วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 18:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2022, 06:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#ภาวนามีอานิสงส์มากกว่าบุญทั้งหลาย​

"... การทำบุญให้ทาน รักษาศีลนี้ เป็นกิ่ง
ของการภาวนา ถ้าการภาวนามีหลักมีเกณฑ์
ดีเท่าไร เรื่องการทำบุญให้ทานภายนอกนั้น
จะมีกำลังดึงดูดกันเอง มีกำลังไปเอง
... เพราะอำนาจแห่งการภาวนา ความเชื่อมั่นในจิตของตัวเองจากภาวนานี้เป็นเครื่องหนุนให้ทำความดีหนักเข้า ๆ หนักเข้าในเรื่องบุญเรื่องกรรม ทุกอย่างหนักเข้าไป การภาวนาจึงเป็นของสำคัญ ..."

"... การภาวนานี้มีอานิสงส์มากยิ่งกว่า การสร้างบุญทั้งหลายนะ จะได้สั่งสมบุญกุศลตลอด จะรู้เห็นอะไรไม่เห็นอะไรก็ตาม ส่วนบุญกุศลเกิดขึ้นจากการภาวนา
... เป็นรากฐานสำคัญและมีอานิสงส์มากด้วย จึงขอให้พากันตั้งอกตั้งใจทำภาวนา บำรุงลำต้นให้ดี กิ่งก้านสาขาดอกใบจะแตกกระจายออกไป ..."

#หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน
[ เทศน์เมื่อวันที่ ๑๐ ส.ค. พ.ศ.๒๕๔๕ ]​
#สถานที่_วัดป่าบ้านตาด







คนที่ปฏิบัติธรรมแล้วยังเป็นทุกข์คือ คนที่ชอบจับผิดคนอื่น เห็นคนอื่นทำดีก็ไม่ยินดี แถมไปใส่ร้ายด้วยความอิจฉา มองสิ่งต่างๆด้วยใจอคติ ไม่ยอมรับความเห็นจากผู้อื่น #วางใจไม่ได้_ทำใจไม่เป็น แม้จะเรียกตัวเองว่าผู้ปฏิบัติธรรม แต่ก็ถูกความทุกข์ครอบงำจิตใจ

โอวาทธรรม พระอาจารย์จรัญ อนังคโน
#ธรรมะ #อมตะธรรม #ธรรมะสอนใจ







..โยมจงเชื่อในบุญ..
เพราะถ้าโยมไม่มีบุญ
โยมจะไม่มีลมหายใจ..

ถ้าบุญโยมไม่ดีจริง
กายสังขารโยมจะไม่
ครบองค์ ๓๒..

และถ้าบุญโยมไม่ดีจริง
หากโยมเกิดเภทภัยอะไร
บุญก็รักษาไม่ได้..

คนที่แคล้วคลาดปลอดภัย
เขาเรียกว่ามี "บุญฤทธิ์"
คำว่า "บุญฤทธิ์" หมายถึง
บุคคลนั้นทำบุญไม่ธรรมดา
นั่นเรียกว่ามนุษย์ผู้นั้นเคย
เจริญฌาน ภาวนา
รักษาศีลมาแล้ว เพราะมัน
เกิด "ฤทธิ์ทางใจ"..

มนุษย์ผู้ใดเจริญ
"อิทธิบาท ๔" อยู่เป็นนิตย์
นั่นแหละจ้ะ
ไม่ว่าจะเกิดเวรภัยอะไร
"บุญฤทธิ์" มันจะช่วยได้..

และถ้ามนุษย์ผู้ใดเจริญ
ทาน ศีล ภาวนา เจริญ
อิทธิบาท ๔
ถ้าปรารถนาในทางการใด
ไปในทางที่ชอบแล้วไซร้
ย่อมไม่เกินวิสัยของมนุษย์
ผู้นั้น..
............................................
คำเทศนาของ สมเด็จพระ
พุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
(*เรียบเรียงโดย)เพจประตูสู่อดีต
#ธรรมะ #อมตะธรรม #ธรรมะสอนใจ






"ปฏิบัติให้มาก ก็แล้วกัน
จิต...ยังไม่สงบ
ความสงบ เราไม่มี พิจารณาอสุภะยังไม่เป็น

ไม่เคยมีใครบรรลุธรรม
ด้วยการอยู่ไป กินไป นอนไป ตามใจชอบ
โดยไม่มี...การฝึกจิตทรมานใจ

เรื่องธรรมะ ให้ภาวนาลูกเดียว
เดินจงกรม ถูกนิสัยอะไร ก็เอา
ถูกพุทโธ ก็เอา
ถูกลมหายใจ(อานาปานสติ) ก็เอา

แต่อย่า...
ให้ขาดสติ ขาดสติ...ไม่ได้."

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต






คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ สอนว่า

" เดินจงกรมกลับไปกลับมาก็ให้นึกพุทโธ อย่าได้ทิ้งพุทโธ ผู้ที่ได้สมาธิขณะเดินจงกรมนี้สมาธิไม่เสื่อมง่าย ตั้งอยู่ได้นาน จิตมันรวมลงไปได้ง่าย ส่วนร่างกายก็เบา มิเจ็บแข้งมิเจ็บขา เลือดลมไปมาสะดวก จะมานั่งก็นั่งได้นาน เดินตอนกลางวันก็ไม่อืดอาดอาหารถูกธาตุไฟเผาจนหมด หากจิตรวมแล้วก็จะเห็นได้ว่า มีเทวดามายืนถือพานดอกไม้บูชาอยู่หัวท้ายทางจงกรม บางพวกก็พนมมือไหว้สาธุ สาธุ อยู่"

ก็เป็นที่น่าแปลกอยู่ วันใดลูกศิษย์พากันเดินจงกรมสงบสงัดอยู่วันนั้นก็จะได้กลิ่นหอมอบอ้าวไปทั่ววัด จนวันหนึ่งคุณแม่ชีแก้วได้ทดลองถามหมู่ลูกศิษย์แม่ชีว่า

“ซุมโต๋ได้กลิ่นหอมอยู่บ่ มันหอมดอกไม้ผะเล๋อ”

หมู่แม่ชีก็รับว่า

“ได้กลิ่นหอมอยู่” คุณแม่ก็เฉลยว่า

“มิแม่นเทวดามาอนุโมทนาบ่ เห็นบ่นั่นหมู่เทวดาทิพย์ถือพานดอกไม้มาบูชาอยู่นั่น”

คุณแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ








การปฏิบัติธรรม เพื่อ
“กำจัดความหลง” ของใจ

ทำความสงบให้มาก
แต่ “อย่าไปพอใจ
ในความสงบ” เท่านั้น

โอวาทธรรม ...
หลวงปู่แบน ธนากโร






..โยมจงเชื่อในบุญ..
เพราะถ้าโยมไม่มีบุญ
โยมจะไม่มีลมหายใจ..

ถ้าบุญโยมไม่ดีจริง
กายสังขารโยมจะไม่
ครบองค์ ๓๒..

และถ้าบุญโยมไม่ดีจริง
หากโยมเกิดเภทภัยอะไร
บุญก็รักษาไม่ได้..

คนที่แคล้วคลาดปลอดภัย
เขาเรียกว่ามี "บุญฤทธิ์"
คำว่า "บุญฤทธิ์" หมายถึง
บุคคลนั้นทำบุญไม่ธรรมดา
นั่นเรียกว่ามนุษย์ผู้นั้นเคย
เจริญฌาน ภาวนา
รักษาศีลมาแล้ว เพราะมัน
เกิด "ฤทธิ์ทางใจ"..

มนุษย์ผู้ใดเจริญ
"อิทธิบาท ๔" อยู่เป็นนิตย์
นั่นแหละจ้ะ
ไม่ว่าจะเกิดเวรภัยอะไร
"บุญฤทธิ์" มันจะช่วยได้..

และถ้ามนุษย์ผู้ใดเจริญ
ทาน ศีล ภาวนา เจริญ
อิทธิบาท ๔
ถ้าปรารถนาในทางการใด
ไปในทางที่ชอบแล้วไซร้
ย่อมไม่เกินวิสัยของมนุษย์
ผู้นั้น..

............................................
คำเทศนาของ สมเด็จพระ
พุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
#ธรรมะ #อมตะธรรม #ธรรมะสอนใจ








#การพิจารณาแยกธาตุแยกขันธ์

ขอให้ทนทำสมาธิภาวนา ทำจิตให้สงบ ให้พิจารณาแยกธาตุ แยกขันธ์และอายตนะออกเป็นส่วนๆ ตามความเป็นจริง พิจารณาให้เห็นความเป็นไปของสิ่งเหล่านั้นตามหน้าที่ของมัน

ให้แยกกายออกจากจิต แยกจิตออกจากกาย ให้ยึดเอาตัวจิต คือผู้รู้ เป็นหลัก พร้อมด้วยสติ

ธาตุทั้ง ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้พิจารณาให้อยู่ในสภาพของมันเองแต่ละอย่าง

เมื่อพิจารณาตามความเป็นจริงแล้ว จะเห็นได้ว่าธาตุทั้ง ๔ ต่างเจ็บไม่เป็น ป่วยไม่เป็น แดดจะออกฝนจะตก ก็อยู่ในสภาพของมันเอง

ในตัวคนเราก็ประกอบไปด้วยธาตุทั้ง ๔ นี้รวมกัน การที่มีความเจ็บปวดป่วยไข้อยู่นั้น เนื่องมาจากตัวผู้รู้ คือจิต เข้ายึดถือด้วยอุปาทาน ว่าเป็นตัวเป็นตน เป็นของเขาของเรา

เมื่อพิจารณาตามความป็นจริงแล้ว ตัวผู้รู้คือจิตเท่านั้นที่ไปยึดเอามาว่าเจ็บ ว่าปวด ว่าร้อน ว่าเย็นหรือหนาว ฯลฯ

ตามสภาพความเป็นจริงแล้ว สิ่งทั้งปวงเหล่านั้นไม่ได้เป็นอะไรเลย ดินก็คงเป็นดิน น้ำก็คงเป็นน้ำ ไม่มีส่วนรู้เห็นในความเจ็บปวดใด ๆ ด้วย

เมื่อทำจิตให้สงบ และพิจารณาเห็นสภาพความเป็นจริงแล้ว จิตย่อมเบื่อหน่าย และวางจากอุปาทาน คือเว้นการยึดถือมั่นในสิ่งเหล่านั้น

เมื่อละได้เช่นนี้ ความเจ็บปวดต่าง ๆ ตลอดจนความตาย ย่อมไม่มีตัวตน

เพราะฉะนั้น หากทำจิตให้สงบ เป็นสมาธิแน่วแน่แล้ว โรคต่าง ๆ ก็จะทุเลาหายไปเอง

#หลวงปู่ฝั้น #อาจาโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 60 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร