" เมื่อรู้แล้ว...
รู้ อยู่เฉย ๆ
รู้ เท่าทัน
รู้ แจ้ง
ไม่รับ ส่วนกับผู้ใด ไม่รับ เป็นทาสใคร
ไม่รับ ส่วนกับใคร

รู้ แล้วไม่เอา
รู้ แล้ววาง
รู้ แล้วละ
สุข ก็มีอยู่เหมือนกัน ทุกข์ ก็มีอยู่เหมือนกัน

อะไร ๆ ก็มีอยู่เหมือนกัน
แต่...ไม่เอา."

(หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง)






"คนเรานี่ เวลามีภัยคุกคาม
มีทุกข์บีบคั้น ก็ลุกขึ้นดิ้นรนขวนขวาย
พอสุขสบาย ก็นอนต่อไป

พระพุทธศาสนา ก็จึงต้องย้ำ
ด้วยความไม่ประมาท เพราะว่า
เมื่อสบายแล้ว คนโน้มเอียงจะประมาท

ใครทั้งๆ ที่สุขสบาย ก็ไม่ประมาทได้
ก็คนนั้นแหละ เป็นคนที่ปฏิบัติธรรมได้ผล"

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์






"ผู้เจริญย่อมไม่เบียดเบียนใคร
ไม่อาฆาตใคร พยาบาทใคร
ให้อภัยแก่คน ทุกจำพวก
ไม่เอาเรื่อง เอาราวกับใครเลย
ต้องพร้อมที่จะให้อภัยอยู่เสมอ
อย่างนี้ใจเราสบาย"

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร






“ความสุขในโลกนี้ อยู่กับความพอดี
จะหาความพอดีในโลกนี้ ไม่ได้เลย
เพราะความพอดี ไม่มีอยู่ในโลกนี้
แต่ความพอดี มีอยู่เฉพาะที่ใจเท่านั้น”

หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ







#ธาตุขันธ์คือภาระอันหนัก #วาง

หมู่สัตว์ทั้งหลายพากันแบกธาตุขันธ์เป็นภาระอันหนัก ให้ปล่อยวางเสีย ด้วยการบำเพ็ญศีล สมาธิ ปัญญาหรือมรรค ๘ จิตหนึ่ง

ตัวเหตุ สิ่งที่จะหลอกลวงใจให้เราหลงธาตุขันธ์ ทนทุกข์ไปตามธาตุขันธ์ เปรียบเหมือนน้ำกับใบบัว

ใจเปรียบเหมือนน้ำ ธาตุขันธ์เปรียบเหมือนใบบัว ทั้งสองอย่างอยู่ด้วยกัน แต่ไม่ได้ยึดติดกัน

นี้แหละคือ จิตของพระอริยเจ้าท่านอยู่ด้วย ธาตุขันธ์แต่ไม่ได้ยึดถือ แม้ธาตุขันธ์เป็นทุกข์ ก็ไม่ได้เป็นทุกข์ไปด้วย เพราะจิตปล่อยวางภาระอันหนักไปแล้ว

หลวงปู่จันทา ถาวโร





#หลวงพ่ออัครเดช (#ตั๋น) #ถิรจิตโต
#จะถอดกิเลสนะ #มันต้องคิด
#พิจารณากายในกาย

ตั้งแต่โสดาบันผล ถึงอนาคามีผล ตั้งแต่กายอย่างหยาบ อย่างกลาง อย่างละเอียด ๓ ระดับ

- กายอย่างหยาบ ก็โสดาบันผล
- กายอย่างกลาง ก็สกิทาคาผล
- กายอย่างละเอียด ที่ละได้ก็อนาคามีผลนั้นล่ะ

#นี่แหละเป้าหมายของการพิจารณา #กายในกายเนี่ย

อันนี้เป็นทางที่ไม่ผิด ไม่เชื่อก็ลองทำดู แล้วจะเห็นประจักษ์ชัดด้วยใจของตนเอง รู้เห็นธรรมขึ้นมาก็ด้วยใจของตนเอง

#ใจจะเป็นธรรมขึ้นมาก็ด้วยพิจารณากายในกายนี่แหละ

พิจารณาอารมณ์นั้น ปล่อยวางชั่วคราวเท่านั้นแหละ วันนี้ละรูปนี้ลงไป ละเสียงนี้ กลิ่นนี้ รสนี้ ออกไป พรุ่งนี้ รูปใหม่ รสใหม่ กลิ่นใหม่ สัมผัสใหม่ ไม่เหมือนเดิม

#สติปัญญาต้องทำงาน
เหนื่อยเหมือนเดิมทุกๆ วัน

ละวางได้แต่เพียงชั่วคราวเท่านั้นแหละ ถ้าไม่ขุดรากถอนโคน รากเหง้า คืออุปาทานความยึดมั่น ในกายตนแล้วเนี่ย อารมณ์ไม่มีทางละขาด...

หลวงพ่อตั๋น ถิรจิตโต






#พระอาจารย์คม #อภิวโร
#ตกลงนี่เราปฏิบัติมา
#เพื่อให้อัตตาตัวตนงอกเงยดีงาม
#ให้กิเลสอ้วนกว่าเดิมใช่มั้ย

ไอ้ประเภทที่ปฏิบัติ ปฏิบัติไป ฉันบรรลุโสดาบัน ฉันบรรลุสกิทาคามี ฉันบรรลุอนาคามี ไอ้พวกนี้เป็นบ้า

ตกลงนี่เราปฏิบัติมา เพื่อให้อัตตาตัวตนงอกเงยดีงาม ให้กิเลสอ้วนกว่าเดิมใช่มั้ย

ปฏิบัติถึงอะไร ปฏิบัติถึงเข้าขั้นไหน มีญาณทัศนะรู้ในสิ่งนั้น แต่ไม่ยึดมั่นสำคัญหมายในสิ่งนั้น

ตราบใดที่ยังมีผู้บรรลุ มันนั่นแหละตัวเฮงซวย มันนั่นแหละไม่บรรลุ จำไว้ด้วย

เพราะฉะนั้นไอ้ประเภทประกาศปาวๆ ไอ้ประเภทที่ชี้ ประเภทที่บอกแล้วกลายเป็นอวดอ้างสรรพคุณเละเทะกันมามากแล้วนะ อย่าหลงไปประเภทสำนักบ๊องๆเหล่านั้น กรุณาฟังด้วย

ยิ่งภาวนายิ่งเห็นชัดเจนว่าไม่ใช่เราไม่ใช่ของๆเรา แล้วยังอุตส่าห์ตะบอยไปยึดว่าพระโสดาบันของฉัน สกิทาคาของฉัน อนาคาของฉัน อรหันต์ของฉันมันเป็นบ้า

ฟังให้มันชัด เพราะฉะนั้นอย่าเข้าสำนักบ้าๆ จะได้ไม่ไปเพิ่มความบ้า เพราะไอ้ที่เป็นอยู่มันก็บ้ามากพอแล้ว

ตราบใดที่ยังมีผู้บรรลุฉันเป็นนั่น ฉันเป็นนี่ นั่นแหละกิเลสทั้งนั้น มันไม่จริง ปล่อยให้หมด พอปล่อยหมดของแท้ทั้งผู้รู้และสิ่งที่ถูกรู้หมดคุณค่าหมดราคาหมดความหมายไปเลย

ไอ้ประเภทที่รู้ดี (ปากดี) ตกม้าตายมาเยอะแล้ว เพราะไม่มีครูบาอาจารย์1 เพราะไม่ฟังครูบาอาจารย์1 ไม่ประพฤติปฏิบัติอีก1 ทีนี้ก็ล่มจม

หลักปฏิบัติของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปฏิบัติเพื่อความรู้แจ้งเห็นจริง เมื่อรู้แจ้งเห็นจริงแล้วยิ่งสะอาดยิ่งสงบยิ่งสว่าง ไม่ใช่ยิ่งรู้แล้วยิ่งเป็นบ้า

นำไปเทียบเคียงการปฏิบัติของเราทุกคนว่าเราทั้งหลายปฏิบัติตรงกับคำสอนพระพุทธเจ้ารึเปล่า แล้วเราทั้งหลายเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าหรือเป็นสาวกของปีศาจซาตานมารร้าย ตรวจตนเองแล้วแก้ไขตนเองด้วย

พระอาจารย์คม อภิวโร