วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 18:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2023, 05:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"..มนุษย์เรานี้ก็เหมือนกัน ธรรมที่เราเรียนมา ธรรมะที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ ถึงจะศึกษาธรรมะเท่าไรก็ตามทีเถิด ถ้าไม่ประพฤติปฏิบัติแล้วก็ไม่เห็น ไม่เห็นแล้วก็ไม่รู้ ไม่รู้ก็ไม่รู้จักข้อปฏิบัติ อย่าพึงว่าเราเรียนมาก เรารู้มากแล้วเราจะเห็นธรรมะของพระพุทธเจ้า ก็เหมือนเรามีตา อย่างนี้ก็นึกว่าเราเห็นทุกอย่าง เพราะว่าเรามองไปแล้ว หรือจะนึกว่าเราได้ยินแล้วทุกอย่าง เพราะเรามีหูอยู่แล้ว มันเห็นไม่ถึงที่สุดของมัน มันก็เป็นตานอกไป ท่านไม่จัดว่าเป็นตาใน หูก็เรียกว่าหูนอกไม่ได้เรียกว่าหูใน มิฉะนั้นถ้าท่านพลิกสมมุติเข้าไปเห็นวิมุตติ แล้วก็เป็นของจริง เห็นชัด ถอนทันที มันจึงถอนสมมุติออก ถอนความยึดมั่นถือมั่นออก ถอนทุกสิ่งทุกอย่าง.."

พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี






.
1. ให้รักษาศีลข้อเดียว คือ รักษาใจให้ปกติ

2. อย่าส่งจิตออกนอก คือ อย่าส่งออกไปปรุงแต่งเรื่องคนโน้น คนนี้ หรือเรื่องภายนอก ถึงไปอยู่ที่ไหนก็ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายได้ ถ้าเราไม่ส่งจิตออกนอก

3. อยู่กับผู้รู้เสมอๆ ไปอยู่ป่าเขามันว้าเหว่ ก็ให้รู้ให้ดูว่า ใครมันว้าเหว่ จะกวาดลาน ถูพื้น อาบน้ำ ทำทุกอย่างให้อยู่กับผู้รู้ แม้แต่คิดก็ให้ดูว่า ใครเป็นผู้รู้ ผู้คิด แม้แต่ปวดหัว ก็เอาไว้ดูว่าใครเป็นผู้ปวด

4. หาใจให้เจอ ใจคือความเป็นกลาง ไม่เอนเอียงไปทาง ชอบ-ชัง ถูก-ผิด ดี-ชั่ว เจอใจที่เป็นกลาง ศาสนาพุทธจบลงเท่านี้

ท่านอมยิ้มแล้วถามว่า “เป็นไง สอนเหมือนคนอื่นสอนไหม”

คำสอนของหลวงปู่เทสก์ 4 ข้อนี้ จำขึ้นใจและปฏิบัติมา 20 กว่าปี เหมือนตำพริกไทยด้วยครกหิน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตามดู ตามรู้ หลงบ้าง รู้บ้าง ไม่รู้บ้าง

ทุกครั้งที่กระทบกับปัญหาอันไม่คาดคิด ก็จะระลึกถึงคำสอนของหลวงปู่เสมอ อยู่กับผู้รู้เสมอๆ ไม่ส่งจิตออกนอก

คำสอนหลวงปู่ เทสก์ เทสรังสี
วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย







....#ให้ผลการปฏิบัติธรรมก้าวหน้ายิ่งขึ้น #ต้องปฏิบัติตนอย่างไร...

#ถาม ถ้าหากเราต้องการให้ผลของการปฏิบัติธรรมก้าวหน้ายิ่งขึ้น
เราต้องมีการปฏิบัติตนอย่างไร

:: #ตอบ ก็ต้องมีความเพียรอยู่ตลอด
คือ ต้องมีอิทธิบาท ๔ เป็นหลักอยู่ตลอด

๑. มีฉันทะ ความพอใจอยากปฏิบัติอยู่

๒. มีวิริยะ เดินจงกรมนั่งภาวนาอยู่
มีความเพียรในการปฏิบัติ ไม่ได้ปล่อยปละละเลยในหน้าที่ของตน

๓. จิตตะ เอาใจฝักใฝ่
ตื่นขึ้นมาก็กราบระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
เสร็จแล้วก็นั่งสมาธิ การไหว้พระสวดมนต์อะไร เราไม่ขาด
กิจวัตรของตนเอง สีฟันอยู่ก็นึกว่าเราจะปฏิบัติ

เราจะเดินจงกรม เราจะนั่งภาวนา เราจะรักษาศีล
เราจะปฏิบัติตนเองให้ดีอยู่อย่างนั้นแหละ เรียกว่า จิตตะเอาใจฝักใฝ่
ไม่ปล่อยปละละเลยกิจการงานของตน
ไม่มัวแต่คุยกันในอันที่จะทำให้เสียกาลเสียเวลา

๔. วิมังสา ตรึกตรองดูเหตุผลในการปฏิบัติของตนถูกต้อง ก็จะได้สำเร็จมีความสุข

เมื่อมาปฏิบัติต้องตั้งใจปฏิบัติจริง ๆ พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ว่า
วิริ เย ทุกขมัจเจติ คนจะก้าวล่วงทุกข์ไปได้เพราะความพากเพียร
เพราะประโยคความพยายามของคนที่จะเดินทางไปเมืองโน้น
เขาจะมีความตั้งใจที่ก้าวขาไปเรื่อย ๆ ตลอด

เหมือนกับคนที่มีความเพียร เขาจะไม่หยุดอยู่ เราจะไปเรื่อย ๆ เรียกว่าคนมีความเพียร
คนไหนไปยืนอยู่ คนนั้นถึงที่หมาย ก็คือคนขี้เกียจ ไม่ทำ นั่งภาวนาก็ไม่นั่ง
ไหว้พระสวดมนต์ก็ไม่เอา มีแต่นอนแบกหมอนอยู่นั่นแหละ
แล้วอย่างนี้มันจะไปถึงไหน ก็ถึงเข้าฌานลึกหลับ ๆ แล้วก็ฝัน

ฝันไปโน้นฝันไปนี้อยู่ แบบนี้มันก็ไม่ถึงไหนแหละ
ก็เหมือนคนที่เดินทางไปบ้านโน้นเมืองนี้
แล้วไปเห็นเขาฉายหนังอยู่กลางทาง ก็ไม่ไปต่อ ยืนดูหนังอยู่ที่นั่นแหละ
นี่คนที่เดินทางไม่ถึงที่ ๆ จะไป คนที่ไม่มีความเพียร
เห็นคนเล่นดนตรี ร้องเพลง ก็ไปยืนดูเฝ้าอยู่นั่นแหละ

ก็เลยเดินทางไปไม่ถึงเมืองนั้นสักที เพราะอุปสรรคที่เกิดในระหว่างทางมีหลายอย่าง
มีหมอลำซึ่งก็เป็นอุปสรรคหนึ่ง จะไปเมืองข้างหน้าก็ไปไม่ถึง
จะมาเมืองเหนือก็มาติดซออยู่กลางทางไปไม่ได้ ไปยืนฟังซออยู่กับเขา
เดี๋ยวเขาไปเล่นดนตรี ก็ไปติดดนตรีกับเขา เขาฉายหนังอยู่ก็ไปติดหนัง
ก็เลยทำให้ไม่ถึงบ้านหรือหมู่บ้านนั้น เพราะมันมืดเสียก่อน

นี่คนที่ไม่ทำความเพียร ไม่ก้าวขาเดิน
แต่อีกคนเขาไม่สนใจ เขาก้าวขาเดินไปเรื่อย ๆ
เขาก็จะไปถึงหมู่บ้านที่จะไป เขาก็มีความสุขเมื่อเขาไปถึงแล้ว
เขาเดินไม่หยุด เดินไปเรื่อย ๆ ไม่ติดหนัง ลิเก ละคร
เขามองแล้วเขาก็ไปเรื่อย ๆ คนนี้ต้องการที่จะไปจุดหนึ่งที่มันสบาย ๆ
ไปนอนหลับสบายอยู่ที่โน้น ก็คือ การพ้นทุกข์

การทำความเพียรของเขาก็แก่กล้าขึ้นไปเรื่อย ๆ
เหมือนเราเป็นนักเรียน เราตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ไม่ได้ทิ้งการศึกษาเล่าเรียน
ตื่นขึ้นมาล้างหน้าสีฟันอยู่ เราจะไปศึกษาเล่าเรียนหาวิชาความรู้
เตือนจิตใจของตนเองอยู่ตลอด
มีความเพียรอ่านหนังสืออยู่ ไม่ปล่อยปละละเลย ในการดูหนังสือ

กลับมาบ้าน มีการบ้านอะไรก็ทำ ไม่ต้องไปเมาอยู่กับโทรทัศน์กับละคร
ทำกิจการงานเจ้าของให้มันเสร็จ ๆ ก็อ่านหนังสือ
พรุ่งนี้จะไปเรียน หรือจะมีการสอบ เขาก็ตั้งใจ เขามีความเพียร
ฉันทะ มีความพอใจในการศึกษาเล่าเรียนอยู่แล้ว
วิริยะ ดูหนังสืออยู่แล้ว เพียรไปโรงเรียนอยู่ไม่ขาด จิตตะ เอาใจฝักใฝ่

กำลังล้างหน้าสีฟันอยู่ก็เตือนตัวเอง ว่าเราไม่ใช่มาเล่นนะ
เรามาศึกษาหาปัญญาวิชาความรู้ เพื่อที่จะไปเลี้ยงดูตนเองให้มีความสุขนะ
ตัวนี้เป็นจิตตะ เอาใจฝักใฝ่ในหน้าที่การงานของตน
ก็เลยไม่โดดร่มไปไหน คนนั้นก็จะเรียนจบ เพราะเขาไม่ไปเที่ยว
เขามีความขยันหมั่นเพียร เขาก็เลยเรียนจบ
ตรึกตรองมีเหตุผลแล้ว เมื่อสำเร็จการศึกษา มีงานทำ มีความสุข มีเงินเดือนใช้

ที่มา...ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ

พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก (บ้านปง)
ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๕๐


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 40 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร