วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 05:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2023, 05:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


มันก็แค่นั้น

“ … หลวงพ่อชา เวลาท่านสอน
สำนวนเวลาที่ท่านเคยใช้บางครั้ง
เวลาดูสิ่งที่เป็นความสุขก็ดี ความทุกข์ก็ดี
สิ่งที่น่าดีใจก็ตาม สิ่งที่น่าเสียใจก็ตาม
หลวงพ่อชาท่านจะใช้คำว่า มันก็แค่นั้น

มันก็แค่นั้น … อันนี้กินความได้ไกล
ไม่น่าเอามาทำให้จิตใจเศร้าหมอง
ไม่น่าเอามาทำให้จิตใจปราศจากความปลอดโปร่ง
แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ดี ตั้งใจจะให้มีเกิดขึ้น
ให้ชีวิตประสบความสำเร็จตามที่ต้องการ
ก็อย่าให้เป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจไขว้เขว
ออกจาความปลอดโปร่ง

หรือว่าเวลาที่เกิดความทุกข์
หรือความลำบากอย่างไร
ก็อย่าให้เป็นเหตุที่ทำให้จิตใจรู้สึกแส่ส่าย
แล้วยังสามารถรักษาความมั่นคงปลอดโปร่งได้
… มันก็แค่นั้น ..”

พระราชโพธิวิเทศ (หลวงพ่อปสันโน)
ณ บ้านบุญ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๒






. #ความเลวที่_สำนึกได้..!!

"... ความเลวที่.. สำนึกได้
... คือสมบัติ.. ของคนดี
... ความดีที่.. กลับกลอกได้
... คือสมบัติ.. ของคนเลว ..."
________________________
#พระอาจารย์มั่น_ภูริทัตโต
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร






“พระแก้วมรกตศักดิ์สิทธิ์ที่สุด“

ในโบสถ์วัดพระแก้วนั้น มีเทวดาอยู่เป็นหมื่น ภาวนาให้ดีๆ แล้วจะเห็นเอง...

ธรรมเมตตา
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร






#สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม.

เราทั้งหลายต่างเกิดมาด้วยวาสนา​ มีบุญพอเป็นมนุษย์ได้อย่างเต็มภูมิดังที่ทราบอยู่แก่ใจ​ อย่าลืมตัวลืมวาสนา โดยลืมสร้างคุณงามความดีเสริมต่อภพชาติของเราที่เคยเป็นมนุษย์

จะเปลี่ยนแปลงและกลับกลายหายไปเป็นชาติที่ต่ำทราม​ ไม่ปรารถนาจะกลายมาเป็นตัวเราเข้าแล้วแก้ไม่ตก

ความสูงศักดิ์ ความต่ำทราม​ ความสุขทุกขั้นจนถึงบรมสุขและความทุกข์จนเข้าขั้นมหันตทุกข์​ เหล่านี้มีได้กับทุกคนตลอดสัตว์ ถ้าตนเองทำให้มี
อย่าเข้าใจว่ามีได้เฉพาะผู้กำลังเสวยอยู่เท่านั้น โดยผู้อื่นไม่มี

เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติกลาง
แต่กลับกลายมาเป็นสมบัติจำเพาะของผู้ผลิตผู้ทำเองได้
ท่านจึงสอนไม่ให้ดูถูกเหยียดหยามกัน

เมื่อเห็นเขาตกทุกข์หรือกำลังจน จนน่าทุเรศ​ เราอาจมีเวลาเป็นเช่นนั้นหรือยิ่งกว่านั้นก็ได้

เมื่อถึงวาระเข้าจริง​ ๆ ไม่มีใครมีอำนาจหลีกเลี่ยงได้

เพราะกรรมดีกรรมชั่วเรามีทางสร้างได้เช่นเดียวกับผู้อื่น

จึงมีทางเป็นได้เช่นเดียวกับผู้อื่น
และผู้อื่นก็มีทางเป็นได้เช่นเดียวกับที่เราเคยเป็น

ศาสนาเป็นหลักวิชาตรวจตราดูตัวเองและผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ
ไม่มีวิชาใดในโลกเสมอเหมือน

สิ่งดีชั่วที่มีและเกิดอยู่กับตนทุกระยะมีใจเป็นตัวการพาให้สร้างกรรมประเภทต่าง​ ๆ

จนเห็นได้ชัดว่ากรรมมีอยู่กับผู้ทำ มีใจเป็นเหตุของกรรมทั้งมวล

... #กรรมเป็นของลึกลับและมีอำนาจมาก.....

ไม่มีผู้ใดหนีกฎแห่งกรรมได้เลย
ถ้าเราสามารถรู้เห็นกรรมดีกรรมชั่วที่ตนและผู้อื่นทำขึ้น

เหมือนเห็นวัตถุต่าง​ ๆ จะไม่กล้าทำบาป​ แต่จะกระตือรือค้นทำแต่ความดีซึ่งเป็นของเย็นเหมือนน้ำ

ความเดือนร้อนในโลกก็จะลดน้อยลง​ เพราะต่างก็รักษาตัว กลัวบาปอันตราย

ท่านว่า ดี ชั่ว มิได้เกิดขึ้นมาเอง แต่อาศัยการทำบ่อยก็ชินไปเอง
เมื่อชินแล้วก็กลายเป็นนิสัย

ถ้าเป็น ฝ่ายชั่ว ก็แก้ไขยาก​ คอยแต่จะไหลลงตามนิสัยที่เคยทำอยู่เสมอ

ถ้าเป็น ฝ่ายดี ก็นับว่าคล่องแคล่วกล้าขึ้นเป็นลำดับ

เราเกิดเป็นมนุษย์ มีความสูงศักดิ์มาก อย่านำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ

มนุษย์เราจะต่ำลงกว่าสัตว์และจะเลวกว่าสัตว์อีกมากมาย​ อย่าพากันทำ ให้พากันละบาป​ บำเพ็ญบุญ ทำแต่ความดี
อย่าให้เสียชีวิตเปล่าที่มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์

การทำความเข้าใจเรื่องของกรรม​ เป็นการศึกษาธรรมะเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรับภาวะของตัวเราเอง

ซึ่งจะต้องเป็นไปตามกรรมที่ได้ทำไว้ ตามสุภาษิตที่มีว่า

“กรรมจำแนกสัตว์ให้ทรามและประณีตต่างกัน”

ผู้สงสัยกรรม หรือไม่เชื่อกรรมว่ามีผล​ คือลืมตนจนกลายเป็นผู้มืดบอดอย่างช่วยไม่ได้

แม้เขาจะเกิดและได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่มาเป็นอย่างดี​ เหมือนโลกทั้งหลายก็ตาม เขาก็มองไม่เห็นคุณของพ่อแม่​ ว่าได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูตนมาอย่างไรบ้าง

แต่เขาจะมองเห็นเฉพาะร่างกายเขา​ ที่เป็นคนหนึ่งกำลังรกโลกอยู่โดยเจ้าตัวไม่รู้เท่านั้น

ไม่สนใจคิดว่าเขาเติบโตมาจากท่านทั้งสอง​ ซึ่งเป็นแรงหนุนร่างกายชีวิตจิตใจเขา ให้เจริญเติบโตมาจนถึงปัจจุบัน

การดื่มกินเป็นการสร้างสุขภาพ
ความเจริญเติบโตแก่ร่างกาย ไม่จัดว่าเป็นกรรม

กรรม คือ การกระทำ ดี ชั่ว ทางกาย วาจา ใจ ต่างหาก​ ผลจริง คือ ความสุข ทุกข์ที่ได้รับกันอยู่ทั่วโลก กระทั่งสัตว์ผู้ไม่รู้จักรรม

รู้แต่กระทำคือหากินอยู่ ทางศาสนาเรียกว่า กรรมของสัตว์ ของบุคคล​ และผลกรรมของสัตว์ ของบุคคล

ควรมีเมตตาสงสารในสัตว์ทั้งหลาย​ ซึ่งมีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย​ เช่นเดียวกับเรา ไม่มีอะไรยิ่งหย่อนกว่ากัน

ความยิ่งหย่อนแห่งวาสนาบารมีนั้นมีได้ทั้งคนและสัตว์​ สัตว์บางตัวมีวาสนาบารมีและอัธยาศัยดีกว่ามนุษย์บางคน​ แต่เขาตกอยู่ในภาวะความเป็นสัตว์ ก็จำต้องทนรับเสวยไป

สัตว์เดรัจฉานก็ยังมีและเสวยกรรมไปตามวิบากของมัน​ มิให้ประมาทเขาว่าเป็นสัตว์ที่เกิดในกำเนิดต่ำทราม

ความจริงเขาเพียงเสวยกรรมตามวาระที่เวียนมาถึงเท่านั้น
เช่นเดียวกับมนุษย์ ขณะที่ตกอยู่ในความทุกข์จนข้นแค้น
ก็จำต้องทนเอาจนกว่าจะสิ้นกรรม

เมื่อมนุษย์เราเกิดเสวยชาติเป็นคน​ มีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง ตามวาระของกรรมที่อำนวย

มนุษย์ก็มีกรรมชนิดหนึ่งที่พาให้มาเป็นอย่างนี้​ ซึ่งล้วนผ่านกำเนิดต่าง​ ๆ จนนับไม่ถ้วน
ให้ตระหนักในกรรมของสัตว์ว่ามีต่าง​ ๆ กัน

เพราะฉะนั้น​ ไม่ให้ดูถูกเหยียดหยาม​ ในชาติกำเนิดความเป็นอยู่ของกันและกัน​ และสอนให้รู้ว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมดี กรรมชั่วเป็นของ​ ๆ ตน.
.
โอวาทธรรมคำสอน​หลวงปู่มั่น​ ภูริทัตโต
ที่มา​ของบทความ: "ภูริทตฺตธมฺโมวาท" จากหนังสือบูรพาจารย์ รวบรวมโดยมูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต







ในโลกนี้ไม่มีใคร ไม่ถูกตำหนิ ไม่มีใครไม่ถูกวิจารณ์ ใจดวงนี้พร้อมรับคำตำหนิรึยัง พร้อมรับไม่ใช่อดทน แต่คือเข้าใจมันอย่างแจ่มแจ้ง

ครูบาฉ่าย คัมภีรธัมโม





"บุญ บาป เป็นของเที่ยงแท้แน่นอน
ใครจะมาว่าเรา เป็นเรื่องปากเขา
จิตเรามีหน้าที่ภาวนา ยืนให้มีสติ
เดินให้มีสติ ทำอะไร พูดอะไร ให้มีสติ
รู้ภายนอกรู้ไปทำไม รู้ภายใน รู้กาย
รู้จิต ของตัวเองดีกว่า"

หลวงปู่สิม พุทธาจาโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 34 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร