วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2022, 06:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“ ไม่อุทิศ ก็ไม่ได้รับ”


ถาม : การอุทิศบุญนี้
ไม่จำเป็นต้องทำพิธีอะไร
อยู่ที่การตั้งจิตของเราส่งไปให้เขาเท่านั้น
ใช่ไหมครับ

พระอาจารย์ : พอทำบุญให้ทานแล้ว
ก็อุทิศไปในจิต อุทิศบุญส่วนนี้
ให้แก่ผู้นั้นผู้นี้ ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว
ถ้ากำลังรอรับส่วนบุญส่วนนี้อยู่
ก็ขอให้มารับไปได้เลย

“ ถ้าไม่อุทิศ..ถึงแม้จะรอรับอยู่ ก็รับไม่ได้ “.

จุลธรรมนำใจ ๒๐ กัณฑ์ที่ ๔๐๙
๑ มีนาคม ๒๕๕๓

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี





บางคนใช้ยาปฏิชีวนะรักษาอาการติดเชื้อแล้วหยุดยาทันทีที่ทุเลาลง พอใช้ยาไม่ครบขนาน ต้นตอของโรคจึงยังไม่ถูกขจัด ต่อมาไม่นาน อาการป่วยก็กำเริบขึ้นอีก คราวนี้ การรักษายากขึ้นกว่าเดิม เพราะเชื้อเริ่มดื้อยาแล้ว

ชาวพุทธจำนวนมากหันหน้าเข้าสู่ทางธรรม เวลาชีวิตมีปัญหาหนักหนาจนยากจะทานทน โดยทำบุญให้ทาน สวดมนต์ นั่งสมาธิ แต่ทันทีที่รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยก็เลิกทำ กิเลสที่เป็นต้นตอของทุกข์ยังไม่ถูกถอนออก และไม่นานนักก็สร้างทุกข์ระลอกใหม่ขึ้นมาอีก ทว่าคราวนี้ กิเลสได้พัฒนาแรงต้านต่อการปฏิบัติธรรม และชำระล้างได้ยากยิ่งกว่าเดิม

บางคนยิ่งเขลาไปกว่านั้น คือ หันหลังให้ธรรมะในเวลาที่จำเป็นต้องใช้ธรรมะมากที่สุด ถึงแม้บางคนจะเคยมีประสบการณ์ภาวนามาบ้าง แต่กลับเลิกปฏิบัติเมื่อชีวิตเกิดปัญหา โดยอ้างว่าจิตใจวุ่นวายกังวลเกินกว่าจะนั่งสมาธิ อย่างนี้ก็ไม่ต่างจากการพูดว่าเราป่วยเกินกว่าจะกินยา แล้วก็บอกตัวเองว่า ให้คลายทุกข์ลงสักหน่อยแล้วค่อยกินยา

หลวงพ่อชาสรุปถึงความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอได้อย่างดียิ่งว่า “ขยันก็ทำ ขี้เกียจก็ทำ”

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ






ทำไมเราพูดกับเขาไม่ค่อยรู้เรื่องกัน

เราไม่เข้าใจตัวเองเท่าที่ควร ไม่สำนึกในความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ ในใจตน ชอบคิดเข้าข้างตัวเอง ปล่อยให้ความอยากความไม่อยาก ความหวงห่วงอัตตาตัวตนของตนครอบงำบ่อยๆ เป็นเหตุให้เกิดปัญหาในการสื่อสารข้อที่ ๑

เราไม่เข้าใจเขา แต่เชื่อว่าเข้าใจ ทั้งๆ ที่ไม่รู้วาระจิตเขา เลยไม่สามารถสื่อสารกับเขา (ตัวจริง) เพราะมัวแต่สื่อสารกับตัวเขาในจินตนาการของเรา (เช่น พ่อแม่มีลูกอายุสามสิบยังมองเขาเป็นเด็ก) เป็นปัญหาในการสื่อสารข้อที่ ๒

เขาไม่เข้าใจเขาเท่าที่ควร ไม่สำนึกในความยึดมั่นถือมั่นต่างๆ ในใจตน ชอบคิดเข้าข้างตัวเอง ปล่อยให้ความอยากความไม่อยาก ความหวงห่วงอัตตาตัวตนของตนครอบงำบ่อยๆ เป็นเหตุให้เกิดปัญหาในการสื่อสารข้อที่ ๓

เขาไม่เข้าใจเรา แต่เชื่อว่าเข้าใจ ทั้งๆ ที่ไม่รู้วาระจิตเขา เลยไม่สามารถสื่อสารกับเขา (ตัวจริง) เพราะมัวแต่สื่อสารกับตัวเขาในจินตนาการของเรา (เช่น พ่อแม่มีลูกอายุสามสิบยังมองเขาเป็นเด็ก) เป็นปัญหาในการสื่อสารข้อที่ ๔

การสื่อสารที่ดีจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ เมื่อทั้งสองฝ่ายยอมรับในความไม่เข้าใจในด้านต่างๆ และเปลี่ยนการสนทนาจากการปะทะกันเพื่อเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นการช่วยกันทำความเข้าใจในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจกัน

พระอาจารย์ชยสาโร







#ทำไมโลกใบนี้มันจึงทุกข์อย่างนี้
#อย่าให้เกิด_ถ้ามีเกิดขึ้นมาก็ต้องเป็นทุกข์

หลวงพ่อมาอยู่กับหลวงปู่จามที่เป็นหลวงอา ท่านสอนเรื่องอดีตบ้าง ปัจจุบันบ้าง สอนการกล่าวบ้าง การพูดกับคนต้องพูดยังไง การที่จะให้ความคิดเห็น ให้ความคิดเห็นยังไง อย่างที่ท่านเคยพูดว่า นักวิทยาศาสตร์มาโต้วาทะกับท่าน ถามว่าน้ำมันเกิดขึ้นได้อย่างไร ท่านว่า ธรรมชาติของโลกเป็นอยู่อย่างนี้ อย่าไปหาคิด ถ้าคิดแล้วสมองแตก

เขาก็บอกว่า ไม่ใช่ท่าน เป็นเพราะใบไม้มันทับถม พอทับถมขึ้นมา มันอัดไปข้างล่างมันก็เป็นน้ำมัน

ท่านก็ว่า ไม่ใช่หรอก ที่อาตมาอยู่วัด เวลาปัดกวาดไปใบไม้อยู่ข้างขอบที่ปัดกวาด เห็นแต่ปลวกกินทุกปี ไม่เห็นมันจะทับถมลงไปในแผ่นดิน ปีไหนก็ปีเก่า มีแต่ปลวกกินหมด ไม่เห็นมันจะลงไปในแผ่นดินได้

มันเป็นธรรมชาติของโลก เห็นไหม ทำไมภูเขามีน้ำ เหมือนกับร่างกายของเรา ศีรษะของเรา เรายืนอยู่ ทำไมเลือดมันขึ้นไปบนศีรษะได้ นี่ก็เหมือนกัน ภูเขามันสูง ทำไมมีน้ำ กระเพาะปัสสาวะทำไมมีน้ำ หน้าท้องทำไมมีมัน โลกก็เหมือนกัน ที่หนึ่งก็มีน้ำมัน แต่ละที่ก็มีแต่ละแร่แต่ละธาตุ ธรรมชาติของโลกเป็นอยู่อย่างนี้ เราจะไปหาคิดมันไม่มีที่สิ้นสุดหรอก

เราอยู่กับหลวงปู่จาม ท่านให้แนวความคิดมากมายกับครูบาอินทร์

แต่มาอยู่กับหลวงตามหาบัว ท่านให้แนวความคิดทั้งคดีโลกคดีธรรม ทั้งศีล สมาธิ ปัญญา เรื่องกิเลส ราคะ โทสะ โมหะ สมถะ วิปัสสนา ท่านสอนจุดนี้อย่างมาก

นี่เล่ากล่าวให้ลูกหลานฟังที่หลวงพ่อได้ศึกษากับครูบาอาจารย์ แต่ละท่านแต่ละองค์ท่านสอนแนะนำอย่างไร ได้รับความรู้ความฉลาดมาอย่างไร

อย่างคุณแม่ชีแก้ว ท่านสอน หลวงพ่อบอกว่า ไม่อยากจะแก่นะคุณแม่ ท่านก็ว่า ไม่อยากจะแก่ก็ตายก่อนซะ ถ้าตายแล้วไม่แก่หรอก ถ้าไม่ตายยังไงก็ต้องแก่ จบจุดจบของมันนั่นแหละ

โลกนี้มันโลกหาได้ คุณแม่ท่านว่า หาดีก็ได้ หาชั่วก็ได้ หานรกให้ตนเองก็ได้ หาสวรรค์ก็ได้ หาความชั่ว หาดีใส่ตนเองก็ได้ หามรรคหาผลใส่ตนเองก็ได้ หามรรคผลนิพพานใส่ตนเองก็ได้ หาทุกข์ใส่ตนเองก็ได้ หาขี้เกียจขี้คร้านใส่ตนเองก็ได้ หาขยันใส่ตนเองก็ได้ หาสมาธิใส่ตนเองก็ได้ หาปัญญาใส่ตนเองก็ได้ มันหาได้ โลกนี้ สิ่งที่มันไม่ดีหาได้ทั้งนั้น สิ่งที่ดีหาได้ทั้งนั้น เราจะหาอะไร

เราเกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้พบพระพุทธเจ้า ได้พบพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ควรจะเลือกหาสิ่งที่ดี อันไหนมันดี ให้ฟังให้ศึกษาให้เข้าใจ และนำสิ่งที่ดีนั้นมาประพฤติปฏิบัติ เราเกิดมาทั้งทีชีวิตนี้ สิ่งที่มันดีรู้ไหม คิดดี ทำดี พูดดี รู้ไหม เอาสิ่งที่ดีเข้ามาให้เกิดประโยชน์

ทำไมโลกใบนี้มันจึงทุกข์อย่างนี้ เป็นอย่างนี้ขึ้นมา คนทุกข์คนยาก คนลำบากมากมายมหาศาล คนเกิดมาในโลกนี้ทำไมไม่เสมอกัน คุณแม่ชีแก้วท่านบอกว่า ตัวหั่งเกิด เกิดขึ้นมาก็ต้องเป็นอย่างนี้ล่ะ จะทำยังไงจึงจะไม่ให้เกิด บำเพ็ญศีล สมาธิ ปัญญา อย่าให้เกิด ถ้าไม่เกิดขึ้นมาก็หมดเรื่อง ถ้ามีเกิดขึ้นมาก็ต้องเป็นอย่างนี้ เกิดมากี่ภพกี่ชาติก็ต้องเป็นอย่างนี้ ถ้าเราไม่ตายก็ต้องเห็นสิ่งแปลก ๆ ต่างไปจากนี้อีกมากมาย ถ้าเราไม่ตายก็ต้องได้เห็น สิ่งแปลก ๆ ที่ยังไม่เคยเห็นก็ต้องได้เห็น สิ่งที่ไม่เคยรู้ก็ต้องได้รู้ สิ่งที่ไม่เคยได้ยินก็จะได้ยิน

ไม่ใช่แต่เพียงชาตินี้นะ ชาติต่อไปถ้าเกิดมาอีกก็ต้องเป็นอย่างนี้อีก นี่ล่ะ ตัวหั่งเกิด เกิดมาแล้วมันได้ทั้งดีทั้งเลว เราเกิดมาแล้วสิ่งพอใจก็มี สิ่งไม่พอใจก็มี แต่สิ่งไม่พอใจมันมากกว่า ช่วงที่ใจจะขาด ช่วงนั้นล่ะ ไม่พอใจอย่างมากเลย เอาเงินคำทรัพย์สมบัติ เอายศถาบรรดาศักดิ์ให้ขนาดไหนก็ไม่เอาทั้งนั้น จุดนั้นที่ว่าทุกข์มาก ที่ว่าไม่พอใจอย่างมาก

หลวงปู่บัว วัดป่าหนองแซงท่านก็เคยถามว่า จะไปที่ไหนล่ะ กระผมจะไปหาครูบาอาจารย์หลาย ๆ วัดเสียก่อนครับ เมื่อมั่นใจองค์ไหน ผมจะอยู่ศึกษากับครูบาอาจารย์องค์นั้นครับ

หลวงปู่ท่านว่า อย่าไปหาที่อื่นนะ มันไม่เจอหรอก หาใจตนเองล่ะ ดูที่ใจตัวเองนั่นล่ะ มันจะจบ ถ้าหาที่อื่นมันไม่จบไม่สิ้นหรอก หาที่ใจ มันคิดเรื่องอะไร มันปรุงฟุ้งเรื่องอะไร แต่ละวี่แต่ละวัน นั่นล่ะ จุดนั้นล่ะ ที่มันจะจบได้

นี่ก็เล่ากล่าวให้ลูกหลานฟัง เกี่ยวกับแนวความคิดของครูบาอาจารย์ที่หลวงพ่อได้ประสบการณ์มา ก็นำมาเล่ากล่าวให้ได้ฟังได้ศึกษา

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “พระมหาเถระสอนสามเณรอินทร์”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๔


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 37 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร