บริจาคเงิน เป็นร้อยล้าน พันล้าน
แต่ถ้ายังทำผิดศีล ผิดธรรมอยู่
เวลาตายไป ก็จะไม่ได้กลับมา
เกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทพ เป็นพรหม
แต่จะไปเกิดเป็น สัตว์เดรัจฉาน
เป็นเปรต เป็นอสุรกาย ไปตกนรก
ต่างกับคนที่รักษาศีล
แต่ไม่ได้ทำบุญเลยแม้แต่บาทเดียว
อย่างน้อยก็จะได้กลับมาเกิด
เป็นมนุษย์ เป็นเทพ เป็นพรหม

โอวาทธรรม หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร จ.ชลบุรี
กำลังใจ ๒๙ วันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๐






“จะเอาสุขทางโลก ก็ได้ทุกข์มาพร้อมกัน
เช่น คิดว่าสามี ภรรยา เป็นความสุข
ก็ได้รับทุกข์เพราะสามี ภรรยา นั่นแหละ

อยากได้ลูก มีความสุขที่ได้ลูกหญิงลูกชาย
แต่ก็ได้รับทุกข์ เพราะลูกนั่นแหละ

จะเอาความรัก ก็ได้ความชังมาพร้อม
จะเอาอย่างเดียวไม่ได้ อยากได้หนึ่งแต่ได้สอง
เป็นกฎธรรมชาติอย่างนั้น

หลวงปู่คำดี ปภาโส






#โยมชาวอังกฤษถามว่า : การท่อง “พุทโธ” นั้น ท่องไปเฉย ๆ หรือต้องท่องพร้อมกับหายใจเข้า-ออกด้วย?

#หลวงตาพระมหาบัว ตอบว่า : แล้วแต่เจ้าของจะชอบ ทำได้เป็น ๓ ทาง คือ

๑. เราภาวนา “พุทโธ” ๆ ๆ ๆ ถี่ ๆ จนจิตนิ่งกับพุทโธก็ได้

๒. เราท่อง “พุทโธ” ตามลมหายใจเข้า หายใจออกก็ได้

๓. เราจะภาวนา “พุท” พร้อมกับลมหายใจเข้า “โธ” พร้อมกับลมหายใจออกก็ได้

สำคัญอยู่ที่สติให้รู้อยู่กับงานที่ท่านตั้งให้จิตทำ และไม่ต้องคาดจะเอาผลในขณะที่ทำ เมื่อสติกับงานสืบต่อกัน ผลจะเกิดขึ้นเอง โดยลำดับของการทำภาวนา

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ตอบคำถามชาวอังกฤษ เมื่อครั้งเดินทางไปประเทศอังกฤษ

#วัดป่าบ้านตาดวัดเกษรศีลคุณ
#หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน






#ได้ดีเพราะความไม่ดี

"...หลวงพ่อได้ดีเพราะความเจ็บป่วย กับคนครหา
นินทา คนด่า ถ้ามีคนครหานินทาล่ะ...เอาแล้ว ทิฏฐิ
มานะนี่มันขึ้น แต่มันไม่ไปต่อต้านหรือไปต่อสู้นะ เออ!
เขาว่าเราไม่ดี เราจะต้องเอาดีให้ได้ เพราะฉะนั้นโบราณ
จึงพูดเป็นคำพังเพยไว้ว่า อุปสรรคคือการต่อสู้ ศัตรูคือ
ยากำลัง ความเจ็บป่วยคืออุปสรรคที่สำคัญที่สุดของ
ชีวิต ในเมื่อเราต่อสู้กับความเจ็บป่วยอันเป็นอุปสรรค
เรามีสติสัมปชัญญะกำหนดรู้จดจ่ออยู่ตลอดเวลา
สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นสุข เราไม่ต้องไปนึกคิด
พิจารณาให้มันลำบากใจ เพราะความจริงมันปรากฏ
กับเราอยู่แล้วทุกลมหายใจทุกขณะจิต เรากำหนดจิต
ดูมันเท่านั้น สุขก็รู้ ทุกข์ก็รู้ ไม่สุขไม่ทุกข์ก็รู้ ความโศก
เศร้าความโทมนัสน้อยใจหรือความน้อยเนื้อต่ำใจอะไร
ที่มีอยู่ในใจเราเราก็รู้เมื่อเรามีสติ อ่านลงไปซิ คัมภีร์พระ
ไตรปิฎกมันอยู่ในใจหมด..."

#ที่มา หนังสือ ฐานิยตฺเถรวตฺถุ หน้า ๑๔๑
พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)







"...การฝึกหัดจิต ให้มีสติ ทุกเมื่อ
ส่วนการสำรวมระวังใจถ้าอยู่เฉย ๆ ใจไม่มีเครื่องอยู่ ให้เอาคำบริกรรม อันใดอันหนึ่งมาเป็นเครื่องอยู่ มาเป็นหลักผูกใจ
เช่น พุทโธอานาปานสติ ตามลมหายใจเข้า-ออก
ยุบหนอ พองหนอ หรือสัมมาอรหัง ก็ได้
เอาอันนั้น...มาเป็นเครื่องอยู่เสียก่อน นึกคิดอยู่
เสมอ ๆ จนเป็นอารมณ์

มีสติควบคุมจิต อยู่...ตรงนั้นแหละ
จิต อยู่ที่ใด ให้เอาสติ ไปตั้งไว้ในที่นั่น
จึงเรียกว่า ควบคุมจิต รักษาจิต

ที่จะห้ามไม่ให้คิด ไม่ให้นึกนั้น ห้ามไม่ได้เด็ดขาด
ธรรมดาของจิต มันต้องมีคิด มีนึกแต่หากมีสติ
ควบคุมจิต อยู่เสมอ คิดนึกอะไร ก็รู้ตัวอยู่ทุกขณะ เรียกว่าบริกรรมภาวนา

การบริกรรมภาวนานี้มิใช่ของเลว
คนบางคนเข้าใจว่า เป็นของเลว
เป็นเบื้องต้น ที่จริง ไม่ใช่เบื้องต้น
ธรรม ไม่มีเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุดหรอก
ธรรมะ อันเดียวกันนั่นแหละถ้าหากสติอ่อนเมื่อไร
ก็เป็นเบื้องต้นเมื่อนั้น สติแก่กล้า เมื่อไร
ก็เป็นท่ามกลาง และที่สุดเมื่อนั้น
คือหมายความว่า สติคุมจิต อยู่ทุกขณะจนกระทั่ง
เป็นมหาสติปัฏฐานจะยืน เดิน นั่ง นอน ในอิริยาบถใดๆ ทั้งหมด มีสติรอบตัว อยู่เสมอ
โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ให้มีสติ แต่มันเป็นของมันเอง

สติ ควบคุมจิตไปในตัว เมื่อมีสติเช่นนั้น
มันก็ไม่เกี่ยวข้องพัวพันกัน กับสิ่งต่าง ๆ
เมื่อตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง ลิ้นลิ้มรสต่าง ๆ
กายได้สัมผัส มันก็เป็นสักแต่ว่า สัมผัส แล้วก็...
หายไป ๆไม่ได้ เอามาเป็นอารมณ์ไม่เอามาคำนึงถึงใจ อันนั้นเป็นมหาสติแท้ ทีเดียว..."

หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง.






#พุทโธโชคดีสวัสดียามเช้า

คนทำผิดศีล ผีมันชอบ
ชอบมาเกาะให้เจ็บป่วย
แต่ถ้าเป็นคนที่มีศีลมีภาวนา
ผีมันกลัว มันไม่กล้ามายุ่ง
เพราะฉะนั้น ทำอะไรให้มีสัจจะ
ทำจริงพูดจริง
มีศีลจริง มีภาวนาจริง
ชีวิตชาตินี้ ก็จะเจริญจริง

โอวาทธรรม หลวงปู่ไม อินทสิริ






#ศีล๕สมบูรณ์บริบูรณ์ก็สามารถทรงมรรคทรงผลได้

“...จิตมันก็เลยรวมแล้วรวมเล่า รวมแล้วรวมเล่าตั้งแต่เป็นฆราวาสโน่นเราเลยว่างั้น เพราะว่าอำนาจศีลเป็นมหาเหตุใหญ่ ศีล ๕ ก็ตาม ศีล ๘ ก็ตาม ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ข้อ นี่ขอให้ลูกหลานเข้าใจนะ ถ้าไม่มีศีลทำยังไงก็ไม่ไปนะ หรือว่าใครทำไปได้เราก็ไม่เข้าไปก้าวก่ายนะ แต่นี่เราไม่ไป แต่เราไม่เชื่อนะว่าถ้าศีลด่างพร้อยแล้วจะสามารถทำ
จิตภาวนาได้ แม้แต่ฤๅษีนั่นที่เหาะเหินเดินฟ้าได้ ศีลด่างพร้อยมาเสพกามกับพระมเหสีของพระมหากษัตริย์ถ้าจำไม่ผิดนะในพระสูตรนั่นเราศึกษานานแล้วล่ะ ฌานเลยเสื่อมเหาะเหินเดินฟ้าไม่ได้นั่นก็เพราะอำนาจศีลไม่มี เมื่อศีลด่างพร้อยจิตก็ไม่สามารถเข้าสู่สมาธิ แม้สมถะก็ไม่สามารถเข้าไปได้ถ้าศีลมันด่างพร้อย อย่างงั้นฤๅษีนั้นจึงไม่สามารถเหาะเหินเดินฟ้าได้นั่นแหละเรียกว่าฌานเสื่อมๆ เห็นหรือยังล่ะตอนนี้

เรื่องศีล ๕ ถ้ามันสมบูรณ์บริบูรณ์นี่มันก็สามารถทรงมรรคทรงผล โสดา สกิทาคา อนาคาและอรหันต์ได้ทันที อย่างงั้นพวกเทวดาในหมื่นโลกธาตุแสนโกฏิจักรวาลฟังธัมมจักกัปปวัตตนสูตรจะสามารถบรรลุมรรคผลขั้นต้นขั้นกลางขั้นสูงและสูงสุดดับพรึบเข้าสู่มหาปรินิพพาน ดับพรึบเข้าสู่ปรินิพพานเหรอนี่พวกกายทิพย์เวลาเขาทรงมรรคทรงผลทรงอรหัตผลปั๊บ ก็ดับพรึบเข้าสู่มหาปรินิพพาน จุติเคลื่อนย้าย จุติเคลื่อนย้าย ถ้าพูดถึงว่าจุติเคลื่อนย้ายนี้มันก็เป็นการจุติเคลื่อนย้ายคือก่อภพก่อชาติต่อไป ถ้าบอกว่าดับพรึบเข้าสู่มหาปรินิพพานเออ...นี่ได้ ดับวิญญาณไง
ดับวิญญาณปุ๊บเข้าสู่มหาปรินิพพาน ถ้าบอกว่าจุติเคลื่อนย้ายนี้ดับวิญญาณไม่ได้นะลูกนะ เพราะว่าเมืองพระนิพพานไม่มีคำว่าจุติเคลื่อนย้ายไปไหน เออ...ถ้าว่าดับพรึบเข้าสู่มหาปรินิพพาน อือ...อันนี้เข้าท่า เพราะว่าดับวิญญาณ ๆ พวกเทวดานี่เขาดับวิญญาณดับพรึบเข้าสู่มหาปรินิพพาน เวลาเขาสิ้นภพสิ้นชาติ อาสวะสิ้นย่อมที่จะเป็นอย่างงั้นยกเว้นโสดาบันก็ยุติเคลื่อนย้าย สกิทาคาก็จุติเคลื่อนย้าย อนาคาก็จุติเคลื่อนย้ายนั่น เวลาที่ทรงมรรคทรงผลขั้นสูงสุดดับพรึบเข้าสู่มหาปรินิพพานโน่น

ทำไมจะทำไม่ได้ถ้าพวกเราจะทำถ้าศีลบริสุทธิ์ศีลไม่ด่างพร้อยก็ทำได้ ศีล ๕ ก็บริสุทธิ์ ศีล ๘ ก็บริสุทธ์ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ข้อ บริสุทธิ์ผุดผ่องก็ทรงมรรคทรงผลได้อย่างสบายนะนี่ขอให้ลูกหลานเข้าใจนะ อำนาจศีลนี่เลิศประเสริฐที่สุดหอมตลบอบอวลสามแดนโลกธาตุนี้ อู...ที่ว่าอยู่ไม่ได้นี่ อำนาจศีลนี่หอมตลบอบอวลเข้าไปสู่พวกเทพทุกชั้นเลยล่ะ ตลอดพรหมโลกโน่น พวกเทวดาพวกพรหมอยู่ไม่ได้เสาะแสวงหา อย่างงั้นพวกท้าวมหาพรหมหรือพวกคณะพรหมต่างๆจะมากราบพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวกเหรอในสมัยพุทธกาลนั่น หรือในสมัยปัจจุบันที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หรือพ่อแม่ครูอาจารย์องค์หลวงตามหาบัว พวกท้าวมหาพรหมท้าวจาตุมหาราชทั้ง ๔ ท้าวสักกะ หรือเทวดาในหมื่นโลกธาตุแสนโกฏิจักรวาลเข้ามากราบมาไหว้ เอาดูสิลูกนั่น นั่นคืออำนาจศีลที่ว่าหอมตลบอบอวลครอบสามแดนโลกธาตุเลย

พวกเรานี่มันไม่เข้าใจศีลไม่บริสุทธิ์ก็สามารถทรงมรรคทรงผลได้ สามารถทำจิตภาวนาได้ ทำได้แต่เป็นการทำจิตภาวนาแบบสัตว์เดรัจฉานหรือถ้าจะพูดตามประสาธรรมที่มันเผ็ดร้อนหน่อยก็บอกว่าทำจิตภาวนาแบบหมาหมาลูกเข้าใจหรือยังนั่น บอกว่าข้าพเจ้าจิตรวม จิตมันจะรวมแบบหมาหมาลูกเข้าใจหรือยัง เอ้า...บอกว่ารวมแบบหมาๆรวมแบบไหน อ้าว...สันฐิติโก รู้เองเห็นเอง ถ้าศีลมันไม่บริสุทธิ์มันต้องรวมแบบนั้น ถ้าศีลบริสุทธิ์ผุดผ่องก็รวมแบบโลกุตระนั่นเข้าสู่โลกุตระศีลสมบูรณ์บริบูรณ์ เพราะว่าถ้าศีลไม่สมบูรณ์บริบูรณ์ศีลด่างพร้อยมันก็จะไปในทางด้านโลกียะ เหมือนพระเทวทัตเป็นต้นนั่นแหละเรียกว่าภาวนาแบบหมาๆ ลูกเข้าใจหรือยัง...”

พระธรรมเทศนา : องค์หลวงปู่น้อย ญาณวโร
วัดป่าห้วยริน ต.หัวนาคำ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น
๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔







..คนที่อยู่ในวัยกลางคน กำลังมีครอบครัว มีลูกมีเต้า การค้าขายอยู่ก็เหมือนกัน หรือกำลังบริหารครอบครัวอยู่
แต่ปลีกออกมาทำคุณงามความดีได้บางครั้งคราว เป็นคนไม่ประมาท เพราะได้ทำคุณงามความดีไว้ แม้ทำน้อย ก็ไม่ต้องเสียใจ
..หากมีโรคภัยไข้เจ็บอยู่ก็ตาม แม้จะหนักจะเบาแค่ไหน ได้ใช้สติปัญญาพินิจพิจารณา เจริญเมตตาภาวนา นึกถึงคุณงามความดีของตนเอง ทำกิจอะไรก็ภาวนา ตรวจตราดูจิตใจของตนเองอยู่อย่างนั้น เรียกว่า คนไม่ประมาท ตายไปไม่ต้องกลัว เพราะเราทำคุณงามความดีอยู่ตลอด..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่






. อดีตควรปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตควรปล่อยไว้ตามกาลของมัน ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้ เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ไม่สุดวิสัย

คำสอนหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร