วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 01:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2022, 05:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา
สาเหตุที่ปัญญาชนตะวันตก
หันมาสนใจในพุทธศาสนาค่อนข้างมาก
ก็เนื่องจากว่า พุทธศาสนามีคำสอน
ที่ practical เป็น practical religion
เพราะคำสอนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ว่า
เราควรจะเป็นอย่างไร
คนดีควรจะเป็นอย่างไร
เราควรจะเป็นคนดี ไม่ควรจะเป็นคนชั่ว
หรือมีการล่อด้วยรางวัลคือขึ้นสวรรค์
ขู่ด้วยโทษคือตกนรก
โดยขาดคำสอนเกี่ยวกับวิธีการที่จะพัฒนาตัวเอง
จากที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ไปสู่ภาวะที่ศาสนาสอนว่าควรจะเป็น
แต่พุทธศาสนาเริ่มต้นตั้งแต่ระดับรากหญ้าเลย
กับความจริงในปัจจุบัน ไม่ได้เน้นอุดมการณ์
แต่เน้นข้อวัตรปฏิบัติ เป็นศาสนาแห่งการกระทำ
.........
#พระธรรมพัชรญาณมุนี
(พระอาจารย์ชยสาโร)
พระธรรมเทศนา ๑๘ กย. ๒๕๖๕
เรื่อง "โกหกใหญ่"






“เราฝึกหัดภาวนาสู้เจ็บสู้ปวดมาก็เพื่อรักษาใจตัวเองไม่ให้มันทุกข์กับกาย

คนภาวนามาก ๆ ไม่ใช่ไม่เจ็บไม่ปวด

แต่แค่ไม่สนใจกับมัน ไม่ให้ความสำคัญมัน …. อดเอาทนเอา

ให้พากันภาวนาอย่าไปรอให้มันเจ็บมันปวดมันพิการค่อยมาภาวนา”

ธรรมะคำสอน
#พระเทพมงคลวชิรมุนี
หลวงปู่หา สุภโร







"ภิกษุผู้ภาวนาว่า นกยางกินปลา"

" .. สมัยพุทธกาลมีภิกษุท่านหนึ่ง ภาวนาใกล้หนองปลา "ท่านเห็นนกยางกินปลา" เอามาพิจารณา "นกยางจ้องกินปลา เบียดเบียนปลา กินปลา" ท่านก็พิจารณาดูใจของท่าน "เอ .. ใจเรานี้คอยเบียดเบียนผู้อื่นอยู่ เหมือนนกยางคอยกินปลา"

ท่านก็สลดสังเวชว่า "สัตว์ทั้งหลายนี้เบียดเบียนกันอยู่ทั้งโลก" มนุษย์กับมนุษย์ก็เบียดเบียนกัน สัตว์ทั้งหลาย สัตว์ใหญ่กินสัตว์น้อย สัตว์น้อยกินสัตว์ใหญ่ มันเบียดเบียนกันอยู่ตลอด

จิตใจท่านก็สลดสังเวช "จนจิตใจสงบระงับตั้งมั่น เกิดปัญญาญาณขึ้นมาแล้ว" ละกิเลสราคะ โทสะ โมหะ พระองค์นั้น "ไม่ได้ภาวนาพุทโธ ภาวนาว่า นกยางกินปลา" นกหมายถึงสัตว์ทั้งหลายมันเบียดเบียนกันอย่างนี้ เกิดมาแล้วก็เบียดเบียนกัน .. "

"พุทธาจารปูชา หลวงปู่เล่าว่า" หน้า ๒๒๑
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร






คนเราในยามที่รักกันมาก ก็มักพากันไปทำบุญ
อธิษฐานขอให้ได้อยู่ร่วมคู่กัน ไปทุกภพ ทุกชาติ
ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว เป็นการอธิษฐานที่มิได้อยู่บนสัมมาทิฏฐิ เป็นการไม่ยอมรับความจริง ของความไม่เที่ยง
และไม่เป็นไปเพื่อการจางคลาย จากความยึดมั่นถือมั่น

สมัยก่อน ข้าพเจ้าเคยสงสัยหญิงสาวข้างบ้านคนหนึ่งว่าทำไมจึงต้องทนให้สามีขี้เหล้า ทำร้ายร่างกาย
อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทั้งๆ ที่สาวเจ้าคนนี้ ก็เป็นคนหารายได้อยู่เพียงคนเดียว แต่พอได้มาศึกษาธรรมะ จึงทำให้พอสันนิษฐานได้ว่า เหตุปัจจัยส่วนหนึ่ง คงมาจากการอธิษฐาน ขอให้ได้มาอยู่ร่วมชีวิตกันก็เป็นได้ ในเรื่องการอธิษฐานทำนองนี้ หลวงปู่ดู่ท่านสั่งห้าม ท่านว่ากาลเวลาผ่านไป แต่ละคนก็มีการสั่งสม หรือพัฒนาการต่างๆ กันไป เรียกว่า ธรรมไม่เสมอกัน มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง มาทำบุญกับหลวงปู่ เมื่อทำบุญเสร็จแล้ว ก็พากันตั้งจิตอธิษฐานอะไรอยู่ในใจ ขณะนั้น หลวงปู่ก็ทักขึ้นว่า.....

"สามีภรรยา ไม่ต้องอธิษฐานตามกัน เพราะจะดึงกัน
อีกคนไปได้ อีกคนไปไม่ได้ มันจะดึงกัน"

เรื่องนี้ จึงสอนให้ระมัดระวัง ไม่ให้ไปเที่ยวอธิษฐาน
ตามคนรัก หรือใครๆ เพราะวิบากกรรม อันเกิดจาก
การอธิษฐาน ที่ไม่ประกอบด้วยสัมมาทิฏฐิ ก็อาจกลับกลายเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรมในวันข้างหน้าได้ นี่แหละหนาที่ว่า ความรักทำให้คนตาบอด และ
แทนที่จะเป็นบุพเพสันนิวาส ก็อาจกลับกลายเป็น
บุพเพอาละวาด!!

ที่มาจาก หนังสือตามรอยธรรม ย้ำรอยครู
อมตะธรรม หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ






การต่อสู้กามกิเลส #เป็นสงครามอันยิ่งใหญ่

กามกิเลสนี้ร้ายนัก มันมาทุกทิศทุกทาง พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริง ก็ถอนได้.... กามนี้มันหมุนรอบโลก มันเป็นเจ้าโลก กามกิเลสนี้แหละ ที่ทำให้เกิดสงครามต่อสู้กัน เกิดก็เพราะกาม ตายก็เพราะกาม รักก็เพราะกาม ชังก็เพราะกาม

กามทุกอย่างนี้....เรียกว่ากามกิเลส การต่อสู้กามกิเลสเป็นสงครามอันยิ่งใหญ่ กามกิเลสนี้ร้ายนัก มันมาทุกทิศทุกทาง
#ความพอใจ....ก็คือกิเลส
#ความไม่พอใจ....ก็คือกิเลส

กามกิเลสนี้อุปมาเหมือนแม่น้ำ ธารน้ำน้อยใหญ่ไม่มีประมาณไหลลงสู่ทะเลไม่มีที่เต็มฉันใดก็ดี กามตัณหาที่ไม่พอดี ภวตัณหา วิภวตัณหา เป็นแหล่งก่อทุกข์ ก่อความเดือดร้อนไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งหมดอยู่ที่ใจ สุขก็อยู่ที่ใจ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ ใจนี่แหละคือตัวเหตุ ทำความพอใจให้อยู่ที่ใจนี่

หมั่นเพียรและตั้งสัจจะให้มั่น รักษาศีล รักษาตา รักษาหู รักษาตัว รักษาปาก สำรวมอินทรีย์ รักษาธาตุ 4 ขันธ์ 5 พิจารณาเข้าไป ตจปัญจกกรรมฐาน 5 กายคตากรรมฐานพิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงก็จะถอนได้

พวกหมู หมา เป็ด ไก่ มันก็เสพกามกันทั่วแผ่นดิน อย่าได้ไปอัศจรรย์ มีแต่ศีล สมาธิ ปัญญา ผู้ใดรักษาศีล ภาวนาเข้าจนเกิดสมาธิแล้ว สติก็ดิ่งเข้าไปแล้ว ก็จะได้ทำจิตทำใจของตนให้บริสุทธิ์ พระธรรมแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ ท่านชี้เข้าหาใจนี่แหละ ทำใจให้บริสุทธิ์ ให้มีสติสัมปชัญญะนำคืนออกให้หมด ถ้ามีสติแล้วก็นำความผิดออกจากกายจากใจของตน อย่าหลงสมมติทั้งหลาย มีรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อย่าเอามาหมักไว้ในใจ

กามตัณหาเปรียบเหมือนแม่น้ำไหลไปสู่ทะเล ไม่รู้จักเต็มสักที อันนี้ฉันใด ความอยากของตัณหามันไม่พอ ต้องทำความพอจึงจะดี เราจะต้องทำใจให้ผ่องใส ตั้งอยู่ในศีล ตั้งอยู่ในทาน ตั้งอยู่ในธรรม ตั้งอยู่ในสมาธิก็ดี ทุกอย่างเราทำความพอดี ความพอใจนำออกเสีย ความไม่พอใจก็นำออกเสีย เวลานี้เราจะพักจิต ทำกายของเราทำใจของเราให้รู้แจ้งในกายในใจของเรานี้ รู้ความเป็นมา วางให้หมด วางอารมณ์ วางอดีตอนาคตทั้งปวง ที่ใจนี่แหละ

เรื่องสังขารนี้ สังขารมันปรุง สังขารมันแต่ง มันเกิด มันแก่ มันเจ็บ มันดับ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา วางอยู่นี่แหละ อดีตอนาคตมันก็มานี่แหละ ตัดอดีตอนาคตลงหมด จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้ในปัจจุบัน ละในปัจจุบัน วางในปัจจุบัน ทำจิตทำใจของเราให้สว่าง ให้รู้แจ้งในมรรคในผล ในศีล สมาธิ ปัญญา เอาที่ใจนี้แหละ ให้มันสำเร็จขึ้นที่ใจ

เวลาปฏิบัติจริงกิเลสมันมาได้ทุกทิศทุกทาง ใจนี้มันสำคัญ เหตุมันเกิดจากใจนี้ ตั้งสัจจะ จริงกายจริงวาจาจริงใจ อย่าหลงไปตามเขา ตามอารมณ์ ละทิ้งความที่เกิดขึ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย สมบัติของเจ้าพ่อเจ้าแม่ทั้งหมดนี้ เป็นที่ตั้งของทาน เป็นที่ตั้งของมรรค เป็นที่ตั้งของพระนิพพาน จงละและวางให้เป็น"#พุทโธ " ละวางหมดก็เป็นสุข ปล่อยวางก็สบาย.

--------------------------------------------------------------------------
จากหนังสืออนุสรณ์หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร