วันเวลาปัจจุบัน 02 พ.ค. 2024, 18:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2023, 05:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"ปากโกหก เป็นปากที่ขาดบาทสลึง
คนโกหก เป็นคนขาดบาทขาดเต็ง
มนุษย์เต็มบาทเต็มเต็ง
ไม่ควรพูดโกหกมุสา
จงพูดแต่ความสัตย์ความจริง
เพื่อประโยชน์อันสมบูรณ์ต่อกัน"

หลวงปู่ขาว อนาลโย






หลวงปู่บุดดา : ถุงเท้า เสื้อผ้า ที่ใช้แล้วยังไม่ได้ซัก
เหม็นไหม?
ศิษย์ : เหม็นค่ะ

หลวงปู่บุดดา : แล้วขี้ เยี่ยว เหม็นไหม?
ศิษย์ : เหม็นค่ะ

หลวงปู่บุดดา : เสื้อผ้าที่ยังไม่ได้ซัก กับขี้เยี่ยว
ที่อยู่ข้างใน อันไหนเหม็นกว่ากัน?
ศิษย์ : ข้างในเหม็นกว่าค่ะ

หลวงปู่บุดดา : แล้วไอ้ขี้ที่อยู่ข้างนอก
ตั้งแต่หัวจดเท้าลงมา เหม็นไหม แล้วซักได้ไหม?
ศิษย์ : ซักได้ชั่วคราวค่ะ

หลวงปู่บุดดา : แล้วร่างกาย มันมีดีตรงไหน!
ในเมื่อกายไม่ดี เหม็นขี้ทั้งตัว โดยอาศัยความโง่
ที่เราไปหลงเกาะติดกาย ทำให้เกิดมาเป็นตัวเป็นตน
ทุกข์ของกายอย่างนี้ แก้ไขให้หายเด็ดขาดไม่ได้
จนกว่า กายจะตายไป

ถ้าเอ็งหมั่นชำระจิตให้หายเหม็น วาจาก็หายเหม็นได้
ส่วนกายนั้นแก้ไม่ได้ มีแต่ขี้ทั้งนั้น

จิตนั้นแก้ได้ ต้องแก้ที่จิต ทุกข์ สุข เกิด ดับ
ต้องแก้ที่ตรงจิตนี้ สิ้นทุกข์สุข รู้เกิดดับเมื่อไหร่
จิตก็หายเหม็น เมื่อนั้น

หลวงปู่บุดดา ถาวโร






“การศึกษาก็ดี
การครองเรือนก็ดี
การทำงานก็ดี
การปฏิบัติธรรมก็ดี
ขาดความอดทนอย่างเดียว ก็ไม่สำเร็จ”

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ







#โอวาทธรรม หลวงปู่จาม มหาปุญโญ

"...อย่ามาถามหาพระนิพพาน
ศีล ยังบ่ได้ สมาธิ ยังบ่ได้
ความสงบใจ ยังบ่ได้
มรรค ยังบ่สะอาด อย่ามาถามหา

๑. ออกจากตัณหาให้ได้
๒. ถอนเครื่องเสียบแทงออกให้ได้
๓. ดับกิเลสให้ได้
๔. ดับความยึดมั่นถือมั่นใดๆ ให้ได้
๕. ให้ถามตัวของตัวว่า ยังมัวเมาอยู่ไหม
ยังหิวโลกอยู่ไหม ยังอยากอยู่ไหม
ยังกำหนัดขัดเคืองอยู่ไหม
ยังถูกโลกทิ่มแทงอยู่ไหม ยังทุกข์อยู่ไหม
ยังอาลัยในสุขของโลกอยู่หรือ
ถ้าเป็นเช่นนั้นอย่าได้มาถามหาพระนิพพาน..."

#ที่มา หนังสือ บทธรรม พระจาม มหาปุญโญ






"พระอรหันต์ทุกประเภท" บรรลุทั้ง "เจโตวิมุตติ ทั้งปัญญาวิมุตติ"

"พระอรหันต์ทั้งหลาย" ไม่ว่าประเภทใด "ย่อมบรรลุ" ทั้ง "เจโตวิมุตติ ทั้งปัญญาวิมุตติ" ที่ปราศจาก "อาสวะในปัจจุบัน" หาได้แบ่งแยก ไว้ว่า "ประเภทนั้นบรรลุแต่เจโตวิมุตติ หรือปัญญาวิมุติไม่".

ที่เกจิอาจารย์แต่งอธิบายไว้ว่า "เจโตวิมุตติ" เป็นของพระอรหันต์ผู้ได้สมาธิก่อน "ส่วนปัญญาวิมุตติ" เป็นของ "พระอรหันต์สุกขวิปัสสก" ผู้เจริญวิปัสสนาล้วนๆ นั้น

"ย่อมขัดแย้งต่อมรรค" มรรคประกอบด้วยองค์ ๘ มีทั้ง สัมมาทิฏฐิ ทั้งสัมมาสมาธิ ผู้จะ “บรรลุวิมุตติธรรม” จำต้องบำเพ็ญ “มรรค ๘ บริบูรณ์” มิฉะนั้นก็บรรลุวิมุตติธรรมไม่ได้.

"ไตรสิกขา" ก็มีทั้ง "สมาธิ ทั้งปัญญา" อันผู้จะได้ "อาสวักขยญาณ" จำต้องบำเพ็ญ "ไตรสิกขา" ให้บริบูรณ์ทั้ง ๓ ส่วน.

ฉะนั้นจึงว่า "พระอรหันต์ทุกประเภท" ต้องบรรลุทั้ง "เจโตวิมุตติ ทั้งปัญญาวิมุตติ" ด้วยประการฉะนี้แลฯ

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต







#วาสนา

"...อัธยาศัยของสัตว์ เป็นมาแล้วต่าง ๆ คือ
ดี เลว และกลาง ๆ​ วาสนาก็เป็นไปตามอัธยาศัย

บางคนเป็นผู้มีวาสนายิ่งในทางดีมาแล้ว
แต่คบกับพาล วาสนาก็อาจเหมือนคนพาลได้

บางคนวาสนายังอ่อนแต่คบกับบัณฑิต
วาสนาก็เลื่อนขึ้นไปเป็นบัณฑิต

บางคนคบมิตรเป็นกลาง ๆ ไม่ดี ไม่ร้าย ไม่หายนะ
ไม่เสื่อมทราม วาสนาพอประมาณ สถานกลาง

ฉะนั้น บุคคลควรพยายามคบบัณฑิต
เพื่อเลื่อนภูมิวาสนาของตน ให้สูงขึ้นไปโดยลำดับ.."

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต​
วัดป่า​สุ​ธาวาส​ จ.สกลนคร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 50 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร