วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2023, 05:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


เวทนา คือ ความรู้สุข รู้ทุกข์ และไม่สุข ไม่ทุกข์
สัญญา คือ ความจำได้หมายรู้ในอายตนะทั้งหลายที่มากระทบแล้ว รู้สึกแล้ว
สังขาร คือ ความไหลเวียน ปรุงเปลี่ยนไม่หยุดอยู่ของนามธาตุนั้น
วิญญาณ คือ ความรู้สึกได้

รวมเป็น 4 อย่างด้วยกัน เรียกว่า "นามขันธ์"
เมื่อรวมเข้ากับธาตุ 4 คือ "รูปขันธ์" ด้วยแล้ว
จึงเป็น "ขันธ์ 5"
รวมย่อแล้วเรียกว่า "กายกับใจ"
นี้เป็นสิ่งที่ไม่ยืนยงคงที่ ไม่เที่ยงแท้แน่นอนอะไรเลย.

โอวาทธรรม
หลวงปู่กินรี จันทิโย
วัดกัณตะศิลาวาส อ.ธาตุพนม จ.นครพนม






"เสียงมากระทบหู
ก็ปล่อยให้มันคืนบ้านไปซะ

กลิ่นมันมากระทบจมูก
ก็ปล่อยมันไปตามเรื่องมันซะ

รสที่มากระทบลิ้น
ก็ปล่อยให้มันไปซะ

อะไรที่มากระทบโผฏฐัพพะ
ก็ปล่อยให้มันไปซะ

อารมณ์ที่เกิดกับใจ
ก็ปล่อยให้มันไปซะ

มันก็หมดเท่านั้นแหละ
เราก็เป็นอิสระ เท่านั้นแหละ"

หลวงปู่ชา สุภัทโท







บุญสำเร็จด้วยจิตเจตนา
บุญนั้น ผู้ถวายได้ถวายได้แล้ว สำเร็จแล้ว
ตั้งแต่ตั้งใจ หรือเจตนาในครั้งแรก ตลอดจนนำมาถวายสำเร็จ
ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรอีก เพียงแต่ตั้งเจตนาดี
เป็นกุศลหวังผล คือ ความสุข การพ้นจากความทุกข์ทั้งปวงเท่านี้ ก็พอแล้ว
นั่นมันเป็นพิธีการ หรือกฏเกณฑ์อย่างหนึ่งของเขา ไม่ต้องเอาอะไรทุกขั้นทุกตอนดอก

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต






..อาหารของจิตใจก็คือบุญกุศล และความดีที่ตนเองได้สร้างเอาไว้นั่นเอง ก็เรียกว่าอาหารใจ ใจได้มีความสุขได้กินอาหารดี ใจก็มีความแช่มชื่นเบิกบาน
..อันนี้แหละเป็นคุณงามความดีที่ทุกคนทุกท่านสาธุชนทั้งหลาย ที่จะได้รับเป็นผลบุญของตนเอง ให้มั่นใจอบอุ่นใจเอาไว้..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก หลวงปู่เปลี่ยน จ.เชียงใหม่





รู้อริยสัจจ์ ๔ คือ รู้ทุกข์ รู้เหตุให้เกิดทุกข์
รู้ความดับทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงซึ่งความดับทุกข์.
ผู้ใดเห็นพระอริยสัจจธรรม
ก็แปลว่า ผู้นั้นถึงพระธรรม.
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นก็ได้เห็นพระพุทธะ.
ตัวผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ได้เห็นพุทธะ
ได้เห็นพระธรรม นั้นแลชื่อว่า พระสงฆ์.
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จึงอยู่ร่วมเป็นอันเดียว.

โอวาทธรรม
หลวงปู่บัวพา ปัญญาภาโส
วัดป่าพระสถิตย์ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย






“เราทั้งหลาย ควรพิจารณาเนืองๆ ทุกวันว่า
เรามีกรรมเป็นของตนเอง และอย่าได้ประมาท
เรื่องของกรรม

เราทำกรรมอย่างใดไว้ ใครไม่รู้ไม่เห็น
ก็ว่าจะไม่ได้รับผลของกรรมนั้น อย่าได้เข้าใจ
อย่างนั้นเป็นเด็ดขาด การทำบาป หรือการทำบุญ
จะทำในที่ลับ หรือในที่แจ้ง หรือใครไม่รู้ ไม่เห็น
ก็ตัวของเรา ใจของเรารู้เห็นเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็กล่าวไว้ว่าที่ลับไม่มีในโลกนี้
แม้ว่าจะลับตาลับหูคนอื่น แต่เราก็รู้ เราก็เห็น
คนเดียว เรื่องของกรรมมันเป็นอย่างนี้...”

ครูบาเจ้าพรหมมา พรหมจักโก






“เมื่อถึงเวลาสุดท้าย
ทุกคนจำเป็นต้องวาง เอาไปไม่ได้
แต่เราก็วางไว้ก่อนจะไม่ดีกว่าหรือ?
“แบกไว้ก็หนัก”
.
หลวงพ่อชา สุภัทโท





บุคคลใดก็ตาม จะเป็นพระก็ตาม ฆราวาสก็ตาม
สามารถทำจิตให้ว่างจากกิเลส วันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง
วันหนึ่งเดี๋ยวเดียว ขณะจิตนิดเดียว ทำอย่างนี้ได้ทุกๆวัน
มีอานิสงส์มากกว่าพระที่บวชเข้ามาในพระพุทธศาสนา
หนึ่งร้อยปี รักษาศีลบริสุทธิ์ทุกสิกขาบท

หลวงพ่อฤาษีลิงดํา วัดท่าซุง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 30 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร