกที่เหี่ยวแล้ว_ยังไม่แห้ง
#ดอกที่แห้งแล้วเป็นที่สุดก็มี

"... นี่ มันร่วงลงมาจากต้นไม้เหมือนกัน
ทั้งๆที่
... สภาวะของมันไม่เท่ากัน ชีวิตร่างกาย
ของคนก็เหมือนกัน

#บางรายตาย_ตั้งแต่อยู่ในครรภ์
#บางรายคลอดออกมา_แล้วตาย
#บางรายตาย_ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
#บางรายตาย_ตอนเป็นหนุ่มเป็นสาว
#บางรายตาย_ตอนวัยกลางคน
#บางรายตายเมื่อแก่

... อย่างข้านี่ตายเมื่อแก่ ก็ไม่ต่างกับดอกไม้ที่แห้งคาต้น
... แล้วร่วงหล่นลงมา สภาวะความจริงมันเป็นอย่างนี้
... ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาในโลกมีอนัตตาเป็นที่สุด
... อย่างร่างกายก็คือตายไปในที่สุด แล้วเอ็งเห็นดอกไม้
... ร่วงหล่นอยู่นี่ เอ็งมีความเศร้าโศกบ้างหรือไม่ (ก็ตอบว่า ไม่)

... นั่นซิ..!! มันร่วงมันหล่นมากมายเกลื่อนกลาดอย่างนี้
... มันก็เป็นปกติของมัน ร่างกายก็เหมือนกัน มันร่วงมันหล่น
... ก็เป็นปกติของมัน จะมัวเศร้าโศกเสียใจ
อยู่ทำไม
... ภาวะปกติมันเป็นอยู่อย่างนี้ มันเป็นธรรมดา ก็จงอย่าไปฝืนมัน
... ไม่มีใครหรอกที่เกิดมาแล้วไม่ตาย... "

#หลวงปู่บุดดา_ถาวโร






#ภาชนะเก็บบุญ

โยม : หลวงปู่เจ้าขา ดีใจเหลือที่ได้มาทำบุญกับหลวงปู่ ทำบุญกับพระสุปฏิปันโน

หลวงปู่ : อือ

โยม : ทำบุญที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าทำบุญกับหลวงปู่ เย็นกายเย็นใจ ได้บุญเยอะ

หลวงปู่ : ทำบุญที่ไหนก็ดีหมดนั้นล่ะ ได้บุญหมดนั้นล่ะ ติแต่ว่าทำบุญกับวัดนี้กับพระนี้ เหมือนจะได้บุญน้อย ทำบุญกับวัดนั้นพระนั้น เหมือนจะได้บุญมาก ได้บุญมากได้บุญน้อยบ่สำคัญดอก

สำคัญว่า ที่เก็บบุญของคุณนั้น เก็บบุญอยู่บ่นี่...ที่เก็บบุญมันเก็บบ่อยู่ ก็เที่ยวทำบุญไป มันก็ไหลออกไป

จำไว้เด้อเก็บบุญไว้ในใจ อย่าให้ออกทาง ตา หู จมูก ลิ้น กายเด้อ รักษาใจให้สะอาด บุญเราจะได้สะอาดไปด้วย เพราะบุญอยู่ในใจเด้

#พระเทพมงคลวชิรมุนี
หลวงปู่หา สุภโร






ปฏิบัติธรรมเนี่ยมันไม่ใช่เพื่อเอา
มันเพื่อให้จิตรู้จิตเห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง
แล้วมันคลายออกเองด้วย
ไม่ใช่เราอยากปล่อยอยากวาง
อยากหลุด อยากพ้น อยากได้มรรคอยากได้ผล
อยากได้นิพพาน อยากได้สมาธิ อยากได้ฌาน
อยากได้ญาณ ไม่ใช่!
เราปฏิบัติ....แค่สร้างเหตุ...
พอใจปฏิบัติ ส่วนผลแล้วแต่....
มันเป็นเรื่องของผลนี่ มันเกิดจากเหตุ
ท่านถึงเรียกว่าสภาวธรรมนะ
สภาวะ คือ สภาพ
ธรรม ก็คือ ธรรมะที่เกิดจากการปฏิบัติ
ก็คือสิ่งที่ปรากฏขึ้น ให้จิตมันรู้มันเห็นมันแจ้งมันชัด
เนี่ยเห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง
มันเกิดขึ้นยังไง ก็ให้รู้ตามที่มันเป็นนั่นแหละ
มันเป็นยังไง ก็รู้ไปตามนั้น
ถ้ากำลังมันพอ มันจะไม่ต้องคิด ไม่ต้องพูดอะไร
มันแค่รู้แค่เห็นแล้วมันมีญาณเหมือนมีตาในน่ะ
"ตาใจ" ตาของปัญญา ตาของปัญญาญาณ
เห็น! เห็นว่ามันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
เห็นมันเกิดมันดับมันเปลี่ยนแปลง
มันเป็นเราไม่ได้!
เพราะจิตมันก็เป็นผู้ดูอยู่ แล้วมันจะเป็นเราได้ยังไงล่ะ?
มันเป็นเราไม่ได้เด็ดขาด
ถ้ามันเด็ดขาดลงไปเมื่อไหร่
กำลังมันถึงเมื่อไหร่ มันปล่อยทันทีเลย!
มันมาเอาเป็นเราไม่ได้
ไม่ว่าอะไรทั้งนั้นในธรรมชาติเนี่ย
ยึดอะไรไม่ได้เลย!
.
พระอาจารย์ครรชิต สุทฺธิจิตฺโต
วัดป่าภูไม้ฮาว จ.มุกดาหาร







พระที่ดี.. ให้หาที่ตนเอง อย่าไปหาที่อื่น แม้ว่าพระองค์นั้นจะเป็นพระอรหันต์ก็ตาม ในเมื่อเราเห็นปฏิปทาท่านงดงาม เราก็ทำอย่างท่าน เดี๋ยวเราก็เป็นพระดีเอง

ถึงเราจะไปกราบไหว้ท่าน ท่านก็ไม่อาจทำให้เราสงบเย็นได้ ท่านเอาบุญให้เราไม่ได้ ศีลเราต้องรักษาเอง เจตนางดเว้นเอาเอง ไม่ใช่ไปขอท่าน

ไปขอศีลจากพระ แต่เราไม่มีใจรักษา ก็เหมือนว่าเราไม่ซื่อสัตย์กับตัวเอง

ถ้าเรารักษาได้ เราก็สงบ ไม่มีความกังวล ไม่มีความเร่าร้อน

พระท่านเป็นเพียงผู้บอกทาง

ถ้าเราไม่ดีแล้ว พระที่ไหนในโลกก็ไม่ดีแน่นอน เพราะฉะนั้น พระดีหรือคนมีบุญก็คือตัวเราเอง ให้สังเกตตัวเอง ให้ดูแต่ตัวเอง ไม่จำเป็นต้องไปสังเกตผู้อื่น

ตัวเราเองก็ทำเองได้โดยไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร ทิ้งอารมณ์ให้เร็ว ทั้งอารมณ์ที่พอใจและไม่พอใจ ถ้ามันทิ้งได้แล้ว มันก็ไม่มีอารมณ์ที่จะไปคิดปรุงแต่ง

ทิ้งอารมณ์ คือ อย่านำเข้ามาคิด คิดแล้วมันจะนำความเร่าร้อนมาให้ ถึงเค้าจะชม หรือด่าก็ตาม ถ้ามันไม่ทำให้เราเสียชีวิตและทรัพย์สินแล้ว เฉยเถอะ

#หลวงพ่อมานพ #พุทธครุโต






อย่าไปเพิ่มอัตตาตัวตน ด้วยการเป็นคนเข้าไปตัดสินคนอื่นเขา เพราะเราละกิเลสให้ใครคนอื่นเขาไม่ได้ หากมันไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายกับเรา ก็ถอยออกมาชะ

วิจารณ์ตัดสินเขา เราได้อะไร จงเตือนตนด้วยตนเองเถิด

#หลวงพ่อมานพ #พุทธครุโต


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 42 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร