วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 19:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2023, 07:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"สมเด็จโต" เทศน์เรื่อง "พระอรหันต์"

"...พระอรหันต์ที่อยู่นอกบ้าน พวกท่านไม่อาจจะล่วงรู้ได้ว่าองค์ใดจริงหรือไม่จริง แต่ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด เป็นของจริงและบูชาได้อย่างแน่นอน ไม่เคยเห็นผู้ใดเลยที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่แล้วต้องพบกับความวิบัติ ไม่เคยมี มีแต่เจริญรุ่งเรือง ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟก็ไม่ไหม้ มีแต่ความสุข.."








” ฝึกพิจารณาความตาย “

…ความทุกข์ของใจนี้
มันทรมานยิ่งกว่าความตาย
แต่เราไม่รู้กัน
ความตายนี้เป็นเหมือนกับเข็มฉีดยา
บางคนกลัวเหลือเกิน กลัวถูกฉีดยา

.ความกลัวนี้
กลับทุกข์มากกว่าเข็มฉีดยาเสียอีก
เข็มฉีดยาพอจิ้มเข้าไป
จึกเดียวเท่านั้น..ก็จบแล้ว
ความตายพอไม่หายใจปั๊บ..ก็จบแล้ว

.ไม่เห็นจะยากเย็นตรงไหนเลย
กลัวกันเหลือเกิน เพราะความหลง
ถ้าพิจารณาดูความตายแล้ว
ก็จะเห็นว่าอยู่ที่ลมหายใจนี่เอง

.หายใจเข้าไปแล้ว..ไม่หายใจออกมาก็จบ
หายใจออกมาแล้ว..ไม่หายใจเข้าไปก็จบ
แค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นเอง
ความตาย ไม่ได้ยืดยาวอะไรเลย

.ที่ยืดยาวก็คือเวทนาความเจ็บปวด
ก็ต้องฝึกเอาไว้ ..นั่งสมาธิไปนานๆ
ให้ทนกับความเจ็บให้ได้
ต่อไปจะเจ็บขนาดไหน ก็ปล่อยให้เจ็บได้

.เจ็บไปจนมันหยุดเจ็บเอง
พอหยุดหายใจมันก็จบ ถ้าได้พิจารณา
ถึงขั้นตอนของความตายแล้ว
ก็ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย

.แต่เราไม่กล้าพิจารณากัน กลัวกัน
ไม่กล้าพิจารณา ว่าเวลาตายจะเป็นอย่างไร
ลองพิจารณาดู ..มันก็เหมือนกับฉีดยา
พอหมอปักเข็มทิ่มเข้าปึ้ดเดียว
ก็จบแล้ว ผ่านไปแล้ว

.เวลาตายก็แป๊บเดียว ก็ตายไปแล้ว
ไม่ได้ตายนานหรอก ความเป็นความตาย
แค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น
ถ้ายังไม่ตายก็ยังเป็นอยู่
ถ้าไม่เป็นก็ตาย.

…………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๑๔ กัณฑ์ที่ ๓๘๔
วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๑






"..ผู้สนใจในความรับผิดชอบต่อจิตอันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน จึงควรปฏิบัติรักษาจิตด้วยวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม คือฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร เพื่อเป็นการตรวจตราดูเครื่องเคราของรถคือจิต ว่ามีอะไรบกพร่องและเสียไปบ้าง จะได้นำเข้าโรงซ่อมสุขภาพทางจิต คือนั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือความคิดปรุงของใจ ว่าคิดอะไรบ้างในวันและเวลาหนึ่ง ๆ พอมีสารประโยชน์บ้างไหม หรือพยายามคิดแส่หาแต่เรื่อง หาแต่โทษ และขนทุกข์มาเผาลนเจ้าของอยู่ทำนองนั้น พอให้รู้ความผิดถูกของตัวบ้าง และพิจารณาสังขารภายนอก คือร่างกายของเรา ว่ามีความเจริญขึ้นหรือเจริญลงในวันและเวลาหนึ่ง ๆ ที่ผ่านไปจนกลายเป็นปีเก่าและปีใหม่ผลัดเปลี่ยนกันไปไม่มีที่สิ้นสุด สังขารร่างกายเรามีอะไรใหม่ขึ้นบ้างไหม หรือมีแต่ความเก่าแก่และคร่ำคร่าชราหลุดลงไปทุกวัน ซึ่งพอจะนอนใจกับเขาละหรือ จึงไม่พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอทำได้ เวลาตายแล้วจะเสียการ นี่คือการภาวนา การภาวนาคือวิธีเตือนตนสั่งสอนตน ตรวจตราดูความบกพร่องของตนว่าควรจะแก้ไขจุดใดตรงไหนบ้าง.."

พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)จากหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
โดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน






#ตัวบุญตัวบาปอยู่ที่ธาตุรู้ผู้เดียว

"...ตัวบุญตัวบาปอยู่ที่ไหน คือ ธาตุรู้ผู้เดียว ธาตุรู้ คือ มโนธาตุ หรือ วิญญาณธาตุ อีกอย่างก็จิต หรือ เจตสิก รวมศูนย์เป็นบุญและบาป ในปรมัตถธรรมบอกไว้แล้ว รูปทั้งหลาย บรรดามี แม้แต่พระพุทธรูปที่มนุษย์สร้างขึ้นมา พระบรมธาตุ พระอรหันตธาตุ ทั้งนั้น กรรมสร้างมา

พระบรมธาตุ พระอรหันตธาตุก็ ศีล สมาธิ ปัญญา หรือว่าอริยมรรค มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 ภาษาพูด ผู้ใดเจริญศีล สมาธิ ปัญญา ให้ได้มรรค 4 ผล 4 นิพาน 1 โลกุตระธรรม 9 สร้างขึ้นมา อยู่ที่จิต กับ เจตสิก เมื่อถึงโลกุตระแล้ว ไม่กลับมาอีก ไม่มีบุญ ไม่มีบาปอีก เหตุนั้น จิต กับ เจตสิก เป็นบุญและบาป รูปทั้งหลายไม่ใช่บุญ ไม่ใช่บาป พระนิพพาน ไม่ใช่บุญไม่ใช่บาป ตัวปรมัตถธรรม ถ้าใครอยากไม่ให้มีบุญ ไม่ให้มีบาป ก็เจริญศีล สมาธิ ปัญญา ให้เกิดมรรค เกิดผล เกิดโลกุตระธรรม ไม่ใช่บุญ ไม่ใช่บาปอะไร ถ้ามีบุญก็วุ่น ใครมีบุญเยอะ ก็วุ่นเยอะ ใช่ไหม เน๊าะ

อย่างในหลวง พ่อหลวงของเรา มีบุญเยอะ ยังไม่ไปไหนมาไหนเลย มาตกตัวนี้ล่ะ บุญเยอะๆ เป็นมหากุศล ก็พรหมโลกโน่น ทำสมาธิได้ ได้สมาธิ รูปฌาณ อรูปฌาณ ก็ยังไม่จบ ยังมาติดอยู่พรหมโลก กุศลสูงสุด คือ มหากุศล ถ้าใครอยากได้มหากุศล ก็ทำสมาธิ ไม่ยาก ไม่ต้องเสียเงินแม้แต่สลึงเดียว ทำได้เลย ถ้าใครอยาก ก็ได้ก็ทำเอาน่ะ เอ่อ สมาธิง่ายเหลือเกิน ไม่ต้องไปขอที่ไหนเลย เราทำเอาเอง ได้แล้วก็เป็นมหากุศล ไม่ใช่มหากุศลที่เราเอามาพูดกันน่ะ ที่ชาวพุทธเอามาพูดหลอกกันน่ะ ไม่ใช่

ตัวมหากุศล ไม่ต้องลงทุนแม้แต่สลึงเดียว ไม่ให้ใครเดือดร้อนเลย ทำสมาธิ เหตุนั้นอย่าลืมน่ะ ให้ไปทำเอาเอง..."

ธรรมเทศนา
#หลวงปู่อุทัย_ธมฺมวโร
วัดภูย่าอู่ ตำบลคำด้วง อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี





อย่าไปเหยียบย่ำซ้ำเติม สาปแช่งใคร กรรมวิบากที่ตนทำมาแต่ก่อนนั้น มันมาให้ผลเอาให้ได้ถึงซึ่งความวิบัติ อะไรขึ้นมาอย่างนี้นะ แทนที่จะไปแช่งซ้ำ
นั้น ไม่เอา ผิดธรรม เป็นกรรม

ถ้าเห็นใครตกทุกข์ได้ยาก เกิดอุบัติเหตุ แล้วแช่งซ้ำนะ เป็นบาป ต้องตั้งความเมตตาเอ็นดู สงสารขึ้นมา ถึงแม้ว่า เราจะรู้ว่าคนนั้น มีประวัติอันชั่วร้ายมาก็ตาม แต่มันก็เป็นเรื่องของเขาอันความชั่วนั้นน่ะ แต่ว่า ไอ้ความเอ็นดูกรุณานี้เป็นหน้าที่ของเรา ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม กรุณาธรรม ที่จะต้องแสดงออกต่อบุคคลทุกประเภท ทั้งคนดี และคนชั่ว

คำสอน หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ








"..ท่านทั้งหลายอย่าไปคาดโลกนั้นโลกนี้ว่าน่าสนุกสนานรื่นเริงบันเทิงใจ เวลาตายไปอยากไปอยู่โลกนั้นโลกนี้ อันความอยากความไม่เพียงพอกวนใจอยู่ก่อนที่ยังไม่ตาย ท่านทั้งหลายยังไม่มองดูมันว่าเป็นข้าศึกเครื่องรบกวนใจ แล้วพวกท่านจะไปหาเอาความสุขจากอะไรที่ไหนกัน ถ้าท่านทั้งหลายไม่หมดความหวังว่าจะไปโลกนั้นโลกนี้อยู่อย่างนี้แล้ว ผมเองก็หมดปัญญาไปด้วยท่านทั้งหลายแล้วเวลานี้.."

พระครูวินัยธร(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)อ้างอิงหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ






“ก้อนหินที่มันหนักนั่นแหละ
เป็นเพราะเราเข้าไปแบกมัน มันจึงหนัก
แต่ถ้าเราไม่ไปแบกมัน มันก็ไม่หนัก
แต่น้ำหนักของมันยังคงมีอยู่”

หลวงปู่ชา สุภัทโท


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 173 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร