วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 15:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2022, 05:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"เลือกเอา ทำเอา มันไม่ไปไหนหรอก อยู่กับคนที่ทำนั่นแหละ บุญก็ดีบาปก็ดีอยู่ที่คนทำนั่นแหละ คนที่เขาไม่ทำเขาไม่ได้รับหรอก เราทำสิ่งไหนก็ได้รับสิ่งนั้นแหละ ไม่เพี้ยนไปจากหลักธรรมคำสอนหรอก ให้มันเก่งไปเถ้อะ ถ้ามันนอกเหนือจากธรรมคำสอนแล้ว มันจะร้องไห้ทีหลังหรอก"
.
โอวาทธรรมตอนหนึ่ง ของหลวงพ่อสมบูรณ์ กันตสีโล





"... การทำบุญเราจะเลือกพระนั้น มันก็ต้อง
ขึ้นอยู่
กับใจของเรา แต่ส่วนหลวงปู่ต้องพิจารณาว่า
ข้อวัตรปฏิบัติ
ของพระเหล่านั้นไปแถวใด ไปแถวไสยศาสตร์ หรือพุทธศาสตร์
ท่านเหล่านั้นเท่าที่สังเกต บวชเพื่อเลี้ยงชีวิต
หรือเพื่อลาภยศ
หรือเพื่อพ้นทุกข์ในวัฏสงสาร เราก็คงพออ่านออก
เรื่องแผ่ๆขอๆเรี่ยๆไรๆมีหรือไม่ มีข้อวัตรรักใคร่ในการปฏิบัติหรือไม่ ... "

#คำพูดคำสอนของท่าน_หนักไปในทางอามิสหรือในทางโลกุตร
#เพื่อหลุดเพื่อพ้นเสนาสนะที่อยู่ที่อาศัยวิเวกบ้างหรือไม่เราดู_ก็คงรู้แพล็บเดียวกระมัง

#พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่หล้า_เขมปตฺโต
วัดภูจ้อก้อ(บรรพตคีรี)อ.หนองสูงจ.มุกดาหาร







#หลวงพ่ออัครเดช #ตั๋น #ถิรจิตฺโต
#ใช้ปัญญาพิจารณาร่างกายของเราเป็นสิ่งปฏิกูลเป็นธาตุสี่เป็นของไม่เที่ยง

ในเบื้องต้น อาจจะใช้กําลังสติปัญญาที่จะพิจารณาใคร่ครวญก่อน เพื่อที่จะสอนใจของเรานั้น ให้เห็นความจริงของความไม่เที่ยง ความไม่ใช่ตัวตนของกายนี้ เพราะบางครั้งจิตยังไม่สงบเพียงพอ ที่จะมีสภาวธรรม หรือนิมิตในพระกรรมฐานเกิดขึ้น เราก็ไม่จําเป็นที่จะต้องรอให้นิมิตในกรรมฐานเกิดขึ้น

เมื่อจิตสงบพอควร พอเป็นบาทฐานแห่งการพิจารณา เราก็ลองเอาสติปัญญาพิจารณาร่างกายของเรา จะเป็นผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ส่วนใดส่วนหนึ่งก็ได้ เช่นเอาสติปัญญาพิจารณาแยกแยะไปค่อยๆ พิจารณาให้อยู่ในจุดนี้จุดเดียว หรือแต่ละส่วนในร่างกายเคลื่อนไป สติปัญญานั้นก็จดจ่ออยู่ในเรื่องของร่างกายเท่านั้น

ถ้าจิตคิดออกไปเรื่องอดีตเรื่องอนาคตเรื่องภายนอกนั้นก็หยุดการพิจารณา แสดงว่ากําลังของสมาธิไม่เพียงพอ แต่ถ้าความสงบเพียงพอ กําลังสมาธิเพียงพอ สติปัญญาเพียงพอ พอเป็นบาทฐานแห่งการพิจารณาได้แล้วเราเอาสติปัญญาเราออกเดินพิจารณาในร่างกายของเรา ถ้าจิตพิจารณาผมก็ดี ขนก็ดี หรือหนังก็ดี เมื่อเห็นชัดว่าเป็นปฏิกูลว่าเป็นของไม่เที่ยง ประกอบไปด้วย ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ จิตจะเกิดปลงสังเวชในขณะจิตหนึ่ง

เมื่อจิตรวมลงเป็นสมาธิ มีปิติเกิดขึ้นหรือเกิดอุเบกขาเกิดขึ้นภายในจิตใจของเรานั้น จิตก็จะหยุดการพิจารณา พักอยู่ในความสงบ จะ ๕ นาที ๑๐ นาที หรือครึ่งชั่วโมงก็แล้วแต่ หรือมากกว่านั้นก็แล้วแต่ก็ให้มีสติอยู่กับปัจจุบันธรรม

เมื่อจิตพักอยู่ในความสงบ ถ้ายังอยากจะพิจารณาต่อ เมื่อจิตถอนจากความสงบอันนั้น เริ่มมีความรู้สึกนึกคิด เราก็ยกร่างกายขึ้นมาพิจารณาอีก

แต่ถ้าเราอยากจะเปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งสมาธิ เราก็เปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งสมาธิด้วยความมีสติ ตามรักษาจิตของตนต่อไป เหมือนกับเรากําหนดสติอยู่กับลมหายใจ เข้า-ออก โดยกําหนดบริกรรมภาวนาว่า พุทโธ แต่เพียงเปลี่ยนอิริยาบถเท่านั้น แต่ไม่ปล่อยสติไปกับอารมณ์ทั้งหลาย มีสติตามกํากับใจเราไปตลอด เมื่อเราทำเช่นนี้ เปลี่ยนอิริยาบถ ลุกไปทําธุระอย่างอื่น เราก็มีสติตามรักษาใจของตนไปตลอด อารมณ์ซึ่งจะเกิด ความโลภ ความโกรธ นั้นก็ไม่มี เพราะอยู่ลําพังที่มีเราเพียงผู้เดียว มีแต่อารมณ์ความรู้สึก นึกคิดปรุงแต่งไปในเรื่องอดีต อนาคต ซึ่งมันไม่มากมายอะไรนัก.

คัดมาจาก หนังสือเรื่อง "ประตูสู่นิพพาน" เรื่อง "พึงสละแม้ชีวิตเพื่อธรรม"
พระอาจารย์ตั๋น








ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาแต่จิตใจนี้เอง มันหลอกเราเจ้าของอยู่ตลอดเวลา จึงให้เฝ้าดูมัน อย่าให้มันหลอกเราได้ หากเราทันมัน มันก็เป็นมิตรเป็นหมู่อยู่กับเรา จะเกิดกิเลสหรือจะเกิดธรรมใจนี้เป็นผู้ไว้ผู้วาง
___

#อดเรียนเพียรทำไปเถอะ

นับแต่แม่บวชมา สิ่งหนึ่งที่ยังละทิ้งมิได้ และยังไม่เคยละไม่เคยทิ้งก็คือ การชำระล้างเครื่องมลทินกากห่อหุ้มใจ เพราะแม่รู้ตัวเสมอว่า ใจดวงใหม่นี้มันต้องการของมันในการขัดเกลาใจเดิมแท้ ให้ผ่องใสให้ได้


ที่แม่ทำมาตลอด มันมิใช่ของง่าย เป็นของยากลำบากยิ่งนัก มันจะเร็วจะช้ามันขึ้นอยู่กับวาสนาบารมีธรรมของตนว่าได้สะสมมาในอดีตจนพอจนพร้อมหรือยัง หรือว่าตัวเองได้ทำขณะนี้มากหรือน้อยเท่าใด


ให้เดินจงกรม ให้ภาวนา สวดมนต์ไหว้พระ อย่าให้บาปเข้ามา แต่ให้เป็นบุญอยู่เสมอ ทำให้มาก เจริญให้มาก ทำไว้ได้มากเท่าใด สติย่อมชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ความรู้ตัวรู้ทั่วรู้กัน รู้เท่าทันในอารมณ์ฝ่ายใด ๆ มันก็จะเกิดขึ้นในตัวเองนี้ อันนี้อย่างนี้ต่อไปมันก็สิ้นสุดจุดจบ

แต่หากไม่คอยใช้สติปัญญาของตน คอยดูคอยรู้ให้มันทัน หรือไม่คอยกีดกันขัดขวางมันไว้ มันก็จะก่อตัวขยายตัวจนสุดท้ายท่วมทับหัวใจ หาความสิ้นสุดไม่พบไม่เจอ

คุณย่าชีแก้ว เสียงล้ำ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 67 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร