วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 14:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2022, 06:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“โดยปกติในชีวิตประจำวัน
เมื่อเกิดอารมณ์หงุดหงิดไม่พอใจ
เราชอบระบายความรู้สึกออกไป
โดยการดุ หรือพูดอะไรให้คนอื่นเจ็บใจ
แต่ถ้าเรารู้สึกตัวแล้วไม่พูดอย่างงั้น
เราก็จะได้ธรรมะหลายข้อ

ความรู้สึกตัวว่ากำลังหงุดหงิด คือ สติ
การที่ไม่ทำตามความรู้สึก นั้นคือ ความอดทน
เมื่อความเศร้าหมองในใจเราหาย
เกิดสำนึกในความไม่เที่ยงของอารมณ์
ความไม่เป็นตัวเป็นตนของอารมณ์ นั่นคือ ตัวปัญญา

การปฏิบัติในชีวิตประจำวันเป็นอย่างนี้”

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ






"อย่าไปดีใจ เสียใจ กับคำพูดคนอื่น
อย่าไปฝากหัวใจ ไว้กับคนอื่น
ต้องฝากหัวใจ ไว้กับพระธรรม"

พระอาจารย์ญาณธัมโม







"หวั่นไหว เพราะความยินดี ย่อมเป็นเหตุให้ฟุ้ง
หวั่นไหว เพราะความยินร้าย ย่อมเป็นเหตุให้เครียด
อุเบกขา จึงเป็นธรรมโอสถ รักษาโรคจิตทั้งสอง"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ






"มีอุปสรรคคือ
มีการสร้างบารมี
ให้แก่กล้า ให้ข้าม
พ้นอุปสรรคต่างๆ
ได้ ชีวิตของเรา
ทุกคนนั้น ต้องต่อ
สู้กับสิ่งต่างๆมาก
มายในช่วงชีวิต
ของแต่ละบุคคล
ความสุขอันแท้จริง
คือได้ชัยชนะกับ
กิเลสตัณหา มานะ
ทิฏฐิในตัวในใจ
ของตนเอง."

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร







#ฝังใจไม่ลืม

#วันนี้พอฉันเสร็จนี้แล้วก็จะได้ลงกรุงเทพ #ต้องสัตตาหะไป ๗ วัน ไปวันนี้ ดูว่ากลับวันที่ ๓ ครบ ๗ วัน ไปรวบรวมทองนี่ละเข้างานกฐิน #งานกฐินนี้จะเป็นงานรวบรวมทอง ก็ได้กำหนดแล้วว่า เรากำลังไม่ไหวแล้ว สิ้นปีนี้เราก็หยุดแหละ ช่วยมาตั้งหลายปี เมืองไทยเราจะได้มากน้อยเพียงไร ก็เป็นกรรมดีกรรมชั่วของเราเอง ได้มากเป็นกรรมดี ได้น้อยเรียกว่าเป็นกรรมชั่ว มันขี้เกียจทำมันกรรมชั่วพวกนี้ เข้าใจไหม ก็ตั้งใจว่าจะให้ได้ทองน้ำหนัก ๑๐ ตัน เวลานี้ร่วม ๘ ตันแล้ว เราคาดไว้ว่าอาจได้อย่างนั้นเลย ๑๐ ตัน เวลานี้ยังเหลืออยู่ ๒ ตันกว่าเล็กน้อย ได้มาแล้ว ๗,๗๗๗ กิโลครึ่ง ที่ยังไม่ได้หลอมก็มี ไปคราวนี้จะได้รวบรวมทองคำหลอม หลอมได้ยังไม่พอก็เก็บไว้ก่อนๆ พอมอบเมื่อไรก็มอบ คือส่วนมากทองคำมักจะมอบต้อง สี่ห้าร้อยกิโลขึ้นไป เราถึงจะมอบทีหนึ่งๆ อย่างคราวที่แล้วตันกว่า คราวนี้ก็จะเอาตอนกฐินทีเดียวเลย ได้มากน้อยยังไม่มอบเวลาใดเลยแหละ จะไปมอบเวลาผ่านกฐินไปเรียบร้อยแล้วทีเดียวเลยดอลลาร์ก็เหมือนกัน จะมอบในระยะเดียวกัน คือดอลลาร์กับทองคำไปตามกัน พอมอบทองคำแล้วดอลลาร์ก็เคียงข้างกันไปๆ เราเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแล้ว คิดดูพี่น้องทางภาคใต้กำหนดเรียบร้อยแล้วนะ เราว่าจะไปให้ทั่วถึงหมด แต่หมายเอาที่ว่าภาคใต้เป็นภาคใหญ่ เราต้องเอาวาระสุดท้าย พอถึงวาระสุดท้ายกำลังหมด โอ๋ย ตาย เลยหมดหวัง ได้ประกาศให้บรรดาพี่น้องทั้งหลายทราบทั่วหน้ากัน เฉพาะอย่างยิ่งทางภาคใต้ของเรา ซึ่งเรากำหนดไว้เต็มที่แล้วนะ ทีนี้กำลังมันไม่อำนวยซิ อ่อนลงๆ แม้แต่แถวๆ นี้ก็ไปไม่ได้ ต้องขอผ่านๆ เราจะรับให้เฉพาะที่จำเป็นๆ เท่านั้น จึงเสียใจคราวนี้ เลยไม่ได้ทั่วถึง มาทำงานบั้นแก่อย่างว่านั่นแหละ ทำงานบั้นแก่มันเลยไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร กำลังไม่มี มีแต่คอยจะหมดๆ อยู่อย่างนั้น

ได้บอกแล้วว่า สิ้นเดือนธันวาแล้วเราก็หยุด การที่จะไปรบกวนพี่น้องทั้งหลายดังที่เคยเป็นมาแล้ว ก็เรียกว่าไม่ไปแล้ว ส่วนการบริจาคท่านผู้มีศรัทธานั้น จะบริจาคมาทางใดก็ได้ บัญชีเราไม่ปิด เราปฏิบัติตามเดิม คือบัญชีไม่ว่าทองคำ ดอลลาร์ เงินสด เราเปิดไว้ตามเดิม เป็นแต่เพียงว่าเราไม่ได้ออกไปเที่ยวรบกวนพี่น้องทั้งหลายเหมือนแต่ก่อนเท่านั้น ส่วนการทำงานนั้นเราก็จะรับบริจาคไว้ตามเดิม ได้มากน้อยเพียงไรเมื่อสมควรควรยุติแล้ว เราก็จะประกาศเอง บอกว่ายุติ ให้เป็นปรกติ ไม่หารบกวนต่อไปอีก เป็นปรกติก็คือว่า หยุดแล้วการหาสมบัติเงินทองเข้าสู่หัวใจแห่งชาติไทยเรา หยุดแล้ว บอกปรกติก็ปรกติไปเลย เวลานี้ยังไม่ปรกติ หยุดส่วนใหญ่ ส่วนย่อยก็ให้มันไหลซึมเข้ามาเสียก่อน จนกระทั่งมันเต็มที่เต็มบึงแล้วก็เอาละ หยุด ก็ว่างั้นวันนี้ก็มากคน วันเสาร์ แน่นไปหมด คนมาก นี่จะไม่อยู่นานแหละ เพราะวันนี้ก็ยังมีงานขวางหน้าอยู่ที่กรุงเทพ พอไปถึงที่พักแล้วเอาของลงเล็กน้อย พักชั่วขณะไม่ได้นานนะ ก็จะออกไปงานศพเขาอีก โน่นวัดมกุฏฯ เขารออยู่โน้น ออกจากสวนแสงธรรมเราก็ไปโน้นเลย ถ้าจะเลยไปโน้นมันพะรุงพะรังมาก เลยต้องไปสวนแสงธรรมเสียก่อน เสร็จแล้วค่อยออกไป เรียกว่าวันนี้ไม่ว่างทั้งวัน พอไปถึงก็เป็นระยะๆ รออยู่ พอตอนค่ำก็มีอีก มาถวายทองคำ มาถวายอะไร ก็กำหนดไว้เรียบร้อย ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เราไปงานศพที่วัดมกุฏฯ ประมาณสัก ๕ โมงหรือ ๔ โมงกว่า จากนั้นก็กลับมา ตอนค่ำก็พอดี เขาก็เข้าถวายทองอะไรต่ออะไรที่สวนแสงธรรม

#นี่ก็ไปวันที่ ๒๗ พอวันที่ ๓ ก็กลับ #คือตามหลักพระวินัย อนุญาตให้ไปในพรรษาได้ ๗ วัน แล้วกลับมาค้างวัด หากว่างานการยังไม่เสร็จ จำเป็น เช่น ซ่อมแซมที่พักศาลาอะไรท่านบอกตามหลักพระวินัย ให้ไปได้อีก แต่อย่างน้อยให้ค้างคืนเสียคืนหนึ่งก่อนแล้วค่อยไป ได้ ๗ วันแล้วกลับมา ปีนี้รู้สึกว่าได้สัตตาหะบ่อยนะ เราก็เห็น เหตุการณ์มันก็เป็นไปตามนั้นจะว่าไง จะตำหนิก็ตำหนิไม่ได้เพราะมันจำเป็น ก็อย่างนี้แหละ ไปเกี่ยวกับเรื่องชาติบ้านเมืองของเรานั้นแหละไม่ใช่อะไร เราก็จำเป็นต้องสัตตาหะไป #นี่ก็ออกทางวิทยุ #ออกทางอินเตอร์เน็ตทั่วโลก พูดเวลานี้ก็กำลังออก เขาก็ฟังเหมือนกันกับเราเวลานี้นะ เพราะฉะนั้นจึงได้พูดทุกวันตอนเช้าๆ ทุกเช้าๆ ถ้าเราอยู่ที่นี่ ไม่มากแหละประมาณ ๒๐ นาทีหรือ ๒๕ นาทีพอดีกับเช้าหนึ่งๆ อย่างนั้นเราอยากให้พี่น้อง เฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวไทยเรา ได้เข้าใจเรื่องพุทธศาสนาพอให้หยั่งลึกลงถึงใจบ้าง จึงสอนทางด้านจิตตภาวนาเสมอ นี้คือรากแก้วของพุทธศาสนาเราอยู่ที่ใจ อยู่ที่จิตตภาวนา เหตุการณ์ทั้งหลายอยู่ในใจทั้งหมด โลกธาตุนี้รวมเข้ามาอยู่ในใจแห่งเดียว มันคิดไปไหนยึดไหนถือไหนอะไรเรื่องอะไรยุ่งเหยิงวุ่นวาย ลากจากนอกเข้ามาอยู่นี่ มาทำงานเอาไฟเผาหัวอกเจ้าของ ถ้าไม่มีธรรมเป็นน้ำดับไฟมันก็เผาเรื่อย เผาทุกประเภทอยู่ในหัวอกนี่นะ เราอย่าเข้าใจว่ากองทุกข์ทั้งหลายจะอยู่ดินฟ้าอากาศทั่วแดนจักรวาล จะไม่มีทุกข์ที่ไหนอยู่เลย อยู่ที่หัวใจของสัตว์โลก เพราะหัวใจนี้เป็นใจที่คึกที่คะนองด้วยอำนาจของกิเลส มันพาคึกพาคะนอง ให้คิดให้ดีดให้ดิ้นยุ่งเหยิงวุ่นวายตลอดเวลา เอาเรื่องนั้นมาเรื่องนี้มาเข้ามาเผาเจ้าของอยู่ภายในหัวอก เมื่อไม่มีน้ำดับแล้วก็แหลกเป็นเถ้าเป็นถ่านไปเลย มีน้ำดับไฟไฟก็สงบลงไป ความคิดมากๆ นั้นเราเอาธรรมเข้ามาระงับ ระงับด้วยการภาวนา ระงับอารมณ์ เรียกว่าน้ำดับไฟด้วยการภาวนา

การภาวนาแล้วแต่จริตนิสัยของเราชอบ เราจะเอาพุทโธ หรือธัมโม หรือสังโฆ หรืออารมณ์ใดก็ตามที่เราชอบ เช่น มรณัสสติ หรืออานาปานสติ อย่างนี้นะ เราก็มาบริกรรม ให้สติจับอยู่กับตรงนั้น แล้วจิตใจที่มันคิดยุ่งเหยิงวุ่นวายนั้น ธรรมะนี้จะตีเข้ามาๆ มันจะสงบเข้ามาๆ นี่น้ำดับไฟค่อยสงบ พอจิตสงบด้วยบทภาวนา ถ้ามันคิดมากให้บังคับให้มากทีเดียว บทภาวนากับสติให้จ่อกันเลย นั่นเรียกว่ารบข้าศึกนะ ทีนี้ทางนี้รุนแรง ทางนั้นก็ค่อยอ่อนลงๆ แล้วเข้าสู่ความสงบ นั่น เรียกว่าน้ำดับไฟ เข้าสู่ความสงบ พอสงบแล้วที่นี่นะ จิตนี้จะแสดงฤทธิ์ขึ้นมา ที่แสดงไม่ได้ก็เพราะอำนาจแห่งกิเลสความสกปรกโสมมมันปิดเอาไว้ๆ ธรรมะจะเลิศเลอขนาดไหนก็อยู่ทางใต้ของกิเลส กิเลสเหนือครอบไว้ ทีนี้เวลาเราเอาน้ำดับไฟ คือธรรมระงับกิเลส กิเลสความคิดฟุ้งซ่านวุ่นวายนั้นจะสงบตัวเข้าบทธรรมที่เรานำมาบริกรรมนี้เรียกว่า เป็นน้ำดับไฟ เราก็พยายามภาวนา เวลามันอยากคิดมากๆ เราก็บังคับอันนี้ให้มากเข้า ครั้นต่อไปมันจะสงบลงๆ พอจิตสงบลงแล้ว อันนี้จริตนิสัยของเราไม่เหมือนกันนะ พอจิตสงบลงไปแล้วนั้น มันจะมีแปลกๆ ต่างๆ แต่ส่วนใหญ่มักจะสงบลงไปแล้วเย็นอยู่กับที่ อย่างหนึ่งพอสงบลงไปแล้วมันจะออกรู้ออกเห็นสิ่งต่างๆ ทีแรกมีผิดมีพลาด เพราะยังไม่เคยรู้เคยเห็น มันจะรู้สิ่งต่างๆ ผิดบ้างถูกบ้างเป็นธรรมดา ทีนี้เวลาความผิดหรือความถูกเป็นครูของเราทั้งนั้นแหละ อันไหนผิดเมื่อมีครูอาจารย์คอยแนะ เล่าให้ท่านฟังท่านแนะ แล้วท่านค่อยปัดออกสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ดีท่านส่งเสริม แล้วก็เริ่มสิ่งนั้นเข้าไป

"ฝังใจไม่ลืม"

เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๖







" ชนะมารได้ ย่อมสิ้นทุกข์ "

บรรดาผู้มาบริหารจิตทั้งหลาย
คือ ผู้กำลังอบรมเพิ่มพูนสติให้รู้ทันมาร คือ สมุทัย
อบรมเพิ่มพูนปัญญาและความเพียร
ให้สามารถเอาชนะมารได้
มารคือผู้ทำลาย ผู้ทำให้เกิดทุกข์
ผู้ใดสามารถเอาชนะมารได้ผู้นั้นย่อมสิ้นทุกข์
มีสุขตามควรแก่ความปฏิบัติของตน
.
--- พระคติธรรม สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 30 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร