วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 18:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2023, 04:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ความรักไม่ได้มีไว้ดับทุกข์

บางครั้ง คนแสวงหาความรักเพื่อดับทุกข์อย่างตาบอด คือว่ารู้ว่าตัวเองเป็นทุกข์ แล้วเชื่อว่าความรักจะดับความทุกข์ของตนได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าจะมีปัญหา เพราะความทุกข์ไม่เคยดับไปด้วยความรัก ความทุกข์ดับไปด้วยการดับอวิชชา ทุกข์ดับเพราะอวิชชาดับ เพราะตัณหาดับ ไม่ใช่เพราะความรัก ถ้าเราหวังความดับทุกข์จากความรักนั้นคือการตั้งต้นไว้ผิด และจะต้องผิดหวัง

มีละคร หนังสือ เพลง หลายสิ่งหลายอย่างที่จะชวนให้เราเข้าใจว่าความรักดับทุกข์ได้ แต่ชีวิตของเราแต่ละคนฟ้องขึ้นมาว่า ไม่ใช่!

พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ






ไปทำอะไร ไปพูดอะไรปั๊บ ...โน่น!!! ไปโผล่ที่สมุดบัญชียมโลกนู่น.. อัตโนมัติเลย โกหกไม่ได้ด้วย บันทึกไว้แล้ว...!

#หลวงปู่เจม_จิรธมฺโม
สำนักสงฆ์เขาพนมปลายบัด จ.บุรีรัมย์






"..คนเกิดบ่ทันพระพุทธเจ้ากะบอกว่า อยากเกิดทันเป็นสาวกเพิ่น
คนเกิดบ่ทันอาจารย์ใหญ่มั่นกะบอกว่า อยากเกิดทันเป็นลูกศิษย์เพิ่น

กิเลสมันพาว่า กิเลสมันพาให้เฮาท้อแท้ในการปฏิบัติ เกิดบ่ทันพระพุทธเจ้ากะให้ปฏิบัติในศีลธรรมคำสอนของเพิ่น ,เกิดบ่ทันอาจารย์ใหญ่มั่นกะให้พากันปฏิบัติ ตามคำสอนของเพิ่น กะถือว่าเป็นลูกศิษย์ของเพิ่นคือกัน.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน อ.วังสะพุง จ.เลย
(พ.ศ. ๒๔๔๔ - ๒๕๓๘)






บรรลุธรรมจริงๆแล้วไม่นาน

ที่นานๆ เพราะหา
"ประตูใจ" ไม่เจอ

สุขตรงนี้ เป็นบรมสุข
สุขที่จิตเห็น "จิตตนเอง"
เป็นความสุข ที่ปราศ
จากการปรุงแต่ง
ไม่มีอะไรปรุงแต่ง
ให้สุขได้

เพราะจิต...เข้าไปสู่ความว่าง
โอวาทธรรม :
หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล
วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร
จ.สุรินทร์






"รัก ก็รักกันเถอะ
แต่อย่าลืมความไม่แน่นอน"

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ






พระพุทธองค์เคยตรัสคำอวยพรที่มีความหมายมากประโยคหนึ่งว่า
.
“ขอให้เราใช้ชีวิตอย่างสม่ำเสมอ บนเส้นทางที่ไม่สม่ำเสมอ”
.
คือ คนเราต้องการชีวิตที่ราบรื่นสม่ำเสมอ เมื่อชีวิตไม่ราบรื่นก็มักจะท้อแท้ซึมเศร้าหมดกำลังใจ แต่ไม่ว่าชีวิตใครๆ ก็ไม่เคยราบรื่นถึงขนาดนั้น. แม้แต่พระซึ่งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความสงบ ก็ใช่ว่าชีวิตท่านจะราบรื่นเสียทีเดียว
.
พระพุทธองค์จึงทรงให้พร…
ขอให้เราใช้ชีวิตอย่างสม่ำเสมอบนเส้นทางที่ไม่สม่ำเสมอ สิ่งที่เราเจอในชีวิตมีทั้งขึ้นทั้งลง มีโลกธรรม มีสรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทุกข์ มีได้ มีเสีย เป็นต้น
เรื่องนี้เราแก้ไม่ได้ มันเป็นเรื่องของโลก…
แต่เราสามารถรักษาจิตใจของเราให้สม่ำเสมอ ได้ด้วยการรู้เท่าทัน

พระอาจารย์ชยสาโร







"... ใดใดในโลก.. ล้วน อนิจจัง
... ใดใดในโลก.. ล้วน ทุกขัง
... ใดใดในโลก.. ล้วน อนัตตา
... อย่าสำคัญเลยนา.. ทั้งอดีต
... อนาคต ปัจจุบัน ...“

#หลวงปู่หล้า_เขมปัตโต
วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) ต.หนองสูงใต้
อ.คําชะอี จ.มุกดาหาร





“ทุกครั้งที่มีความรัก
ควรเผื่อใจไว้สำหรับการอกหัก
ที่อาจจะเกิดขึ้นได้เสมอ

ทุกคนที่มีความรัก
ควรภาวนาคาถากันน้ำตาไหลที่ว่า

ไม่แน่ ไม่ได้ดั่งใจ ไม่มีอะไรสมบูรณ์
เอาไว้เสมอ"

ท่าน ว.วชิรเมธี







"...ถ้าอย่างสมมติว่าการเจริญวิปัสสนา เราต้อง
พิจารณาเบญจขันธ์ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
เมื่อเราพิจารณาไป จิตมันสงบ จิตมีพลังทางสมาธิ
สมาธิมั่นคง สติเข้มแข็ง มันจะทำให้จิตคิดมากขึ้นๆๆ
แต่อารมณ์เก่าที่เราตั้งใจพิจารณาอยู่มันจะทิ้งหมด
มันจะไปสร้างความคิดใหม่ขึ้นมา
อันนี้คือลักษณะของจิตที่เป็นสมาธิตามธรรมชาติ

เราเอาปัจจุบันเป็นหลัก แม้แต่ความเสื่อมความเจริญ
ของสมาธิ หลวงปู่มหาบัวท่านก็ให้นัยไว้แล้ว
ท่านบอกว่า ความเสื่อมความเจริญของสมาธิ มันก็
เป็นแต่เพียงอารมณ์จิต เมื่อก่อนเรามาดีใจเสียใจอยู่
กับความเสื่อมความเจริญของสมาธิ มันก็ได้อยู่แค่นั้น
มาภายหลังตัดปัญหา มันจะเสื่อมจะเจริญช่างมัน
เราจะเอาสติตัวเดียว พอมากำหนดเอาสติตัวเดียว
มันก็ดำเนินไปด้วยดี ท่านว่าอย่างนั้น

ความนึกความคิดของจิตไม่ใช่ปัญหาที่จะทำให้จิตมัว
หมอง มันเป็นการบริหารจิต ทำให้จิตมีสติสัมปชัญญะ
เข้มแข็ง ถ้าจิตไปกำหนดรู้ความคิด อันนี้คือธรรมา
นุปัสสนาสติปัฏฐาน จิตมันพิจารณาธรรมเองโดย
อัตโนมัติ

แต่ถ้ามันไปนิ่งรู้อยู่ในจิตอย่างเดียว ไม่มีอาการไหว
ติง อันนี้เป็นจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน และพร้อมๆ
กันนั้น ถ้าหากว่ากายกับจิตยังสัมพันธ์กันอยู่ สุข ทุกข์
มันเป็นสิ่งที่เกิดที่กาย จิตเขาก็ต้องรู้เอง แต่ถ้าหาก
ช่วงใดที่จิตมันถีบตัวออกจากร่างกายแล้วไม่เกี่ยว
ข้องกับร่างกาย ตอนนั้นสุข ทุกข์ มันไม่มี แม้อาการ
แห่งความคิดอย่างสามัญธรรมดาก็ไม่มี แต่ในช่วงนั้น
มันอาจสามารถรู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ แต่มันคิดไม่
เป็น รู้แล้วมันก็บันทึกข้อมูลไว้พร้อมหมด พอมันย้อน
กลับมาสัมพันธ์กับกายอีกทีหนึ่ง มันจึงจะเกิดปัญญา
คิดค้นพิจารณาของมันไปเอง การพิจารณาของมันก็
คือความคิดนั่นเอง..."

#ที่มา หนังสือ ฐานิยปูชา ๒๕๕๙ หน้า ๒๖ - ๒๗
พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)






วาสนา นี่ก็แปลกของมันนะ
คนมีวาสนา
จะได้เป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน
ต่อให้ไกลแค่ไหน
ยังไงก็มาเจอกัน ลงใจกันจนได้

แต่ถ้าไม่มีวาสนาแล้วนะ
แค่เห็นหน้า ก็ไม่มีทางล่ะ

โอวาทธรรม:พระอาจารย์โสภา สมโณ
วัดแสงธรรมวังเขาเขียว
ศิษย์ในพ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์
หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน





พุทธศาสนาสอนให้พึ่งตนเอง ให้เชื่อกรรม เชื่อผลของกรรมว่า เราทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ไม่มีพระเจ้าที่ไหนจะมาบันดาล ให้เราดีและชั่ว นอกจากตัวของเราทำเองเท่านั้น

โอวาทธรรม หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี






.


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 34 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร