วันเวลาปัจจุบัน 29 เม.ย. 2024, 01:55  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2023, 05:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#พระอรหันต์ลูกศิษย์ตั้ง

ในที่นี้มีเรื่องหนึ่งที่อยากจะพูดถึงก็คือ มีญาติโยมท่านหนึ่งมีปัญหาในการทำกิจการ แล้วท่านก็เที่ยวไปสอบถามบรรดาพระเถระครูบาอาจารย์หลายต่อหลายรูป โดยที่ท่านใช้คำว่า "#พระเถระรูปนี้เป็นพระอรหันต์ ผมมั่นใจ..เพราะว่าผมคิดอะไรอยู่ในใจท่านรู้ไปหมด"

เรื่องนี้จะว่าไปแล้วเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ถ้าหากว่าเราดูจากในพระไตรปิฎก เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลทรงทรุดพระองค์ลงกราบนักบวชเชนซึ่งกำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังเขตแคว้นแห่งหนึ่ง พลางกล่าวว่า "พระคุณเจ้าทั้งหลายเหล่านี้เป็นพระอรหันต์" องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า "ดูก่อนมหาบพิตร บุคคลผู้ยังเสพกาม นอนเบียดกับมาตุคามอย่างพระองค์ท่าน จักไปรู้ได้อย่างไรว่าผู้ใดเป็นพระอรหันต์ผู้หมดแล้วซึ่งกิเลส" พระเจ้าปเสนทิโกศลจนแต้ม จึงต้องยอมสารภาพว่า นักบวชเหล่านั้นเป็นจารชนที่พระองค์ให้ปลอมตัวไปสืบข่าวตามเขตแคว้นต่าง ๆ

นี่คือสิ่งที่ยืนยันได้ชัดเจนที่สุดว่า #บุคคลธรรมดาจะไปบอกว่าผู้นั้นเป็นพระอริยเจ้าผู้นี้เป็นพระอรหันต์ นั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะว่าตนเองเรียนอยู่ชั้นอนุบาล จะไปยืนยันว่าท่านนี้จบปริญญาตรี ท่านนี้จบปริญญาโท ท่านนี้จบปริญญาเอก จะเอาความรู้ที่ไหนไปยืนยัน ว่าท่านนั้นท่านนี้จบชั้นใดได้ ?

ส่วนในเรื่องของการรู้ใจคนอื่น คือ #เจโตปริยญาณ นั้น บุคคลที่เข้าถึงโลกียฌานธรรมดาก็สามารถทำได้ แล้วบรรดาพระโสดาบันก็ดี พระสกทาคามีก็ดี พระอนาคามีก็ดี ตลอดจนกระทั่งถึงพระอรหันต์ก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกท่านจะรู้กำลังใจของคนอื่น

เนื่องเพราะว่าพระอรหันต์ก็ยังมีอยู่ถึง ๔ ประเภท ได้แก่ สุกขวิปัสสโก เป็นผู้ที่บรรลุธรรมโดยไม่มีคุณวิเศษอื่น ๆ ประกอบ เตวิชโช เป็นผู้บรรลุธรรมพร้อมด้วยความสามารถพิเศษ ๓ ประการ ก็คือระลึกชาติได้ รู้ว่าคนและสัตว์ก่อนเกิดมาจากไหน ตายแล้วไปไหน และทำกิเลสให้สิ้นไปได้

เราจะเห็นว่าแม้แต่ในระดับวิชชา ๓ ก็ไม่ใช่บุคคลที่มีความสามารถในการรู้ใจคนอื่น ทั้ง ๆ ที่ท่านก็เป็นพระอรหันต์เช่นกัน หลังจากนั้นก็เป็นพระอรหันต์อภิญญา ๖ และปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ทั้งสองประเภทนี้จึงสามารถที่จะรู้ใจคนอื่นได้

แม้พระอริยเจ้าเบื้องต้นอย่างพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี ถ้าไม่ได้มีวิสัยมาด้านอภิญญา ๖ และปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ก็ไม่สามารถที่จะรู้ใจผู้อื่นได้เช่นกัน

ดังนั้น..#การที่โยมท่านนั้นไปฟันธงว่าพระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์พระรูปนี้เป็นพระอรหันต์ จึงเป็นในลักษณะของ "ตาบอดสอดตาเห็น" โอกาสที่จะผิดพลาดย่อมมีเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์..! จึงเป็นเรื่องที่ญาติโยมทั้งหลายจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องระมัดระวังเอาไว้ เพราะว่าสมัยนี้ "#พระอรหันต์ลูกศิษย์ตั้ง" นั้นมีมากต่อมากด้วยกัน ถ้าหากว่าเป็นสมัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านก็ใช้คำว่า "พระกังหัน" ก็คือยังหมุนไปหมุนมาอยู่เลย..!

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๖






…” ใจ “
มักจะถูก..ความอยาก
รุมเร้าอยู่ตลอดเวลา

.เมื่อไม่สามารถ
ทำตาม..ความอยากได้
“ ก็เกิดความทุกข์ขึ้นมา “.
……………………………………….
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
กำลังใจ ๒๖ กัณฑ์ที่ ๒๕๒
๒๔ กันยายน ๒๕๔๙







#ทุกอย่างในโลกนี้มันจริงอยู่แล้ว

"เริ่มต้นที่เราจะเห็นความจริงได้นั้นน่ะ เราต้องมีสัมมาทิฐิ คือปราศจากอคติ ไม่ลำเอียงเพราะรัก ไม่ลำเอียงเพราะกลัว ไม่ลำเอียงเพราะหลง ไม่ลำเอียงเพราะความโง่เขลา เปิดใจในการเรียนรู้ เปิดใจในการศึกษา ความกระจ่างแจ้งที่ตรงต่อความจริงก็จะปรากฏขึ้น

ทุกอย่างบนโลกนี้มันจริงอยู่แล้ว ไม่ได้จริงในตำรานะ ในตำราไม่ได้จริงทั้งหมด ในตำราเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่ความจริงที่บริสุทธิ์มันจริงอยู่แล้ว การเกิดจริงอยู่แล้ว ภพต่างๆจริงอยู่แล้ว แสงสว่างจริงอยู่แล้ว ความมืดจริงอยู่แล้ว ความดีจริงอยู่แล้ว ความชั่วมันจริงอยู่แล้ว

เราจะเห็นก็ตามหรือไม่เห็นก็ตาม เราจะรู้ก็ตามหรือไม่รู้ก็ตามหรือไม่รู้ก็ตาม ความจริงก็หมุนไปตามความจริง ตรงนี้ท่านเรียกว่า ความจริงของความจริง

ความจริงคือการเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลงไป และความดับ หรือพวกเรารู้จักกันในชื่อของ "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"

คือการเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลง ความทนอยู่ไม่ได้ แล้วก็สู่ความดับสิ้นไป ตรงนี้ท่านเรียกว่า"ความจริง"

คนที่เข้าถึงความจริงก็จะประจักษ์กับตัวเองนั่นแหละ ว่าไม่มีสิ่งไหนเลยที่เราจะวางใจลงได้จริง มันไม่แน่ มันเปลี่ยนแปลงไปอยู่เรื่อยๆ

ถ้าเราเห็นข้างนอกเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆเนี่ย เราจะเรียกสิ่งนั้นว่า อนิจจลักษณะ การเปลี่ยนแปลงของโลก เมื่อก่อนปั่นจักรยาน เดี๋ยวนี้ขี่มอเตอร์ไซค์ ขับรถยนต์ เดี๋ยวนี้ขี่เครื่องบิน การเปลี่ยนแปลงของโลกในแต่ละยุค มันเปลี่ยนแปลงไปโดยตลอด จากบ้านนั้นที่เคยอยู่ก็ย้ายไปบ้านนี้

การเปลี่ยนแปลงท่านเรียกว่า #อนิจจัง คือสิ่งนั้นมันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด

#ทุกขัง คือความทนอยู่อย่างเดิมไม่ได้ มันจะต้องบีบคั้นให้เปลี่ยนแปลง จะตั้งอยู่อย่างเดิมไม่ได้ ทุกขัง บีบคั้นให้เปลี่ยนแปลง

#อนัตตา คือความไม่ใช่ตัวตนของตนจริงๆ ความไม่ใช่ตัวตนของตนจริงๆ เราก็จะเห็นตัวเองนี่แหละ ท่านเรียกว่า สักกายทิฐิ

เราจะเห็นว่าร่างกายของเราเนี่ย มันเสื่อมได้ แขนนี้มันขาดออกไปได้ ร่างกายเนี่ยตายได้ เห็นความจริงของร่างกายนี้ แล้วก็เห็นธาตุทั้งสี่ที่ประชุมกันอยู่

แล้วก็จะไปเห็นตัวบงการอยู่ภายในใจ เรียกว่าทิฏฐิ หรือเรียกว่าความเห็นนั่นเอง

ความเห็นที่มันคอยบอกเรา อย่างนั้นอย่างนี้ ให้เราเชื่อทำตามความคิด เราก็เชื่อมันมาตั้งนานแล้ว เหมือนว่ามันจะหวังดีต่อเรา แต่ผลกับสิ่งที่เราเชื่อความคิดของตัวเองมานมนานนั้นน่ะ มันก็ขังเราไว้อยู่ในทุกข์

คนที่ลอยความเชื่อของตัวเองออกไปแล้ว จึงพร้อมที่จะเรียนศึกษา สัจธรรมคือความจริง โดยเฉพาะผู้ที่กล่าวคำสัตย์ กล่าวความจริง จะมีความซื่อตรง มันไม่ได้สมองคิดเลย มันจะตรงลงไปถึงจิตใจเราเลย แทงลงไปปักไปลงที่ใจของเราเลย ลงใจ ลงใจ ความจริงมันจริงอยู่แล้ว สิ่งนี้

#พระอาจารย์ตะวัน_ปัญญาวัฒฑโก
#สำนักสงฆ์ถ้ำแจ้ง_จังหวัดลำปาง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 220 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร