วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2022, 04:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"ถ้าปัจจุบัน เราสร้างเหตุไว้ดี อนาคต มันก็จะดีด้วย อดีต คือวันนี้ที่ผ่านไป มันย่อมดีด้วย และที่สำคัญที่สุด คือ ถ้าเราหมดทุกข์ได้ในปัจจุบันนี้แล้ว อนาคต คือ ชาติหน้า ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึง"

หลวงพ่อชา สุภัทโท







“ทุกๆ คน ควรรีบขวนขวาย
ซึ่งความงามความดี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

เป็นเด็กก็อย่าได้เกียจคร้านในการเรียนหนังสือ
จงตั้งจิตตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ให้มีความรู้
ความเฉลียวฉลาด ความสามารถ

เป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็จงตั้งตัวตั้งตนให้ดี ให้มีความขยัน
มีความประหยัด ให้คบแต่คนดี ให้รู้จักประมาณ
ในการใช้จ่าย

ถ้าเป็นผู้เฒ่าผู้แก่แล้ว ก็เตรียมตัวเพื่อคุณงามความดี
ให้ยิ่งๆ กว่าเด็กและคนหนุ่มทั้งหลาย”

ครูบาเจ้าพรหมา พรหมจักโก





"ความคิด เป็นเหตุแห่งความทุกข์
และความคิด ก็เป็นเหตุแห่งความสุขได้
พึงรอบคอบในการใช้ความคิด
คิดให้ดี คิดให้งาม คิดให้ถูก คิดให้ชอบ
แล้วชีวิตในชาตินี้ ก็จะงดงาม
สืบเนื่องไป ถึงชาติภพชาติใหม่ได้ด้วย"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ





1 .คนที่เกิดมามีแต่คนคอยช่วยเหลือ ถือว่าเป็นคนมีบุญ แต่คนที่เกิดมาแล้วได้ช่วยเหลือคนอื่นเป็นคนที่มีบุญมากกว่า”

2. ฝึกให้ตัวเองรู้ทันว่า อะไรๆ ก็ผ่านไปเสมอ ทั้งความสุขและความทุกข์ มันไม่ได้อยู่กับเราจนวันตาย

3. ไม่มีอะไร ที่เราสะสมแล้ว ไม่เป็นภาระ ยกเว้น ความดี

4. การดูว่าใครเป็นคนดีจริงหรือไม่ ดูได้ไม่ยาก ถ้าบุคคลใดมีลักษณะของคนเนรคุณ ไม่รู้บุญคุณของผู้มีพระคุณ และไม่พยายามสนองพระคุณแก่ผู้มีอุปการคุณเสียแล้ว ก็เป็นบรรทัดฐานบ่งบอกได้ชั้นหนึ่งว่า คนเช่นว่านั้นจะมีคุณธรรมชั้นสูงต่อยอดขึ้นไปไม่ได้เลย เพราะแม้แต่คุณธรรมพื้นฐานคือความกตัญญูกตเวที ก็ยังไม่มีรองรับไว้เป็นรากฐานของจิตใจตน

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อมฺพโร)







คนจะทำดี ให้ดีข้างในใจของเรานี่
เป็นความดีที่เก็บรักษาไว้
ใครไม่รู้ไม่เป็นไรนะ

แต่เรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่
ใครมาชื่นชมยกยอปอปั้นก็อย่าไปหลง
จนลอยไปกับคำเขา

ให้มีสติ สมาธิ ปัญญา คอย
กำกับไว้เพราะว่าคำยกยอบางคำ
ก็มีสิ่งแอบแฝงอยู่ในนั้น

ส่วนความดีที่เราทำไว้ต่างหาก
ที่จะยกระดับจิตใจของเราให้สูงขึ้นเอง
โดยไม่ต้องไปถามใคร

ก็เหมือนกับทางโลก
เราตั้งใจศึกษาเล่าเรียนไปเรื่อยๆ
เราก็เลื่อนวิทยะฐานะในที่สุดนั่นแหละ

กินลูกยอ พองาม ตามเหตุผล
ถ้าถอนต้น เสียหลัก หมดศักดิ์ศรี
กินลูกยอ แต่น้อย อร่อยดี
ยอเกินที่ ก็จะอาย ขายคนยอ

โอวาทธรรม ...
หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี






ทั้งยินดีทั้งยินร้าย เป็นของไม่เที่ยง
เป็นทุกข์เป็นอนัตตา
สิ่งที่เราหลง เราแค่หลงอารมณ์
เดี๋ยวมันเกิดแล้วก็ดับไป
สิ่งที่เกิดดับอย่างงั้น
เดี๋ยวมาตามเหตุปัจจัย
มันจะไม่ใช่ของจริงอยู่แล้ว
ไม่ใช่ที่พึ่งอยู่แล้ว
พูดง่ายๆ โดนอารมณ์หลอกถูกหลอก
ให้เข้าใจให้พิจารณาอย่างนี้

ถอดความจากพระธรรมเทศนา
พระอาจารย์สิริปัญโญ






บ้านหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

...นี่ฉันต้องการให้ลูกหลานไปเห็นบ้านฉัน บ้านของฉันที่จะไปอยู่ใหม่มันสวยจริง ๆ ฉันจะพูดให้ฟังนะ มันสวยจริง ๆ มีกำแพงรอบ ๆ ๔ ด้าน เป็นแก้วผสมกับทองแพรวพรายประกอบ มีพื้นสีทองประดับแก้วทั้งหมด แล้วมีซุ้มประตู พื้นที่เดินเข้าไปก็เป็นทองผสมแก้ว อาคาร ๓ หลัง เป็นแก้วแพรวพรายสวยบอกไม่ถูก ข้างในมีแท่น ข้างหน้ามีหอระฆัง พูดถึงความสวยแล้วลูกหลานเอ๋ยบอกไม่ถูก ด้านทิศตะวันออกมีสระโบกขรณี มีแท่นแก้ว มีต้นไม้แก้ว น้ำก็แลดูแพรวพรายคล้ายกับน้ำเพชร มันสวยจริง ๆ

ในสถานที่นั้นมีความสุขบอกไม่ถูก พอขึ้นไปแล้วมีแต่ความเยือกเย็น มีแต่ความโปร่ง นี่บ้านของฉันนะ ที่นั่นมีความอุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง ๆ เกิดขึ้นตามความปรารถนาของใจ และบางครั้งความปรารถนาของใจยัง ไม่ปรากฏ แต่สิ่งนั้นจำจะต้องมี ก็มีขึ้นมาก่อนทันที

ไม่เหมือนเมืองเทวดา เมืองเทวดาหรือเมืองพรหมนี่ เวลาจะต้องการ เขาต้องคิดเสียก่อน ที่เรียกว่า เนรมิต คิดว่าสิ่งนั้นจงมี สิ่งนี้จงมี แต่ก็เป็นไปตามวาสนาบารมี นี่หมายความว่า วาสนาบารมีมีแค่ไหนคิดเอาได้แค่นั้น แค่ทุนนั่นเอง ถ้าทุนมากก็หาได้มาก ทุนน้อยก็หาได้น้อย

ทีนี้บ้านฉันไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ไม่ต้องคิดหรอก บางครั้งพอฉันเดินไป พอคิดว่าจะนั่งตรงนี้ แท่นมันก็มารองตูดทันที ไม่ทันจะคิดหาแท่น บางทีเดิน ๆ ไปกลางบริเวณคิดว่าตรงนั้นมันเย็นดี ฉันคิดว่าฉันอยากนอนตรงนี้ ก็พอดีที่นอนมันมารองรับทันที ที่นั้นมันมีความสุขความสบายทุกอย่างลูกหลาน

โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
(คัดลอกจาก หนังสือ ประวัติหลวงพ่อปาน
หน้า ๑๑๐-๑๑๑







กิเลสกับธรรมวิ่งแข่งกัน
ใครจะวิ่งเร็วกว่า
ถ้าธรรมเร็วกว่า ใจจะนิ่ง
ถ้ากิเลสเร็วกว่า ใจจะสั่น

พระพุทธเจ้าบอกว่าจิตใจ
ของคนเราร้อนเพราะรูป
ร้อนเพราะเสียง
ร้อนเพราะกลิ่น
ร้อนเพราะรส
ร้อนเพราะเครื่องสัมผัส
เมื่อเกิดความอยากขึ้นมา
มันทำให้เกิดความร้อนขึ้นมา
ก็อยู่ไม่เป็นสุขนั่นเอง

คติธรรม : พระจุลนายก
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต







จิตที่ประกอบด้วยเมตตา
ทำให้คนนั้นเป็นสุข
มากกว่าจิตที่เห็นแก่ตัว

#พุทธทาสภิกขุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 42 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร