วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 12:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2022, 09:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#หัวใจพระพุทธศาสนา

เย็นวันหนึ่ง มีโยมเข้ามากราบหลวงปู่ที่ศาลาหลวงพ่อบันดาลฤทธิผล คุยกับหลวงปู่สักพัก โยมจึงกราบเรียนปรึกษาปัญหาธรรมะ

โยม ; หลวงปู่ครับ คำสอนของพระพุทธเจ้ามีมากเหลือเกิน พระไตรปิฏกตั้ง ๔๕ เล่ม คำสอนตั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ผมคงจำไม่หมดทุกข้อ ทุกอย่าง ผมก็เลยอยากทราบว่า อะไรเป็นหัวใจคำสอนของพระพุทธเจ้า อะไรคือสิ่งที่ผมควรจดจำไปใช้ในการปฏิบัติตามธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ

หลวงปู่ ; เอ้า ก็ตนไง...คำสอนของพระพุทธเจ้าสำคัญที่ตน ตนนั้นสำคัญที่สุด ตนเป็นสิ่งที่ควรสอน ตนเป็นสิ่งที่ควรศึกษา ตนเป็นสิ่งที่ควรหา ตนเป็นสิ่งที่ควรละ คำสอนแปดโกฏิสี่กือก็รวมลงที่ตน คำสอนมากมายถ้าตนไม่นำไปปฏิบัติคำสอนนั้นจะมีค่าอะไร พระพุทธเจ้าท่านปฏิบัติเพื่อหาตน เพื่อละตน คำสอนทั้งหลายก็ออกจากท่าน ออกจากใจท่าน เพราะท่านหาตน เมื่อคุณศึกษาธรรมะของท่าน คุณก็ควรจะศึกษาตน ศึกษาจากหัวใจของตน เห็นตนนั้นหล่ะเป็นธรรม เห็นธรรมนั้นหล่ะเป็นตน เห็นตนคือเห็นธรรม ศึกษาตน หาตน พบตน ละตน นี่หัวใจพระพุทธศาสนา เข้าใจนะ

หลวงปู่ #พระเทพมงคลวชิรมุนี (หลวงปู่หา สุภโร)





ยุ่งมาก เป็นอะไรมาก(วุ่นวาย)

เพราะว่าคิดอย่างนั้นนะ
“ถ้าไม่คิดอย่างนั้นก็ไม่เป็นอย่างนั้นนะ”

หลวงปู่เชอรี่ อภิเจโต
วัดป่าบ้านตาด






"... ดูหัวใจเจ้าของ นั่นสิ..
นักปฏิบัติเรา..!!
... ดูแต่ผู้อื่น ดูแต่ภายนอก
ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว ..."

#หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน






โลกยิ่งเจริญด้วยวัตถุมากเท่าไร

"... ความเห็นแก่ตัวของมนุษย์​ ก็เพิ่มขึ้น
เท่านั้น
เมื่อความเห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้น​ คุณธรรมของ
คนก็จะลดลง ..."

#เมื่อคุณธรรมลดน้อยลง_ความเบียดเบียนก็มีมากขึ้น

"... เมื่อความเบียดเบียนมากขึ้น​ ความทุกข์ก็
มากขึ้นตาม
เมื่อความทุกข์มากขึ้นแล้ว​ ความเสื่อมของ
สัตว์โลก
ก็ย่อมสิ้นสุดลดลง​ อวสานลงไปตามลำดับ ..."
—————————
#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน
[ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ]







#แผ่เมตตา​

"... ถ้าเราแผ่เมตตาเหมือนกับ พระอาทิตย์
ส่องแสง
... เมตตานั้นจะมีพลังสูงยิ่ง เพราะธรรมชาติของพระอาทิตย์
... ขณะที่ส่องแสงไม่ได้เลือกชุมชน สรรพสัตว์ยากดีมีจน
... อยู่ที่สูงหรือที่ต่ำ จะใกล้หรือไกล ก็ได้รับความร้อนเท่ากัน ..."

#เมตตาธรรมก็เช่นกัน_ขอให้แผ่ไปให้แก่ชนทุกชั้นทุกระดับ
#ใครจะรับได้มากน้อย_สุดแต่วาสนาบารมีของผู้นั้น"

#หลวงปู่แหวน_สุจิณฺโณ






"เงินทองส่งถึงโรงพยาบาล
ลูกหลานส่งถึงหลุมศพ
บุญกุศลส่งถึงภพหน้า
ภาวนาส่งถึงนิพพาน
โกรธเขาเราทุกข์ อภัยเขาเราสุข"

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ






เพิ่นให้มาปฏิบัติเสียสละ เสียสละออกให้มันหมดจิตหมดใจ มันจั่งค่อยแมน บาดนี่กะว่ามาปฏิบัติเพื่อเป็นนิสัย สิเอาชาติหน้า

ชาติหน้าใครสิมาอภิเษกให้ ใครสิมาแก้ให้ ใครสิมารู้ให้เห็นให้ ใครสิมาปฏิบัติทำจิตใจสงบให้ มันบ่มีเด้ มีแต่เจ้าของแก้เจ้าของ เจ้าของต้องปฏิบัติให้เจ้าของเอง ผู้อื่นเฮ็ดให้บ่ได้

ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราก็ประพฤติปฏิบัติในปัจจุบันนี่เลยล่ะ เพราะอนาคตกับปัจจุบันก็เราเป็นผู้ทำเอง แก้เอง ก็ปฏิบัติให้มันแจ้งในปัจจุบันนี้เลย ไม่ต้องไปรอชาติหน้า

#ขันธ์ห้าเป็นตัวทุกข์

เมื่อมีรูป มันก็มีเวทนาความรู้สึก มีสัญญาความทรงจำ มีสังขารความปรุงความแต่ง มีวิญญาณสิ่งที่รับรู้

#มันทุกข์อย่างไร?

พอมีรูปร่างกายมันก็เจ็บ ก็ป่วยไข้ แตกตายทำลายขันธ์

#นี่จะไม่ให้มันทุกข์ได้อย่างไร

คนเรายังจะมัวมาหลงอยู่ในก้อนอันนี้ ก้อนทุกข์ ก้อนเจ็บ ก้อนปวด มายึดเอาว่าเป็นตัวกู ของๆกู ไม่เบื่อไม่หน่าย

#เพราะฉะนั้น_พระพุทธเจ้า_ท่านจึงให้หาทางทิ้งกาย

พิจารณาร่างกาย มองให้เห็นอริสัจ คือของจริง คือมองให้เห็นทุกข์ สมุทัยหนทางดับทุกข์

#เมื่อมันรู้ #มันเห็นชัด

ว่าร่างกายกับจิตใจ มันคนละส่วน มันก็พ้นแล้ว หมดแล้ว

#โอวาทธรรมหลวงปู่บุญมา #คัมภีรธัมโม #วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร






พระพุทธเจ้าสอนเรา ไปนิพพานไม่ได้ ก็เพราะมันหลงนี่แหละ

หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป






#พระอาจารย์ชยสาโร

กิเลสเป็นชื่อเรียกอารมณ์ที่ทำให้จิตใจขุ่นมัวเศร้าหมองและขวางกั้นไม่ให้สิ่งดีงามงอกเงยขึ้นในจิตใจ รายชื่อกิเลสที่ปรากฏในพระสูตรช่วยให้นักภาวนามีรายการตรวจสอบความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมของตน หากในภาพรวมแล้ว กิเลสเหล่านี้ลดลงเรื่อยๆ ย่อมอนุมานได้ว่าเราปฏิบัติถูกต้อง แต่หากกิเลสเพิ่มขึ้น ก็แสดงว่าถึงเวลาที่ควรพิจารณาหาวิธีแก้กิเลสตัวนั้น ตราบใดที่กิเลสยังอยู่ จิตจะรับคุณธรรมได้ยาก ดุจผ้าสกปรกเปรอะเปื้อน ย่อมไม่อาจรับสีย้อมใหม่ได้ฉันนั้น

กิเลสกลุ่มหนึ่งที่พระพุทธองค์ทรงขยายไว้ในพระสูตรคือ อุปกิเลส ๑๖ (มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ วัตถูปมสูตร) ประกอบด้วยกิเลสดังนี้

อภิชฌาวิสมะโลภะ - ความคิดเพ่งเล็งอยากได้ ความโลภ
พยาบาท - การคิดมุ่งร้าย พยาบาท
โกธะ - ความโกรธ
อุปนาหะ - ความผูกโกรธ
มักขะ - การหลบหลู่คุณท่าน การลบล้างปิดซ่อนความดีของผู้อื่น
ปลาสะ - การตีเสมอ, ยกตัวเทียมท่าน
อิสสา - ความริษยา
มัจฉริยะ - ความตระหนี่ หวงไว้
มายา - มารยา
สาเถยยะ - ความโอ้อวดหลอกเขา
ถัมภะ - ความหัวดื้อ กระด้าง
สารัมภะ - ความแข่งดี ไม่ยอมลดละ มุ่งแต่จะเอาชนะกัน
มานะ - ความถือตัว ทะนงตน
อะติมานะ - ความถือตัวว่ายิ่งกว่าเขา ดูหมิ่นเขา
มทะ - ความมัวเมา ลุ่มหลง
ปมาทะ - ความประมาท, ละเลย, เลินเล่อ

ถ้าเราอ่านรายชื่อกิเลสทั้งหมดนี้แล้วตอบตัวเองว่า “ใช่..ใช่.. นี่ก็ใช่..ใช่อีกแล้ว…” แล้วรู้สึกท้อแท้ให้หยุดอ่านสักพัก หายใจเข้าลึกๆ ผ่อนคลาย ไม่มีกิเลสตัวใดที่ยั่งยืน และไม่มีกิเลสตัวใดที่เป็นเราเป็นของเรา ขอเพียงปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธองค์อย่างจริงใจแล้วกิเลสทุกตัวจะจางหายไป

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ

____

ความหัวดื้อ (ถัมภะ) เป็นอุปกิเลสอีกตัวที่เจ้าตัวมักมองไม่เห็นว่าเป็นกิเลส กลับถือว่าตัวเองสู้เพื่อหลักการ ยืนหยัดในความถูกต้อง หรือเป็นคนฉลาดที่เชื่อมั่นในตัวเอง เราต้องรู้จักแยกแยะความเชื่อมั่นในตัวเอง อย่าให้มันเป็นถัมภะ หัวแข็ง หัวดื้อ ถือรั้น มั่นใจว่าอย่างนี้ถูก ไม่ฟังเหตุผลใครเลย เพราะเป็นเรื่องอัตตาตัวตนที่เราเอาศักดิ์ศรีของเราไปผูกไว้กับสิ่งนั้นๆ ถ้าต้องยอมสละความคิดความเห็นก็เหมือนกับว่าอัตตาตัวตนของเราถูกกระทบให้หวั่นไหว จึงต้องสู้ บางคนเอาความคิดผิดบางอย่างมาเป็นข้ออ้าง

ที่เห็นบ่อยๆ เช่น ลงทุนกับอะไรสักอย่างไปมาก แล้วพบว่ามีปัญหามากมายที่คิดไม่ถึง เมื่อมีคนเตือนว่า “เลิกซะเถอะ เสียเงินไปตั้งแสนแล้ว” ก็ไม่ยอมเลิก สู้ต่อเพราะเสียดายเงิน ไม่งั้นจะเหมือนเอาเงินแสนไปทิ้งเปล่า เอาคำว่าสู้ คำว่าอดทน ที่ฟังดูดีมาเป็นข้ออ้าง อีกเรื่องที่เห็นบ่อยที่สุดคือเรื่องสงคราม รัฐบาลทำสงคราม ทหารตายเป็นหมื่น พอมีการเรียกร้องให้หยุด รัฐบาลก็อ้างถึงทหารที่เสียชีวิต ถ้าเราเลิกก็เหมือนไม่ให้เกียรติทหารที่ตายไปแล้ว เหมือนเขาตายฟรี เราต้องเคารพผู้ที่เสียชีวิตเพื่อชาติ ฉะนั้น ต้องทำสงครามต่อ จนคนตายเพิ่มขึ้นอีกหลายหมื่นคน นี่เป็นความคิดผิดอย่างหนึ่ง แต่หากเราเปลี่ยนมุมมอง เช่น สมมติว่าเราเดินทางและกำลังหลงทาง คือเดินไปทางตะวันตกไม่ใช่ทางตะวันออกอย่างที่ตั้งใจ ก็คงไม่มีใครคิดว่า “เอ! เราเดินมาทางตะวันตกตั้งหลายสิบกิโลแล้ว ถ้าจะเดินย้อนกลับไป ก็เสียดายเวลาที่เดินมาผิดทาง เอ้า! สู้ สู้ เดินต่อไป...โลกมันกลม เดินครบรอบโลกก็ถึงแน่นอน”

ปัญหาเรื่องหัวดื้อนี่ คนฉลาดมักจะเป็นพอๆ กับคนไม่มีการศึกษา หรือเป็นมากกว่า เพราะหาข้ออ้างได้เยอะและมีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง เราต้องรู้จักใช้ปัญญาแยกแยะว่า ที่เราไม่ยอมทำตามคำแนะนำของผู้อื่นนั้นเป็นเพราะความหัวดื้อหรือเปล่า หรือเพราะเรามีข้อมูลบางอย่างที่เขาไม่มี ไม่ใช่เพราะเราไม่รับฟัง ไม่ให้เกียรติความคิดเห็นของฝ่ายที่ค้าน แต่เราฟังแล้วพิจารณาแล้ว ก็ยังเห็นว่าทางของเราดีกว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ มันก็อาจจะไม่ใช่ถัมภะ มีหลายครั้งที่ผู้นำไม่เชื่อคณะรัฐมนตรี แล้วสุดท้ายสิ่งที่ผู้นำคิดก็ได้รับการพิสูจน์ว่าถูก อย่างนี้ก็มีเหมือนกัน มันต้องดูที่ใจเราว่าทำไมเราจึงไม่ยอมเขา มันเป็นเรื่องความหัวดื้อ หรือเป็นเรื่องที่อาศัยเหตุผลและความเข้าใจบางอย่าง

พระอาจารย์ชยสาโร

______

เมื่อนึกถึงความผิดพลาดในอดีตของตัวเองโดยขาดปัญญา เราทำให้ตัวเองเป็นผู้ร้าย โดยคิดว่า “ตอนนั้นเราเป็นคนไม่ดี ตอนนี้เราก็เป็นคนไม่ดี​” ผลลัพธ์คือความรู้สึกผิดซึ่งจะเป็นต้นตอแห่งทุกข์ ชักนำให้เวียนอยู่ในวังวน หาทางออกไม่ได้

เมื่อนึกถึงความผิดพลาดในอดีตของตัวเองด้วยปัญญา โดยคิดว่า “เรื่องนั้นไม่ดีเลย เรื่องนั้นเป็นการกระทำที่ผิดพลาดและโง่เขลา” ผลลัพธ์คือความละอายต่อบาปซึ่งเป็นปัจจัยสู่ความพ้นทุกข์ เป็นแรงกระตุ้นให้ละเหตุของความผิดพลาด ทำให้มีทางออก

เมื่อนึกถึงความสำเร็จในอดีตของตัวเองโดยขาดปัญญา โดยคิดว่า “ตอนนั้นเราเก่งจริงๆ ตอนนี้เราก็เก่งเหลือเกิน” ผลลัพธ์คือความเย่อหยิ่งถือตัว ไม่รู้คุณท่าน ยิ่งประสบความสำเร็จ ความรู้สึกว่ามีตัวตนก็ยิ่งรุนแรง และยิ่งหวั่นไหวต่อเสียงสรรเสริญนินทา

เมื่อนึกถึงความสำเร็จในอดีตของตัวเองด้วยปัญญา โดยคิดว่า “เรื่องนั้นดีมาก ตอนนั้นเราได้สร้างคุณงามความดี” ผลลัพธ์คือความเบิกบานในธรรมและความซาบซึ้งในพระคุณของบุคคลผู้เกื้อกูลเรา ยิ่งประสบความสำเร็จ ความรู้สึกว่ามีตัวตนยิ่งเบาบาง และยิ่งทำให้รับมือกับเสียงสรรเสริญนินทาได้โดยไม่ทุกข์

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ศิษย์ทีมสื่อดิจิทัลฯ








ลมปากมนุษย์มันพอใจ มันก็ว่าให้ดี ที่ลมปากมนุษย์มันไม่พอใจ มันก็ด่าให้ว่าให้ อย่าไปเป็นทุกข์เป็นร้อน ทำใจของเราให้วางเฉย พุทโธอยู่ในดวงใจให้จิตใจเย็นสบาย เป็นเครื่องอยู่เครื่องอาศัยภายในใจของเรานี่เอง

บางคนเมื่อถูกความติเตียนนินทาเหมือนเอาน้ำร้อนมาลวกเข้าไป เต้นเหย็งๆ คือว่าไม่ภาวนา ว่าลมแรงยังไม่แรงเท่าลมปาก เขาว่าอย่างนั้น ลมแรงนั้นนานๆ จึงจะพัดมาทีหนึ่ง แต่ลมปากมนุษย์มันพัดอยู่ทุกวันเวลา ใครไม่ภาวนาก็เป็นทุกข์เป็นร้อน

ถ้าเขาสรรเสริญเราก็ไม่ควรดีใจ ถ้าเขานินทาว่าร้ายป้ายสีก็ไม่ควรเสียใจ เพราะความสรรเสริญนินทานี้ ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน ความเที่ยงแท้แน่นอนมันอยู่ในจิตใจทุกคน ตั้งจิตตั้งใจให้มั่นคง

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 36 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron