วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 15:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มี.ค. 2023, 08:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"ดอกไม้สักการะบูชา ดอกไม้คันธรสของหอม ก็ได้บุญเหมือนกัน หอมดอกไม้มันก็หลายสิ่งปานนั้น ยังบ่ปานศีลธรรมขององค์พระพุทธเจ้า หอมศีลธรรมของพระพุทธเจ้ามันถึงดี รูปที่ว่ามันสวย กลิ่นที่ว่าหอม มันก็บ่หอมบ่งามไปกว่าศีลธรรมของพระพุทธเจ้า ศีลธรรมของพระพุทธเจ้านั้นดี ได้ไปสู่สุคติบนสวรรค์นิพาน เอาให้มันได้ศีลธรรม ศีลธรรมมันนำพาเราไปสู่ภพใหม่ ชาติใหม่ ไปสุคติบนสวรรค์ทุกคน ทำไว้"

โอวาทธรรม
หลวงปู่คำภา ฑีฆายุโก
วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา






อยู่แบบไม่มีอะไร

“วิธีที่จะทำให้เรา
อยู่แบบไม่มีอะไรก็ได้
ก็คือเราต้องไปฝึกสมาธิกัน
ไปหัดนั่งสมาธิ ไปเดินจงกรม เจริญสติ
ถ้ามีสติแล้วเราก็จะนั่งสมาธิได้
พอใจสงบ ใจของเราก็มีความสุขขึ้นมา
ความอยากต่างๆ ก็จะหายไปชั่วคราว
อันนี้แหละเป็นวิธีการ
ของการจะทำให้ใจของเรามีความสุข
ใจของเราปราศจากความทุกข์”

#ธรรมพ้นทุกข์
พระจุลนายก
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต






"การที่หลวงพ่อทำไป
เช่นนี้เพื่อใครอื่น
เพื่อประโยชน์ต่อ
สาธารณชน เราได้
ความดีมาแล้ว เราก็
ไม่เก็บความดีเอาไว้
แต่เฉพาะเรา เราก็
จำแนกแจกจายไป
ยังผู้อื่น จะแจกจ่ายไป
ได้แค่ไหนก็สุดแล้วแต่
ก็ได้ทำหน้าที่เต็มที่แล้ว....."

ธรรมะรุ่งอรุณ
พระธรรมมงคลญาณ
(หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)




ระหว่างเจริญสมาธิภาวนา นิวรณ์ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยลำพัง ต้องมีเจตนาที่อยากให้เกิดขึ้นด้วยเสมอ ดูเผินๆ อาจจะเหมือนว่า เราจดจ่อกับลมหายใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วถัดจากนั้น จิตก็หวนคิดถึงความทรงจำในอดีตหรือล่องลอยไปกับกระแสความคิดฝันถึงอนาคต แต่แท้จริงแล้ว ถ้าสติเฉียบคมขึ้น เราจะเห็นว่ามีตัณหาเกิดขึ้นก่อนนิวรณ์ที่มารบกวนจิตใจ โดยมากจะเป็นการเสพติดในสุขจากความทรงจำและความคิด แต่ก็ยังมีความเพลินที่เราเสพติดอีกแบบหนึ่ง คือ การคิดหมกมุ่นในเรื่องที่ทำให้น้อยใจ เสียใจหรือโกรธ บางทีเราก็ติดอยู่ในความเพลินแบบนี้เช่นกัน

นิวรณ์ในส่วนที่เป็นความง่วงเหงาซึมเซามักมีวิภวตัณหาเป็นตัวนำ คือ ไม่อยากอยู่กับปัจจุบัน ไม่อยากเจออะไรบางอย่าง เป็นตัณหาในความไม่มีไม่เป็น บางคราว ภวตัณหา คือ ความอยากมีอยากเป็นปรากฏขึ้นในลักษณะว่า ต้องการอะไรสักอย่างในจิตใจ จะเป็นอะไรก็ได้ เพื่อให้รู้สึกว่ายังมีตัวมีตนที่เรายึดมั่นถือมั่นนักหนา

สมาธิภาวนาเป็นวิถีทางอันลึกซึ้งที่สุดในการศึกษาอริยสัจ ๔ ความพ้นทุกข์จะเกิดไม่ได้ หากไม่ละตัณหา ถ้าไม่ตั้งต้นสังเกตว่าตัณหาคืออะไรและทำงานอย่างไร เราย่อมละตัณหาไม่ได้ การเฝ้าดูสิ่งที่ปรากฏขึ้นในใจ เมื่อเรามอบหมายงานง่ายๆ ให้ตัวเอง เช่น การตามรู้ลมหายใจ จะช่วยให้เรารู้ในสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับตัณหาทั้งปวง

ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร