วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2023, 05:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ไปเดือดร้อนอะไรกับคนนินทา
ใครนินทาเราไม่ได้ยินไม่ใส่ใจก็สบาย
คนนินทาน่ะ เป็นยาชูกำลังที่จะเตือนตัวเอง
เขาติดีกว่าเขาชม จะได้รู้ตัว
ถ้าเราเป็นอย่างนั้นจะได้ปรับปรุง
เราจะไปโกรธเขาทำไม
ถ้าไปโกรธเขา ก็เรียกว่าเราแพ้ตัวเอง.

โอวาทธรรม
หลวงปู่ท่อน ญาณธโร
วัดศรีอภัยวัน จังหวัดเลย






บางคนคิดว่า การปฏิบัติกรรมฐานคือ
การเดินจงกรมและนั่งสมาธิเท่านั้น

แต่หลวงพ่อเน้นว่าการปฏิบัติอยู่ที่สติมากกว่าที่อิริยาบถ

อย่างที่ท่านเทศน์ในตอนหนึ่งว่า

“ไม่ใช่เดินเพียร นั่งเพียร แต่รู้เพียร”

คือ ฝึกให้มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมทุกอิริยาบถ
ไม่ใช่เฉพาะเวลานั่งสมาธิ หรือเดินจงกรมเท่านั้นเคล็ดลับของท่านก็คือ

ปฏิบัติเรื่อยไปอย่างสม่ำเสมอ
ไม่เคร่งเกินไป แต่ก็ไม่หย่อน
ให้พอดีแก่การขัดเกลากิเลส
จึงจะเรียกว่า เป็นสัมมาปฏิปทา เพราะว่า

“การทำความเพียร ไม่ได้ขีดขั้น
จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ได้ทั้งหมดนั้น
แม้กวาดลานวัดอยู่ก็บรรลุธรรมะได้
แม้แต่เพียงมองเห็นแสงพยับแดดเท่านั้น ก็บรรลุธรรมะได้

จะต้องมีสติพร้อมอยู่เสมอ
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
เพราะมันมีโอกาสที่จะบรรลุธรรมอยู่ตลอดเวลา
อยู่ทุกสถานที่ เมื่อเราตั้งใจพิจารณาอยู่”

นี่คือปฏิปทาในการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
ไม่ใช่ทำเป็นเวลา แต่ต้องทำตลอดเวลา
อย่างที่หลวงพ่อท่านเรียกว่า “สติจำกาล”
ปฏิปทาที่ไม่ติดต่อสม่ำเสมอนั้นหลวงพ่อเปรียบเทียบว่า

“เหมือนหยดน้ำที่ไม่ต่อเนื่องกัน”

การฝึกสติของเราก็เช่นเดียวกัน
นาน ๆ นึกขึ้นได้ก็ตั้งสติเสียทีหนึ่ง
เราก็จะมีสติที่ขาดเป็นช่วง ๆ เหมือนหยดน้ำ

ถ้าเราพยายามระลึกรู้อยู่เสมอ
มีสติในทุกการที่ทำ คำที่พูด และความรู้สึกนึกคิด
เราก็จะเป็นผู้มีสติตลอดเวลา ไม่เผลอ
เหมือนหยดน้ำที่ต่อกันเป็นสายน้ำ”

พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี





"มนุษย์ ตั้งอยู่ในฐานะอันเลิศ"

"'..อันได้กำเนิดเกิดมาเป็นมนุษย์ซึ่งเป็นชาติสูงสุดเป็นผู้เลิศ "ตั้งอยู่ในฐานะอันเลิศด้วยดี คือมีกายสมบัติ วจีสมบัติและมโนสมบัติบริบูรณ์" จะสร้างสมเอาสมบัติภายนอก คือทรัพย์สิน เงิน ทอง อย่างไรก็ได้ จะสร้างสมเอาเป็นสมบัติภายใน คือมรรค ผล นิพพาน ธรรมวิเศษ ก็ได้

พระพุทธองค์ "ทรงบัญญัติพระธรรมวินัย ก็ทรงบัญญัติแก่มนุษย์เรานี่เอง" มิได้ทรงบัญญัติแก่ ช้าง ม้า โคกระบือ ฯลฯ ที่ไหนเลย มนุษย์นี่เองจะเป็นผู้ปฏิบัติถึงซึ่งความบริสุทธิ์ได้ ฉะนั้นจึงไม่ควรน้อยเนื้อต่ำใจว่า ตนมีบุญวาสนาน้อย เพราะมนุษย์ทำได้ "เมื่อไม่มีทำให้มีได้ เมื่อมีแล้วทำให้ยิ่งได้"

สมด้วยเทศนานัยอันมีมาใน เวสสันดรชาดกว่า "ทานํ เมติ สีลํ รกฺขติ ภาวนํ ภาเวตวา สคฺคํ เอกจฺโจ โมกขํ ศจฺฉติ นิสฺสํสยํ" เมื่อได้ทำกองการกุศล "คือให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา"ตามคำสอนของพระบรมศาสดาจารย์เจ้าแล้ว บางพวกทำน้อยก็ต้องไปสู่สวรรค์

บางพวกทำมากแลขยันทำจริง พร้อมทั้งวาสนาบารมีแต่หนหลังประกอบกัน ก็สามารถเข้าสู่พระนิพพานโดยไม่ต้องสงสัยเลย พวกสัตว์เดรัจฉานท่านมิได้กล่าวว่าเลิศ เพราะจะมาทำเหมือนมนุษย์ไม่ได้ จึงสมกับคำว่า "มนุษย์นี้ ตั้งอยู้ในฐานะอันเลิศด้วยดี สามารถนำตนเข้าสู่มรรคผล เข้าสู่พระนิพพานอันบริสุทธิ์ได้แล..'"

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร






"'..ความดีนั้น เราต้องทำอยู่เสมอให้เป็นที่อยู่ของจิต เป็นอารมณ์ของจิตให้เป็นมรรค คือ ทางดำเนินไปของจิต มันจึงจะเห็นผลของความดี ไม่ใช่เวลาใกล้จะตายจึงนิมนต์พระไปให้ศีล ให้ไปบอกพุทโธ หรือตายไปแล้วให้ไปรับศีลเช่นนี้เป็นการกระทำที่ผิดทั้งหมด
เหตุว่าคนเจ็บ จิตมัวติดกับเวทนา “ไฉนจะมาสนใจไยดีกับศีลได้ เว้นแต่ผู้ที่รักษามาเป็นปกติเท่านั้นจึงจะระลึกได้ เพราะตนเองเคยทำมาจนเป็นอารมณ์ของจิตแล้ว แต่ส่วนมาก ใกล้จะตายแล้วจึงเตือนให้รักษาศีล.'"

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
(พ.ศ. ๒๔๓๐ – ๒๕๒๘)





"... ความทุกข์จากการเจ็บปวดเป็นทุกข์
ของธาตุขันธ์
... ความฟุ้งซ่านเป็นทุกข์เหมือนกัน​ แต่
เป็นความทุกข์ที่.. เกิดจากใจ ..."
—————
#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด​ อ.เมือง​ จ.อุดรธานี






"... บาปนั้นพอแล้ว ไม่ต้องทำอีก
บุญนั้นแหละ​ ยังน้อยอยู่​ ให้รีบทำ ..."
.....................................
#หลวงปู่สิม_พุทธาจาโร​
วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่





“ ถ้าเรากินเอง
พรุ่งนี้..ก็ถ่ายแล้ว
แต่ให้เพื่อนที่ไม่มีกิน
อิ่มจนถึงปัจจุบัน”
.
#พุทธทาสภิกขุ






#นี่แหละนักธรรมนักกรรมฐาน จิตเป็นของไม่ตาย ตัวตายนั้นคือรูปเป็นตัวตาย ตัวตายตัวเวทนา ตัวตายตัวสัญญา ตัวตายคือตัวสังขาร ตัวตายตัววิญญาณ

ตัวไม่ตาย ได้แก่ จิตที่เป็นนิพพาน

อสังขตธรรมได้แก่ รูปธรรม เวทนาธรรม ไม่มีแก่จิต
อสังขตธาตุ เวทนาธาตุ ไม่มีแก่จิต อสังขตปัจจัย

ใจพ้นจากรูป ใจพ้นจากเวทนา ใจไม่มีเวทนา
ใจพ้นจากสัญญา ใจไม่มีสัญญา ใจก็พ้นจากสัญญา
ใจไม่มีสังขาร ใจก็พ้นจากสังขาร
ใจไม่มีวิญญาณ ใจพ้นจากวัญญาณ ใจก็นิพพานนั่นแหละ

เมื่อใจเป็นนิพพานแล้ว ชาติ ความเกิดไม่มีแก่ใจ ชรา ความแก่ ไม่มีแก่ใจ พยาธิ ความเจ็บไข้ ตัวร้อน ไม่มีแก่ใจ มรณะ ความตาย ความเกิดไม่มีแก่ใจ ใจก็เป็นพระนิพพาน พ้นจากความเกิด ความแก่ ความตาย ไม่ต้องกลับมาเกิด ให้มันทุกข์ มันยากลำบากในโลกนี้.

หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
วัดป่าอรัญญวิเวก
ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม





#ผู้ที่จะมาทำลายพุทธศาสนา..!!

"... มิใช่เจ๊ก​ จีน​ ฝรั่ง​ แขกที่ไหน​ แต่เป็น..
พุทธบริษัทผู้ไม่เข้าใจ​ในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า​
... และ.. ปฏิบัติผิดจากคำสอนของ พระ
พุทธองค์​ หรือมีการศึกษาดี​มีความรู้สูง​ แต่
เป็นคนหัวดื้อถือรั้น​
... ไม่ยอมทำตามความรู้นั้น​ กลับไปทำตามกิเลสของตนเสีย ... "
—————————
#หลวงปู่เทสก์_เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.หนองคาย




ทุกวันนี้คนชอบซื้อประกันชีวิต แต่เท่าที่ทราบประกันได้แต่ชาตินี้ ไม่เป็นไร เพราะชาติหน้าที่ปลอดภัยไม่ต้องใช้สตางค์ ขอให้มีแต่สติสตังก็จะมีสิทธิ์ได้ของฟรี คือเราประกันได้ด้วยการควบคุมกายวาจาของเราให้อยู่ในขอบเขตอันงดงาม โดยการดำเนินชีวิตอย่างไม่เบียดเบียนผู้อื่น

พระอาจารย์ชยสาโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 36 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร