วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 22:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2023, 08:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าคนมันถึง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ฝากเป็นฝากตายแล้วมันบ่ไปใสแล่ว
ผู้ใดว่าหยังให้กะเฉยๆคือกันกับคนมีเงินพันล้านในกระเป๋า เดินตามทางคนว่าให้กะเฉยๆ
เพราะใจมันเป็นสุขคิดถึงเงินในกระเป๋าเจ้าของ

เปรียบคือกันกับคนที่มีสรณะเป็นที่พึ่งในใจ
มันกะคือกันนั่นละ แต่มันถึงยากเด้ละ
ขนาดพระเทวทัตมีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศได้
ยังบ่ถึงสรณะไหลลงอเวจียังบ่ไดัไปผุดไปเกิดอยู่จนถึงปัจจุบัน ในประเทศไทยร้อยคนสิมีพอสามคนบ่ที่ถึงสรณะ เกิดเป็นคนนั้นประเสริฐแล้ว
เป็นแก้วสารพัดนึก นึกดีกะได้ดี

พระคือกันอยู่วัดบ่เคยภาวนาจักเทื่อไปหาสร้างเหรียญมาแล้วทำท่าไปปลุกเสกเหรียญให้ขลัง
คือบ่ปลุกเสกเจ้าของนั้นให้มันดี.

โอวาทธรรม
หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร
วัดถ้ำสหาย จ.อุดรธานี






ชีวิตประจำวันเหมือนทะเลปั่นป่วนมีคลื่นใหญ่ อย่าไปคิดว่าจะรอให้คลื่นหมดจึงจะปฏิบัติ มันไม่หมดหรอก เป็นธรรมชาติของทะเลที่จะเป็นอย่างนั้น ผู้มีเรือดีๆ ชีวิตย่อมไม่ล่ม

นักปราชญ์จึงตั้งอกตั้งใจระงับสิ่งที่ไม่ดีไม่งามที่เกิดขึ้น แล้วป้องกันสิ่งที่ไม่ดีไม่งามที่ยังไม่เกิด ไม่ให้เกิดขึ้น เพียรสร้างสิ่งที่ดีงามให้เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วก็พยายามสนับสนุนบำรุงเลี้ยงให้เจริญงอกงาม ทำให้ดีที่สุดแล้วปล่อยวาง ผลเป็นเรื่องของธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องของเรา

พระอาจารย์ชยสาโร






"... หลักใหญ่สำคัญที่ใจ
... คนเรามีใจเป็นประธาน
... ถ้าใจดีแล้ว
... ทุกอย่างก็จะดีตามด้วย ..."

#หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี






#บารมีคนมีมากน้อยต่างกัน#

บารมีคนเราก็ต่างกันนะ ต้องสร้างบารมี
ไม่ใช่ไปอยากร่ำรวยเหมือนเขา
แต่ไม่ได้สร้างทานไว้
เราต้องสร้างทานศีลไว้ก่อน
แล้วบารมีจะได้ค่อยเพิ่มพูน

ยกตัวอย่าง หลวงปู่ชอบสมัยที่
เราติดตามหลวงปู่ชอบ ออกธุดงธ์
เราฉันลูกหว้า มีรสเปรี้ยว
ส่วนหลวงปู่ชอบฉันแล้ว ลูกหว้ากลับมีรสหวาน
อย่างน่าอัศจรรย์
เห็นไหมบารมีคนเราต่างกันนะ
ก็เทวดาละสิทำให้หวาน
ส่วนเรากินแล้ว มันเปรี้ยวนะ
เพราะบารมียังไม่ถึงท่าน
หรือจะเป็น เพราะเทวดา นะ
เห็นไหมบารมีหลวงปู่ชอบ.

โอวาทธรรม
หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร
วัดถ้ำสหาย อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี





คำสอนที่พระอาจารย์มั่นเน้นที่สุด ในครั้งนั้น...
คือเรื่องสักขีภูโต คือ การเอาตัวเป็นพยานของตัว และอีกเรื่องหนึ่งที่ประทับใจท่านมาก
คือ ความแตกต่างระหว่างตัวจิต
และอาการต่างๆ ของจิต

พูดถึงอาการทั้งหลายเหล่านี้
ท่านพระอาจารย์มั่นท่านบอกว่า...เป็นอาการ
เราไม่รู้อาการทั้งหลาย ก็นึกว่า...
เป็นความจริงทั้งหมด
นึกว่าจิตเราทั้งหมด
แต่มันเป็นอาการทั้งนั้น

พอท่านบอกว่า...เป็นอาการ เราสว่างเลยทีเดียว

อย่างความดีใจอย่างนี้ มันก็มีอยู่ในใจ
แต่ว่า...มันเป็นอาการ
มันคนละอย่างคนละชั้นกัน อยู่กับตัวจิต
ถ้าความเป็นจริงรู้แล้ว...
มันก็เลิก
มันก็วาง
เป็นสมมุติแล้วมันก็เป็นวิมุตติ มันเป็นอยู่อย่างนี้

คน...บางคนก็เอามารวมกันทั้งหมด เป็นตัวจิตเสีย
ความเป็นจริง...มันเป็นอาการ กับผู้รู้ติดต่อกันอยู่

ถ้าเรารู้จักอันนี้แล้ว ก็เรียกว่า...มันไม่มีอะไรมาก.

โอวาทธรรม
หลวงพ่อชา สุภัทโท






"กรรมหนัก หรือกรรมที่ทำบ่อยๆ
ให้ผลก่อนกรรมที่เบากว่า หรือที่ทำไม่บ่อยนัก

คนเรานั้น ทำมาทั้งกรรมดี และกรรมชั่ว
จึงมีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง สลับกันไป
ผู้ที่มีสุขมาก ก็เพราะกรรมหนัก
หรือกรรมที่ทำบ่อยๆ ฝ่ายดีกำลังให้ผล
ผู้ที่มีทุกข์มาก ก็ตรงกันข้าม

และในปัจจุบันนี้ ใครก็ตาม
มีความไม่ประมาท ประกอบกรรมที่ดี
อย่างหนัก หรือบ่อยๆ กรรมดังกล่าวนี้
จะสนองผลให้ก่อนกรรมชั่วในอดีต
หากได้ทำไว้ ถ้าเบากว่า ก็ไม่มีโอกาสให้ผล

ฉะนั้น ผู้ที่ทำกรรมดีมาก อยู่เสมอๆ
จึงไม่ต้องกลัวกรรมชั่วในอดีต
หากจะมีกุศลของตัวจะชูช่วย
ให้มีความสุข ความเจริญสืบไป"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 40 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร