วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 20:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.พ. 2023, 05:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"...เดินมากก็มีรอยมาก เดินน้อยก็มีรอยน้อย
หากไม่เดินเลยก็ไม่มีรอยเลย คบคนมาก
ก็มีเพื่อนมาก คบคนน้อยก็มีเพื่อนน้อย
ไม่คบคนเลยก็ไม่มีเพื่อนเลย
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ก็เหมือนกัน
เราว่ากันว่าต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้
ต้องอย่างโน้น ปรุงไปมากมายหลายอย่าง
มันจึงมีอะไรๆ ขึ้นมาได้ หากเราไม่เกี่ยวพัน
กับสิ่งต่างๆ ทั้งหมด แล้วจะมีอะไรได้ที่ไหน..."

#ที่มา หนังสือ บูรพาจารย์ เล่ม ๑๖ หน้า ๖๐๖
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)






สิ่งใดมีความเกิดขึ้นแล้ว
สิ่งนั้นย่อมมีการแตกดับเป็นธรรมดา
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้มันมีการเกิดขึ้นนะ
เมื่อมีการเกิดขึ้นแล้ว มันก็แตกดับ
ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วไม่แตกไม่ดับ
ไม่มีการแปรผันเลยอย่างนี้
มันก็ไม่จำเป็นต้องมีศาสนา
ไม่ต้องมีพระพุทธเจ้ามาสอนคนให้ลำบากเลย
การที่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาเพื่อสอนโลกนี้
ก็เพราะว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่จีรังยั่งยืนนะ
ดวงจิตนี้มันมาหลงอยู่กับของไม่เที่ยงนี่ละ

#คติธรรม
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ






"สังขารความเสื่อมเป็นอย่างไร เปรียบให้ฟังเหมือนก้อนน้ำแข็ง แต่ก่อนมันเป็นน้ำ เขาเอามาทำให้เป็นก้อน แต่มันอยู่ไม่กี่วันหรอก มันก็เสื่อมไป เอาก้อนน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ ไปวางไว้กลางแจ้งจะดูความเสื่อมของก้อนน้ำแข็ง ก็เหมือนสังขารนี้ มันจะเสื่อมทีละน้อยทีละน้อย ไม่กี่นาที ไม่กี่ชั่วโมง ก้อนน้ำแข็งก็หมดไป ละลายกลายเป็นน้ำไป นี่เรียกว่าเป็น ขัยยะวัยยัง ความสิ้นไปความเสื่อมไปแห่งสังขารทั้งหลาย เป็นมานานแล้ว ตั้งแต่มีโลกขึ้นมา เราเกิดมาเราเก็บเอาสิ่งเหล่านี้มาด้วย ไม่ใช่ว่าเราทิ้งไปไหน พอเกิด เราเก็บเอาความเจ็บ ความแก่ ความตาย มาพร้อมกัน..."


จากหนังสือ : อุปลมณี หน้า ๕๗๖
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท)
วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี
(พ.ศ.๒๔๖๑ - ๒๕๓๕)






…ทรงสอนให้เราเห็นว่า
ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่จิตไปยึดไปติดอยู่
เช่น ร่างกายของเรา
หรือเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
“ ล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาทั้งสิ้น “

.คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ถ้าไปยึดไปติด
ไม่มีตัวไม่มีตน นี่เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้า
ทรงสอนให้ผู้ที่มีสมาธิแล้ว ให้เจริญปัญญา
ต่อไป

.ให้พิจารณาขันธ์ทั้ง ๕ นี้
คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
“ ว่าเป็นไตรลักษณ์ “
เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ให้ปล่อยวาง อย่าไปยึดอย่าไปติด .
…………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
กำลังใจ ๑๒ กัณฑ์ที่ ๑๘๔
๑ ธันวาคม ๒๕๔๖







"..คนตายตายไปแล้ว เราอยู่ก็ตาย มันจะกลัวตายไปทำไม ความตายมาถึงละหวั่นไหว พระพุทธเจ้าบอกไม่ให้หวั่นไหว ได้ความสรรเสริญก็ดีใจ แต่มันไม่เที่ยง ความนินทาติเตียนก็มีในโลกนี้มีแต่มันไม่เที่ยง ลาภเกิดขึ้นก็มีในโลก แต่มันก็เสื่อมไป ความสรรเสริญเกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป ความสุขเกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป ความนินทาเกิดขึ้นก็เสื่อมไป สิ่งไหนล่ะจะเอามาเป็นสาระแก่นสาร เราจะไปยึดไปถือทำไม ปล่อยวางให้หมด ทำจิตให้เป็นอารมณ์เดียว ให้เป็นพุทโธ ๆ พุทโธคือผู้รู้ ให้ใจเราเบิกบาน อย่าให้ใจเราเศร้าหมอง ครั้นใจเราเศร้าหมอง ต้องชำระสะสางให้ใจเราเบิกบานอย่าให้ขุ่นมัว ให้ดูใจของตนนี่ เราจะได้บุญที่สุดก็เพราะจิตสงบวิเวก.."

อนาลโยวาท
หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
(พ.ศ. ๒๔๓๑ -๒๕๒๖)






"... ถึงจะรู้ว่าไฟ ไม่ไปจับมัน.. ก็
ไม่ร้อน ถ้าไม่รู้มันก็จับอยู่อย่างนั้น
ถ้ารู้ธรรม.. เห็นธรรม.. มันก็หายโง่
พ้นทุกข์พอแล้ว

หายใจเข้า หายใจออกก็ธรรมดา
ได้ยินก็ธรรมดา ได้เห็นก็ธรรมดา
รู้สึกนึกคิดก็ธรรมดา ธรรมดาทั้งนั้น
เป็นวิญญาณที่เกิดขึ้นทุกขณะ

พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้โลกุตรธรรม
เห็นก็ได้แต่เห็น วางไปไม่ยึดถือ
ดับความยึด จึงจะไปรอดด้วยสติ
ตัวสติแท้ๆ เป็นโลกุตรธรรม เป็น..
ธรรมพ้นโลก ..."

#โอวาทธรรมคำสอน
#องค์หลวงปู่บุญฤทธิ์_ปัณฑิโต






ทุกวันนี้หาคนผู้จะมาบวช เพื่อศึกษาและปฏิบัติจริงๆ หายาก ส่วนมากกะมีแต่บวช เป็นอาชีพหรืออาชีพนักบวช บวชหาซอง บวชขายรูป ขายเหรียญ บวชเรียนหนังสือสึกไปเอาเมียก็มี

เหตุที่ศาสนาเสื่อมก็มาจากพุทธบริษัท 4 ถ้าเคารพในพระธรรมคำสั่งพระพุทธเจ้า ไม่มีวันเสื่อม ผู้บวชก็ตั้งใจรักษาศีล ภาวนา ปฏิบัติตามพระธรรมพระวินัย ญาติโยมก็เกิดความเลื่อมใส ต่างก็อุปถัมภ์กัน แต่ถ้าบวชหวังผลประโยชน์ หวังเงินหวังทอง ญาติโยมก็จะเกิดความเบื่อหน่าย เขาจะว่าเป็นพระมักขอ ความเสื่อมศรัทธาต่อศาสนาก็จะมี

แต่ถ้ามุ่งหวังขอเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ขอเพื่อการกุศลให้สังคม ไม่ได้เป็นผลประโยชน์ส่วนตัว อันนี้คงจะไม่ใช่พระมักขอ เพราะหวังให้ประโยชน์แก่ชาวบ้านชาวเมือง ไม่ได้เข้าประโยชน์ส่วนตน แต่ถ้าหากขอเพื่อประโยชน์ส่วนตน อย่างขอเงินโยมซื้อโทรศัพท์ ขอเงินโยมติดแอร์ในกุฏิ อันนี้ไม่ควร ถ้าโยมเขามีศรัทธาเขาเห็นสมควรเขาจะพิจารณาของเขาเอง...ไม่ควรขอ

ธรรมะหลวงปู่ชนะ อุตตมลาโภ






มรรคสามัคคี

“ … มีพระสูตรหนึ่งที่
พระพุทธเจ้าได้กล่าวว่า
อริยมรรค ๘ จะก้าวหน้า
หรือบรรลุถึงเป้าหมายได้นั้น
เพราะ สัมมาทิฏฐิต้องออกมาก่อน

แล้วสัมมาทิฏฐิหนุนด้วย
สัมมาวายามะกับสัมมาสติ
สามอย่างนี้ได้ช่วยหนุนไว้
เพื่อสัมมาสังกัปปะจะได้เกิดขึ้น
เพื่อสัมมาวาจาจะได้เกิดขึ้น
เพื่อสัมมากัมมันตะจะได้เกิดขึ้น
มันก็อิงอาศัยสัมมาทิฏฐิ
สัมมาวายามะ สัมมาสติ
เป็นเรื่องที่น่าคิด …”

พระราชโพธิวิเทศ (หลวงพ่อปสันโน)
ณ บ้านบุญ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๒






...การฝึกตัวรู้อยู่ในปัจจุบันเราจึงต้องช่างสังเกต เช่น อุปสรรคที่มักจะเกิดขึ้นได้ง่ายก็คือความง่วงเหงาหาวนอน เราจึงต้องสังเกตว่า ก่อนที่จะง่วงหรือก่อนที่จิตจะเบลอๆ มัวๆ มันต้องมีอาการบางอย่าง อาการทางกาย อาการทางจิต มันจะเป็นเครื่องบอกอยู่ในตัวว่า สติกำลังอ่อน ตัวรู้กำลังจะหายแล้ว

เป้าหมายในการภาวนาในแต่ละครั้งคือการบำรุงตัวรู้ ไม่ใช่ว่าการใช้เทคนิคใดเทคนิคหนึ่งเพื่อจะให้สงบ และมองความสงบเป็นรางวัล เพราะถ้าคิดอย่างนั้นมองอย่างนั้น ถ้าจิตไม่สงบก็จะท้อแท้ใจหรือเบื่อ

สิ่งที่เราต้องการคือการฝึกจิตให้รู้อยู่ในปัจจุบันต่อเนื่อง ครูบา-อาจารย์จึงสอนเราว่า “สงบก็รู้ว่าสงบ ไม่สงบก็รู้ว่าไม่สงบ” สำคัญที่ตัวรู้ เพราะฉะนั้นดูแล ปกป้อง รักษา ตัวรู้ อย่าให้นิวรณ์เข้ามาครอบงำ ทำอย่างไรจิตใจของเราจะได้รู้ตัว จะได้เบิกบานอยู่ในปัจจุบัน...

พระอาจารย์ชยสาโร
นำสมาธิภาวนา ในวาระปฏิบัติธรรมออนไลน์ ครั้งที่ ๑
วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๕ ณ ภาวนาราม วัฒนา กรุงเทพมหานคร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 59 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร