วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 02:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2022, 04:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#วัดไม่ได้ทุกข์มีแต่ใจเราเองที่ลำบาก

ทุกวันนี้ พระกรรมฐานเรามันไม่ได้เอาการภาวนา การประพฤติปฏิบัติด้วยความเพียร การขัดเกลากิเลส มันมาเอาแต่การก่อสร้าง เข้าพรรษาอยู่ก็สัตตาหะไปหาลาภสักการะ พากันเป็นนักเทศน์ พูดเอาอกเอาใจญาติโยม พูดให้ญาติโยมเขาบริจาคด้วยการสร้างวัตถุตามกิเลสความต้องการของตัว แทนที่จะพากันเพียรภาวนา รักษาศีลให้บริสุทธิ์ รักษาพระธรรมวินัย อยู่ในความสงบ อันนี้ไม่ละ วุ่นวายแต่กับกองกิเลสต่างๆ กิเลสของความอยาก หลวงปู่มาพิจารณาดู มันเป็นกับยุคสมัย

สมัยก่อนหลวงปู่ขาว หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่บัว หลวงปู่ชอบ หลวงปู่คำดี หลวงปู่มหาบุญมี ท่านไม่ได้พาสร้างอะไรที่ใช้เงินมากมหาศาล มีแต่ท่านสั่งสอนว่า อย่าไปเป็นนิสัยพระขอแต่เงินญาติโยม อย่าไปรบกวนเงินญาติโยม อย่าไปวุ่นวายกับการก่อสร้าง ให้พากันภาวนา พิจารณาตัวเอง อยู่ในความสงบ สมัยก่อนหลวงปู่ขาวท่านมาจำพรรษาอยู่ทางขึ้นถ้ำพวง หลวงปู่มาอุปัฏฐากท่าน กุฏิท่านก็พังๆ ตัวหลวงปู่เองก็อยากให้ท่านอยู่ดี ว่าจะทำให้ท่านใหม่ ท่านว่ากุฏิท่านสมบูรณ์แล้วดีแล้ว มีแต่ใจหลวงปู่เองที่วุ่นวาย อย่ามาคิดแทนท่าน ท่านพิจารณาแล้วว่าอยู่ได้ไม่ลำบาก ใจหลวงปู่เองที่ลำบาก อยู่ไหนก็สงบได้ ก็ดีได้ ถ้าใจเราสงบใจเราดี หลวงปู่ได้ฟังธรรมหลวงปู่ขาวแล้ว ก็นำมาพิจารณาดู มันใช่ตามหลวงปู่ขาวท่านสอน ถ้าใจเราสงบ ใจเราสุขแล้ว ใจเราพอแล้ว อยู่ไหนมันก็อยู่ได้ เพราะใจมันสงบ ใจมันสุขแล้ว มันไม่ได้ลำบากอะไรหรอก มีแต่ใจเราเองที่ลำบาก วัดไม่ทุกข์ ไม่ลำบากหรอก ใจเราที่ลำบาก มันต่างกับทุกวันนี้มาก ทุกวันนี้มันมีแต่นโยบายก่อสร้างเอาวัตถุ เอาความสะดวกสบาย...

หลวงปู่ชนะ อุตตมลาโภ
วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม (ถ้ำพวง) อ.ส่องดาว จ.สกลนคร






“ …ให้ใจรู้เท่าทันเหตุแห่งทุกข์
และดับทุกข์ แล้วละวาง
เหตุดับแล้ว
ก็สำเร็จมรรคผลนิพพาน… “

โอวาทธรรมหลวงปู่แหวน สุจิณโณ







"ผมไม่ขลัง ไม่มีฤทธิ์
ไม่ได้วิเศษ ผมอยู่
กับอาจารย์ฝั้นมา ๒๕ ปี
ท่านให้แต่พุทโธตัวเดียว
วัดตัวเองนะ รู้ตัวเองนะ
เหรียญท่าน เกศาท่าน
อัฐิท่าน ผมไม่มี

จนเดี๋ยวนี้ผมก็มีแค่
พุทโธ ไปไหน อยู่ไหน
ก็พุทโธ ก็พุทโธรู้ตื่น
เบิกบาน มีปัญญา
พ้นทุกข์ เท่านั้นเอง
ของดี
ที่ท่านอาจารย์ฝั้นให้ผม"

พระราชมงคลวชิรมุนี วิ.
(หลวงปู่แปลง สุนฺทโร)
วัดป่าอุดมสมพร
อ พรรณานิคม จ.สกลนคร








#วาทะท่านพ่อลี

รู้จริงนั้นรู้ได้อย่างไร รู้จริงนั้นรู้อย่างนี้ คือรู้ได้สองหน้า ละได้สองทาง วางได้ทั้งหมด

รู้ของเที่ยง รู้ของไม่เที่ยง
รู้ทุกข์ รู้สุข
รู้อนัตตา ไม่ใช่ตัวตน
รู้อัตตา คือ ตัวตน
นี่เรียกว่า รู้ได้สองหน้า

ไม่ยึดถือในสิ่งที่เที่ยงและไม่เที่ยง
ไม่ยึดถือในทุกข์และสุข
ไม่ยึดถือในอัตตาและอนัตตา
นี่เรียกว่าละได้สองทาง
วางได้ทั้งหมด
ไม่ยึดเอาอดีต อนาคต ปัจจุบัน

ท่านพ่อลี







ฝึกปล่อยวาง ด้วย 10 คำสอนหลวงพ่อชา สุภทฺโท

1. เมื่อเราทำบุญ แต่ยังไม่ละบาป ก็เหมือนกับเราเอากะละมังไปคว่ำไว้กลางแจ้งฝนตกลงมาถูก้นกะละมังเหมือนกัน แต่มันถูกข้างนอก ไม่ถูกข้างใน น้ำก็ไม่มีโอกาสที่จะเต็มกะละมังได้

2. โยม ไม้อันที่อาตมาถืออยู่นี่นะ มันสั้น หรือว่ามันยาว โยม ไม้อันนี้ธรรมชาติแท้ๆ ของมันมีแค่นี้ เท่านี้…มันไม่สั้น และก็ไม่ยาว โยม ความต้องการที่จะให้ไม้นี้มันสั้นเข้า หรือยาวออก นั่นแหละ “ทุกข์” ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเรายอมตามธรรมชาติที่มันเป็นอยู่ ยอมที่ไหน ทุกข์ก็ไม่เกิดที่นั่น

3. สุขและทุกข์นี้ก็เปรียบเสมือนงูตัวหนึ่ง ทางหัวมันเป็นทุกข์ ทางหางมันเป็นสุข เพราะถ้าลูบทางหัวมันมีพิษ ทางปากมันมีพิษไปใกล้ทางหัวมัน มันก็กัดเอา ไปจับหางมันก็ดูเหมือนเป็นสุข แต่ถ้าจับไม่วาง มันก็หันกลับมากัดได้เหมือนกัน เพราะทั้งหัวงูและหางงู มันก็อยู่ในงูตัวเดียวกันคือ ตัณหา ความลุ่มหลงนั่นเอง

4. หน้าที่ของเรานั้น
ทำเหตุให้ดีที่สุดเท่านั้น
ส่วนผลที่จะได้รับเป็นเรื่องของเขา
ถ้าเราดำเนินชีวิตโดยมีการปล่อยวางเช่นนี้แล้ว
ทุกข์ก็ไม่รุมล้อมเรา

5. ถ้าไฟมันไหม้ ก็อย่าให้มันไหม้หัวใจเรา ถ้าน้ำมันท่วม ก็อย่าให้มันท่วมหัวใจเรา ให้มันท่วมแต่บ้าน ให้มันไหม้แต่บ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่นอกกายของเรา ส่วนจิตใจของเรานั้น ให้มันปล่อยวาง

6. โลกนี้เป็นของพอดี แต่เรามีความโลภทะเยอทะยานไปเอง ไม่รู้จักโลก ไม่รู้จักภาษาของโลก ไม่รู้จักความหมายของโลกว่า มันเปลี่ยนแปลงอยู่ตามธรรมชาติของมันอยู่ทุกวินาที ว่าเมื่อมันเกิดแล้วมันก็แก่ แก่แล้วก็เจ็บ เมื่อเจ็บแล้วมันก็ตาย

7. ถ้าหากเป็นคนที่ฉลาดแล้ว จะปล่อยหมด สิ่งที่ดีก็ปล่อยมันไป สิ่งที่ชั่วก็ปล่อยมันไป สิ่งที่ชอบใจก็ปล่อยมันไป เหมือนอย่างเราปล่อยงูเห่าตัวที่มีพิษร้ายนั้น ปล่อยให้มันเลื้อยของมันไป มันก็เลื้อยไปทั้งที่มี “พิษ” อยู่ในตัวมันนั่นเอง

8 .เราอยากได้กระโถนใบนี้ เรายกมันขึ้นมา มีความรู้สึกว่ามันหนักเพิ่มขึ้นมา มันมีเหตุ หนักมันจะเกิดเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเราไปยกมัน ถ้าเราไม่ยกมัน มันก็ไม่มีอะไร ถ้าไม่ยก มันก็เบา อะไรเป็นเหตุผล ดูเท่านี้ก็รู้แล้ว ไม่ต้องไปเรียนที่ไหน ถ้าเราไปยึดอะไร อันนั้นแหละเป็นเหตุให้ทุกข์เกิด ถ้าเรา “ปล่อย” มันก็ไม่มีทุกข์

9. เราเห็นแล้วว่า ถ้วยใบนี้ เอาไว้ที่ไหน มันก็ต้องแตก จานนี่ เอาไว้ที่ไหน ก็ต้องแตก แต่เราก็ต้องสอนเด็กว่า ล้างให้มันสะอาด เก็บไว้ให้ดี เราก็ต้องสอนเด็กอย่างนี้ ตามสมมุติอย่างนี้ เพื่อเราจะใช้ถ้วยนี้นานๆ อันนี้เรารู้จักธรรมะ เอาธรรมะมาปฏิบัติ

ถ้าเห็นว่า อันนี้มันจะแตกอยู่แล้ว เราบอก เออ ช่างมันเถอะลูก กินแล้วก็ไม่ต้องล้างมันหรอก จะตกก็ช่างมันเถอะ ไม่ใช่ของเราหรอก เอาทิ้งไว้ที่ไหนก็ได้ มันจะแตกอยู่แล้ว อย่างนี้ก็เป็นคนโง่ไป

ถ้าเราเป็น “ผู้รู้สมมุติ” อันนี้ เมื่อมันเจ็บไข้ ก็หาหยูกยาให้มันกิน เมื่อมันร้อน ก็อาบน้ำให้มัน เมื่อมันเย็น ก็หาความอบอุ่นให้มัน เมื่อมันหิว ก็หาข้าวให้มันกินแต่ให้เรารู้ว่า ให้ข้าวมันกิน มันก็จะตายอยู่ แต่ในเวลานี้ ยังไม่ถึงคราวจะตาย เหมือนถ้วยใบนี้ ยังไม่แตก ก็รักษาถ้วยใบนี้ให้มัน “เกิดประโยชน์” เสียก่อน

10. สมมุติว่าวันนี้ โยมหาเงินได้ 100 บาท ธรรมชาติของมันแค่ 100 บาท จะอยากให้ได้มากกว่านั้น ก็ไม่ได้ จะอยากให้ได้น้อยกว่านั้น ก็ไม่ได้ หาได้ 50 บาท ธรรมชาติของเขาก็แค่นั้น หาไม่ได้เลย ธรรมชาติของมันก็เท่ากับหาไม่ได้เลย ยอมตามธรรมชาติที่มันเป็นทุกอย่าง ทุกแห่ง ทุกข์ก็ไม่เกิด ธรรมะอย่างนี้ปฏิบัติที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ ใคร ๆ ก็ปฏิบัติได้ ปฏิบัติเมื่อไร ที่ไหน ทุกข์ก็ไม่เกิดเมื่อนั้น ที่นั่น

หลวงพ่อชา สุภัทโท (พระโพธิญาณเถร)






มองให้เป็น ...
เห็นธรรมะตลอดเวลา

มองเห็นความไม่มี ในความมี
ความไม่เป็น ในความเป็น
ความไม่อยู่ ในความอยู่
ความว่าง ในความวุ่นวาย

ธรรมทั้งหลาย
#ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
ตื่นรู้ เบิกบาน
ไม่เกิดและไม่ตาย

โอวาทธรรม...
พระอาจารย์คม อภิวโร







"ภาวนา...
คือการทำจิตใจให้แน่วแน่ เป็นอารมณ์อันเดียว
เรียกว่า...
ทำสมาธิภาวนา จะยืน เดิน นั่ง นอน หรือจะ
อะไรก็ตาม ถ้าจิตนิ่งแน่วแน่เป็นหนึ่ง ในอารมณ์
อันหนึ่งอันเดียวแล้วเรียกว่า สมาธิภาวนา

แท้ที่จริงพระพุทธศาสนา ของเรานั้นสอนเรื่องภาวนาโดยส่วนมาก
ระลึกถึงทาน
ก็เรียกว่า ภาวนาแน่วแน่อยู่ในอันนั้น เรียกว่า...
จาคานุสสติ
ระลึกถึงศีล
ก็เรียกว่า ศีลานุสสติ

ฅนที่...ไม่มี ภาวนานั้น
จิตใจฟุ้งซ่าน มันส่งส่ายไม่อยู่ในอารมณ์ อันเดียว เรียกว่า ภาวนาไม่เป็น

พระเที่ยวป่าเขา เรียกว่าพระกัมมัฏฐาน
แท้จริงพระกัมมัฏฐาน มิใช่มีเฉพาะพระที่เที่ยวป่า
พระอยู่ตามบ้าน ก็มีกัมมัฏฐานเหมือนกัน แม้...ที่สุดฆราวาสที่มีครอบครัวอยู่ ก็มีเหมือนกัน
เว้นแต่ไม่พิจารณากัมมัฏฐาน ของตนเท่านั้นแหละ

กัมมัฏฐาน ๕
มีอยู่ในตัวของเรานี้แล้วทุกคน คือ...
เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ แต่เราไม่พิจารณาให้มันเห็นชัดขึ้นมาในใจ ของตน ก็เลยเข้าใจว่า... กัมมัฏฐานของตน ไม่มี

ขอให้พิจารณาลงไปเถิด
อย่างน้อย วันหนึ่ง ๆ ขอให้ได้สัก ๕ นาที ๑๐ นาที
ก็เป็นการดี ทำอะไรอยากให้ได้มาก ๆ จึงจะเอา
มันไม่ได้หรอก
ดูแต่ตัวต่อทำรัง หรือปลวกทำเรือนอยู่ ของมัน
ก็แล้วกันค่อยทำไปวันละนิดวันละหน่อย หลายวัน
เข้า มันหากโตเองหรอก

เราทำสมาธิภาวนา ก็เหมือนกัน
แต่เราทำสมาธิภาวนายังดีกว่าต่อทำรัง หรือปลวก
ทำเรือนเสียอีก เพราะสิ่งที่เราจะต้องทำ มีอยู่พร้อมแล้ว ส่วนต่อ และปลวกนั้น...
เขาต้องขนเอาสิ่งก่อสร้างมาจากที่อื่น เรายังได้เปรียบสัตว์เหล่านั้นอักโข

ขอให้ตั้งใจทำให้จริงจัง
และทำความเลื่อมใสพอใจในกัมมัฏฐาน ของตน
ให้แน่วแน่เต็มที่ ทำนิดเดียว ก็จะเป็นยิ่งใหญ่
ไพศาล เมื่อทำทุก ๆ วัน วันละนิด วันละหน่อย
มันหากจะมีวันหนึ่ง โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็น มันหากเป็นเอง
คราวนี้ละ...
เราจะประสบโชคลาภอย่างยิ่ง อย่าบอกใครเลย ถึงบอกก็บอกไม่ถูก เป็นของรู้เอง และซาบซึ้งเฉพาะตนเอง

คำว่า...ภาวนานี้
ขี้เกียจ และปวดเมื่อยแข้งขา จะหายไปเอง อย่าง...
ปลิดทิ้ง จะมีแต่...
อยากทำภาวนาสมาธิ อยู่...ร่ำไป."

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง.


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 44 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร