วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 13:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2023, 05:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“ รีบปฏิบัติรีบศึกษา “

…วันเวลาผ่านไปตามลำดับ
เหมือนกระแสน้ำที่ไหลไปแล้วไม่ย้อนกลับ
เวลาของชีวิตก็เช่นเดียวกัน
ผ่านไปแล้วก็หมดไป
ทำให้เวลาที่เหลืออยู่มีน้อยลงไป

…“ ประโยชน์ที่จะได้รับจาก การศึกษา
การปฏิบัติธรรม ก็จะมีน้อยลงไป “

…กำลังวังชาของร่างกายก็จะอ่อนลงไป
เป็นสิ่งที่ควรพิจารณากันอยู่เนืองๆ
เพื่อจะได้ไม่ประมาท จะได้รีบปฏิบัติ
รีบศึกษา ก่อนที่..

“ เวลาและกำลังวังชาจะหมดไป .”

……………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๒๗ กัณฑ์ที่ ๔๒๘
๑๑ กันยายน ๒๕๕๔





"เรารักตัวเรา คนอื่นก็รักตัวเขา
เราไม่อยากให้ใคร ทำเช่นไรกับเรา
คนอื่นก็ไม่อยากให้เรา ทำเช่นนั้นกับเขา

เราอยากให้คนอื่น ทำดีกับเราอย่างไร
คนอื่นก็อยากให้เรา ทำดีกับเขาอย่างนั้น

ขอให้พยายามคิดถึงความจริงนี้ ให้บ่อยที่สุด
เท่าที่จะมีสตินึกได้ จะเป็นคุณแก่ตนเองอย่างยิ่ง"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ






"งามร่างกายนี้ ยังไงๆ ก็ต้องแก่
แต่งามในศีลนี้ ชาตินี้ ก็งาม
ชาติหน้า ก็งาม"

หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร






#หลวงปู่มั่นแสดงธรรมในวันมาฆบูชา

เครื่องประกอบความเพียร มีสติปัญญาเป็นสำคัญ
อยู่ที่ไหนอย่าให้เผลอสติ ให้มีปัญญาเสมอ
อย่าสะทกสะท้าน อย่าหวั่นไหว อย่ากลัวว่าจะไม่ได้ ไม่ถึง
นอกไปจากกลัวจะเผลอสติ กลัวจะไม่มีปัญญา
นี่แหละคือเครื่องมือขุดค้นธรรม เพื่อความรู้แจ้งแทงตลอด
ในขณะเดียวกันก็เป็นเครื่องมือถอดถอนกิเลสทุกประเภทออกให้หมด

(เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๑๙
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้ถ่ายทอดพระธรรมเทศนาของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่แสดงธรรมในวันมาฆบูชา)






.
ถวายวิหารทาน ๑๐๐ ครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ธรรมทานเพียงครั้งเดียว

การให้ธรรมทาน ๑๐๐ ครั้ง ยังได้บุญน้อยกว่าการให้อภัยทานเพียงครั้งเดียว

การให้อภัยทาน คือ การไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาทคิดร้ายผู้อื่น

อย่างไรก็ตาม การทำทานตามลำดับที่กล่าวมาทั้งหมด ผลบุญที่ได้นั้นก็ยังต่ำกว่า “ศีล” ไม่ว่าจะเป็นศีลห้า ศีลแปด หรือศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ด ซึ่งมีอานิสงส์เพิ่มยิ่งขึ้นไปตามประเภทของศีลที่รักษา

แต่ศีลนั้นแม้จะมีอานิสงส์มากมายเพียงไร ก็ยังได้บุญน้อยกว่า “การภาวนา”

เพราะว่าการภาวนานั้นเป็นการรักษาจิตใจ เป็นการซักฟอกให้จิตสะอาด เบาบางหมดจดจากกิเลส คือ ความโลภ โกรธ หลง อันเป็นเครื่องร้อยรัดให้สรรพสัตว์ทั้งหลายต้องเวียนวนอยู่ในสังสารวัฏ

การภาวนาจึงเป็นการบำเพ็ญบุญบารมีขั้นสูงสุด ประเสริฐที่สุดในทางพระพุทธศาสนา จัดเป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา

คำสอนหลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย
วัดเขาสุกิม จ.จันทบุรี






"งามร่างกายนี้
ยังไงๆ ก็ต้องแก่
แต่งามในศีลนี้
ชาตินี้ ก็งาม
ชาติหน้า ก็งาม"

หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 28 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร