ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
การฝึกจิต http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=63154 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 06 ก.พ. 2023, 05:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | การฝึกจิต |
"...เดินมากก็มีรอยมาก เดินน้อยก็มีรอยน้อย หากไม่เดินเลยก็ไม่มีรอยเลย คบคนมาก ก็มีเพื่อนมาก คบคนน้อยก็มีเพื่อนน้อย ไม่คบคนเลยก็ไม่มีเพื่อนเลย ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ก็เหมือนกัน เราว่ากันว่าต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ ต้องอย่างโน้น ปรุงไปมากมายหลายอย่าง มันจึงมีอะไรๆ ขึ้นมาได้ หากเราไม่เกี่ยวพัน กับสิ่งต่างๆ ทั้งหมด แล้วจะมีอะไรได้ที่ไหน..." #ที่มา หนังสือ บูรพาจารย์ เล่ม ๑๖ หน้า ๖๐๖ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) สิ่งใดมีความเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นย่อมมีการแตกดับเป็นธรรมดา ทุกสิ่งทุกอย่างนี้มันมีการเกิดขึ้นนะ เมื่อมีการเกิดขึ้นแล้ว มันก็แตกดับ ถ้ามันเกิดขึ้นแล้วไม่แตกไม่ดับ ไม่มีการแปรผันเลยอย่างนี้ มันก็ไม่จำเป็นต้องมีศาสนา ไม่ต้องมีพระพุทธเจ้ามาสอนคนให้ลำบากเลย การที่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาเพื่อสอนโลกนี้ ก็เพราะว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่จีรังยั่งยืนนะ ดวงจิตนี้มันมาหลงอยู่กับของไม่เที่ยงนี่ละ #คติธรรม หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ "สังขารความเสื่อมเป็นอย่างไร เปรียบให้ฟังเหมือนก้อนน้ำแข็ง แต่ก่อนมันเป็นน้ำ เขาเอามาทำให้เป็นก้อน แต่มันอยู่ไม่กี่วันหรอก มันก็เสื่อมไป เอาก้อนน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ ไปวางไว้กลางแจ้งจะดูความเสื่อมของก้อนน้ำแข็ง ก็เหมือนสังขารนี้ มันจะเสื่อมทีละน้อยทีละน้อย ไม่กี่นาที ไม่กี่ชั่วโมง ก้อนน้ำแข็งก็หมดไป ละลายกลายเป็นน้ำไป นี่เรียกว่าเป็น ขัยยะวัยยัง ความสิ้นไปความเสื่อมไปแห่งสังขารทั้งหลาย เป็นมานานแล้ว ตั้งแต่มีโลกขึ้นมา เราเกิดมาเราเก็บเอาสิ่งเหล่านี้มาด้วย ไม่ใช่ว่าเราทิ้งไปไหน พอเกิด เราเก็บเอาความเจ็บ ความแก่ ความตาย มาพร้อมกัน..." จากหนังสือ : อุปลมณี หน้า ๕๗๖ พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท) วัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี (พ.ศ.๒๔๖๑ - ๒๕๓๕) …ทรงสอนให้เราเห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่จิตไปยึดไปติดอยู่ เช่น ร่างกายของเรา หรือเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ “ ล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาทั้งสิ้น “ .คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ถ้าไปยึดไปติด ไม่มีตัวไม่มีตน นี่เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้า ทรงสอนให้ผู้ที่มีสมาธิแล้ว ให้เจริญปัญญา ต่อไป .ให้พิจารณาขันธ์ทั้ง ๕ นี้ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ “ ว่าเป็นไตรลักษณ์ “ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้ปล่อยวาง อย่าไปยึดอย่าไปติด . ………………………………………… พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี กำลังใจ ๑๒ กัณฑ์ที่ ๑๘๔ ๑ ธันวาคม ๒๕๔๖ "..คนตายตายไปแล้ว เราอยู่ก็ตาย มันจะกลัวตายไปทำไม ความตายมาถึงละหวั่นไหว พระพุทธเจ้าบอกไม่ให้หวั่นไหว ได้ความสรรเสริญก็ดีใจ แต่มันไม่เที่ยง ความนินทาติเตียนก็มีในโลกนี้มีแต่มันไม่เที่ยง ลาภเกิดขึ้นก็มีในโลก แต่มันก็เสื่อมไป ความสรรเสริญเกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป ความสุขเกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมไป ความนินทาเกิดขึ้นก็เสื่อมไป สิ่งไหนล่ะจะเอามาเป็นสาระแก่นสาร เราจะไปยึดไปถือทำไม ปล่อยวางให้หมด ทำจิตให้เป็นอารมณ์เดียว ให้เป็นพุทโธ ๆ พุทโธคือผู้รู้ ให้ใจเราเบิกบาน อย่าให้ใจเราเศร้าหมอง ครั้นใจเราเศร้าหมอง ต้องชำระสะสางให้ใจเราเบิกบานอย่าให้ขุ่นมัว ให้ดูใจของตนนี่ เราจะได้บุญที่สุดก็เพราะจิตสงบวิเวก.." อนาลโยวาท หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู (พ.ศ. ๒๔๓๑ -๒๕๒๖) "... ถึงจะรู้ว่าไฟ ไม่ไปจับมัน.. ก็ ไม่ร้อน ถ้าไม่รู้มันก็จับอยู่อย่างนั้น ถ้ารู้ธรรม.. เห็นธรรม.. มันก็หายโง่ พ้นทุกข์พอแล้ว หายใจเข้า หายใจออกก็ธรรมดา ได้ยินก็ธรรมดา ได้เห็นก็ธรรมดา รู้สึกนึกคิดก็ธรรมดา ธรรมดาทั้งนั้น เป็นวิญญาณที่เกิดขึ้นทุกขณะ พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้โลกุตรธรรม เห็นก็ได้แต่เห็น วางไปไม่ยึดถือ ดับความยึด จึงจะไปรอดด้วยสติ ตัวสติแท้ๆ เป็นโลกุตรธรรม เป็น.. ธรรมพ้นโลก ..." #โอวาทธรรมคำสอน #องค์หลวงปู่บุญฤทธิ์_ปัณฑิโต ทุกวันนี้หาคนผู้จะมาบวช เพื่อศึกษาและปฏิบัติจริงๆ หายาก ส่วนมากกะมีแต่บวช เป็นอาชีพหรืออาชีพนักบวช บวชหาซอง บวชขายรูป ขายเหรียญ บวชเรียนหนังสือสึกไปเอาเมียก็มี เหตุที่ศาสนาเสื่อมก็มาจากพุทธบริษัท 4 ถ้าเคารพในพระธรรมคำสั่งพระพุทธเจ้า ไม่มีวันเสื่อม ผู้บวชก็ตั้งใจรักษาศีล ภาวนา ปฏิบัติตามพระธรรมพระวินัย ญาติโยมก็เกิดความเลื่อมใส ต่างก็อุปถัมภ์กัน แต่ถ้าบวชหวังผลประโยชน์ หวังเงินหวังทอง ญาติโยมก็จะเกิดความเบื่อหน่าย เขาจะว่าเป็นพระมักขอ ความเสื่อมศรัทธาต่อศาสนาก็จะมี แต่ถ้ามุ่งหวังขอเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ขอเพื่อการกุศลให้สังคม ไม่ได้เป็นผลประโยชน์ส่วนตัว อันนี้คงจะไม่ใช่พระมักขอ เพราะหวังให้ประโยชน์แก่ชาวบ้านชาวเมือง ไม่ได้เข้าประโยชน์ส่วนตน แต่ถ้าหากขอเพื่อประโยชน์ส่วนตน อย่างขอเงินโยมซื้อโทรศัพท์ ขอเงินโยมติดแอร์ในกุฏิ อันนี้ไม่ควร ถ้าโยมเขามีศรัทธาเขาเห็นสมควรเขาจะพิจารณาของเขาเอง...ไม่ควรขอ ธรรมะหลวงปู่ชนะ อุตตมลาโภ มรรคสามัคคี “ … มีพระสูตรหนึ่งที่ พระพุทธเจ้าได้กล่าวว่า อริยมรรค ๘ จะก้าวหน้า หรือบรรลุถึงเป้าหมายได้นั้น เพราะ สัมมาทิฏฐิต้องออกมาก่อน แล้วสัมมาทิฏฐิหนุนด้วย สัมมาวายามะกับสัมมาสติ สามอย่างนี้ได้ช่วยหนุนไว้ เพื่อสัมมาสังกัปปะจะได้เกิดขึ้น เพื่อสัมมาวาจาจะได้เกิดขึ้น เพื่อสัมมากัมมันตะจะได้เกิดขึ้น มันก็อิงอาศัยสัมมาทิฏฐิ สัมมาวายามะ สัมมาสติ เป็นเรื่องที่น่าคิด …” พระราชโพธิวิเทศ (หลวงพ่อปสันโน) ณ บ้านบุญ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๒ ...การฝึกตัวรู้อยู่ในปัจจุบันเราจึงต้องช่างสังเกต เช่น อุปสรรคที่มักจะเกิดขึ้นได้ง่ายก็คือความง่วงเหงาหาวนอน เราจึงต้องสังเกตว่า ก่อนที่จะง่วงหรือก่อนที่จิตจะเบลอๆ มัวๆ มันต้องมีอาการบางอย่าง อาการทางกาย อาการทางจิต มันจะเป็นเครื่องบอกอยู่ในตัวว่า สติกำลังอ่อน ตัวรู้กำลังจะหายแล้ว เป้าหมายในการภาวนาในแต่ละครั้งคือการบำรุงตัวรู้ ไม่ใช่ว่าการใช้เทคนิคใดเทคนิคหนึ่งเพื่อจะให้สงบ และมองความสงบเป็นรางวัล เพราะถ้าคิดอย่างนั้นมองอย่างนั้น ถ้าจิตไม่สงบก็จะท้อแท้ใจหรือเบื่อ สิ่งที่เราต้องการคือการฝึกจิตให้รู้อยู่ในปัจจุบันต่อเนื่อง ครูบา-อาจารย์จึงสอนเราว่า “สงบก็รู้ว่าสงบ ไม่สงบก็รู้ว่าไม่สงบ” สำคัญที่ตัวรู้ เพราะฉะนั้นดูแล ปกป้อง รักษา ตัวรู้ อย่าให้นิวรณ์เข้ามาครอบงำ ทำอย่างไรจิตใจของเราจะได้รู้ตัว จะได้เบิกบานอยู่ในปัจจุบัน... พระอาจารย์ชยสาโร นำสมาธิภาวนา ในวาระปฏิบัติธรรมออนไลน์ ครั้งที่ ๑ วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๕ ณ ภาวนาราม วัฒนา กรุงเทพมหานคร |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |