วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2023, 15:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"เตือนเอาไว้นะ”

จำไว้นะ อย่าไปเชื่อใครง่ายๆ ยิ่งสมัยนี้เริ่มมีคนจะแอบอ้างเรา รู้จักเรา เป็นอะไรกับเรา แล้วเดี๋ยวมาขอความช่วยเหลือ อย่ามาโทษเราทีหลังนะถ้าไปเชื่อเขา

เดี๋ยวเขามาขอความช่วยเหลือขอสิ่งโน้น ขอสิ่งนี้ ขอยืมเงิน ขอไอ้โน่นขอนี่ แล้วก็เห็นเขามาวัดมาทำบุญ ก็เลยคิดว่าเขาเป็นคนน่าเชื่อถือ แล้วก็ให้เขาไป แล้วพอเขาไม่คืน ก็มาด่าอาจารย์ มาโทษอาจารย์ หาว่าลูกศิษย์อาจารย์มายืมเงินแล้วไม่ยอมคืนเงินให้ อาจารย์ไม่รู้เรื่องสักหน่อย ก็เลยต้องออกมาพูด

เพราะมันมีแล้วเนี่ย มีกรณีนี้เกิดขึ้น เราก็ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ กลายเป็นอะไร เขาเรียก กลายเป็นจำเลยไป เนี่ยเพราะอาจารย์เนี่ย ถูกหลอกเนี่ยเพราะอาจารย์ ความจริงโง่ถึงถูกหลอก ไม่โทษตัวเอง โง่เงินอยู่ในมือแท้ๆ ยังปล่อยให้เขาไปได้น่ะ ใช่มั้ย

เอ้า..ถ้าเราสั่งก็มาโทษเราได้นะว่า เอ้อถ้าอาจารย์บอกให้ไป ให้เขายืมอย่างนี้ เอ้อ อย่างนี้เราก็ยินดียอมเป็นจำเลย นี่เราไม่ได้พูดไม่ได้ทำอะไร ไม่รู้เรื่องเลย ไม่เกี่ยวข้องเลย แล้วพอไม่ได้เงินก็มาด่ามาโวยวาย

อันนี้พูดเป็นเชิงทฤษฎี ไม่อยากจะให้กระทบกระเทือนใคร แต่อยากจะให้ปัญญา อยากจะให้ความรู้ ว่าคนมาวัดนี้ไม่ใช่จะเป็นคนที่ใจบุญเสมอ เป็นมารมาในคราบของนักบุญก็มีนะ

เราไม่รู้ว่าเขามานี่เขามาเพื่ออะไร บางทีเขาทำตัวแบบนักบุญแต่ใจบาปก็ได้ พอเขาเห็นช่องทางเขาจะสามารถทำอะไรได้เขาก็อาจจะทำก็ได้ เพราะคนที่มาทำบุญนี้ ก็เป็นคนมองคนในแง่ดี เลยเชื่อว่าคนทุกคนเป็นคนใจบุญมาวัดกัน มาทำบุญกัน เวลาใครเขาพูดอะไรก็จะเชื่อเขา

ก็นี่แหละถึงต้องมาพูดบ้าง เดี๋ยวเราจะกลายเป็นจำเลยโดยไม่รู้สึกตัว ใช้เหตุผล ใช้ความรอบคอบ โบราณเขาบอกว่าอย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจตาย อันนี้ก็บอกให้รู้ก่อน

สำหรับเรา เราอยู่ของเรามาคนเดียวมาตลอด เราไม่มีปัญหาอะไรกับใคร พอคนอื่นมาเกี่ยวข้องกับเรา แล้วมักจะไปมีปัญหากันด้วยกับคนอื่น แล้วก็มาเอาเราเป็นจำเลย เพราะเขามาวัดนี่ก็เลยเชื่อเขา เพราะเขาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อก็เลยเชื่อเขา

แต่ตอนนี้เราขอปลดตัวเองจากการเป็นจำเลยนะ ไม่รับผิดชอบทุกกรณี ใครทำอะไรนี่รู้ว่าตัวเองเป็นคนทำ มีใครเขาบังคับให้เราทำหรือเปล่า มีใครเขารับรองหรือเปล่า รับประกันหรือเปล่า เราบางทีเราเป็นคนที่เชื่อคนง่ายแล้วก็มีความเมตตาสงสาร เขามาขอความช่วยเหลือเขาเดือดร้อน ก็เลยอยากจะช่วยเหลือเขา เดี๋ยวเวลาเผลอถูกเขาตีหัวเอา ไม่รู้สึกตัว

ก็เชื่อได้ในระดับหนึ่งนะ แต่อย่าเชื่อแบบขาดทุนก็แล้วกัน ถ้าเชื่อแล้วกำไรเชื่อเลย ถ้าเขาจะเอาเงินมาให้รับไว้ก็ได้ แต่ถ้าเขาจะมาเอาเงินเราก็อย่าไปเชื่อ (หัวเราะ) แต่เราไม่เคยเรี่ยไรบริจาคขอเงินใครนะ ฉะนั้น ใครจะมาใช้ชื่อเราขอซื้อของต่างๆ ซื้ออะไรต่างๆ นี้เราไม่รู้เรื่องนะ.

สนทนาธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๙ มีนาคม ๒๕๖๐

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี






"'..การทำความเพียรของผู้ตั้งใจจะข้ามโลก ไม่ขอเกิดมาแบกหามกองทุกข์นานาชนิดอีกต่อไป ต้องเป็นความเพียรชนิดเอาตายเข้าแลกกัน เฉพาะผมเองก่อนที่จะมาเป็นอาจารย์สอนหมู่คณะ มิได้นึกว่าชีวิตจะยังเหลือเดนมาเลย เพราะความมุ่งมั่นต่อธรรมแดนหลุดพ้นมีระดับสูงเหนือชีวิตที่ครองตัวอยู่ การทำความเพียรทุกประโยคและทุกอิริยาบถได้ตั้งเข็มทิศไว้เหนือชีวิตทุกระยะ ไม่ยอมให้ความอาลัยเสียดายในชีวิตเข้ามากีดขวางในวงความเพียรเลย นอกจากความบีบบังคับของจิตที่เต็มไปด้วยความหวังต่อทางหลุดพ้นเท่านั้น เป็นผู้บงการแต่ผู้เดียวว่า ถ้าขันธ์ทนไม่ไหวจะแตกตายไปก็ขอให้แตกไป เราเคยตายมาแล้วจนเบื่อระอา ถ้าไม่ตายขอให้รู้ธรรมที่พระองค์รู้เห็น อย่างอื่นไม่ปรารถนาอยากรู้อยากเห็น เพราะเบื่อต่อการรู้เห็นมาเต็มประดาแล้ว บัดนี้เราอยากรู้เพียงอย่างเดียวคือสิ่งที่เรารู้แล้วไม่ต้องกลับมาลุ่มหลงเกิดตายอีกต่อไป สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ปรารถนาอย่างยิ่งของเราในบัดนี้.."'

พระครูวินัยธร (มั่น ภูริทตฺโต)
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร






#วิถีโลก.. ไม่ค่อยราบรื่น มากด้วย
ความทุกข์ทรมาน อันเกิดจากวังวน
กิเลสที่แก้ไม่ตก

#วิถีธรรม.. มีวัตรปฏิบัติ ที่งดงามถือ
อุปสรรค คือเพื่อนธรรมนำทางสู่ความ
สำเร็จ

#วิถีป่า.. มากด้วยอันตราย มากด้วย
อุปสรรค กลายเป็นดวงธรรมวิเศษสู่
มรรคผลนิพพาน

#หลวงปู่ขาว_อนาลโย
#วัดถ้ำกลองเพล_จังหวัดหนองบัวลำภู







จิตที่ไม่ตั้งมั่นไม่สามารถเห็นอะไรตามความเป็นจริงได้ ทั้งนี้เพราะจิตที่ขาดการฝึกอบรมย่อมมีคราบกิเลสต่างๆ ติดแน่นอยู่เป็นเปลือกหุ้มจิตเอาไว้ตลอดเวลา รู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง คำสอนของพระพุทธองค์จึงไม่ใช่เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในเวลามีทุกข์ คำสอนของพระพุทธองค์ให้วิธีการฝึกจิตให้ตั้งมั่นเป็นสมาธิเพื่อมีกำลังสลัดคราบกิเลสออกไป ด้วยการรู้เห็นสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริงด้วยปัญญา

เมื่อจิตมีคุณสมบัติพอที่จะดูชีวิตของตนอย่างเป็นกลางได้ เราจึงจะจับหลักได้ว่า สิ่งใดยิ่งมองยิ่งชัด สิ่งนั้นเป็นของจริง สิ่งใดยิ่งมองยิ่งไม่ชัดสิ่งนั้นเป็นของปลอม

เพราะดู เพราะรู้ เพราะเห็น นั่นแหละ มนุษย์เราจึงมีโอกาสเป็นที่พึ่งแห่งตน

พระอาจารย์ชยสาโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 57 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร