วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 13:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2023, 09:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"...การรักษาศีล ศีลจะบริสุทธิ์ได้ก็เพราะอาศัยสมาธิ
อาศัยปัญญา ถ้ามีแต่รักษาศีลเฉยๆ ไม่ทำใจให้เป็นสมาธิ
ไม่อบรมปัญญาให้เกิดขึ้น เช่นนี้ ศีลก็ไม่บริสุทธิ์ได้ ย่อม
เศร้าหมอง เพราะบางคนพอจิตไม่เป็นสมาธิแล้ว เผลอสิ
เผลอพูดผิดพลาดออกไปโดยไม่รู้ตัว อย่างนี้นะ มันก็
เศร้าหมองขุนมัวไป การที่บุคคลจะรู้ได้ว่า พูดอย่างไร
ให้เป็นประโยชน์ พูดอย่างไรไม่เป็นประโยชน์นี่ มันก็ขึ้น
อยู่กับปัญญาอีกแหละ ข้อปฏิบัติเหล่านี้มันเกี่ยวเนื่องกัน
ไม่ใช่เป็นคนละอันกันนะ

เมื่อจิตมีปัญญาแล้ว ก็จะรู้จักว่าเรื่องนี้ควรพูด พูดแล้วก็
จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ฟัง แล้วพอนึกเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้น
มาแล้ว พิจารณาด้วยปัญญาก็เห็นแจ้งว่าเรื่องนี้ไม่ควร
พูด ถ้าพูดไปแล้วมันก็กระทบกระทั่งคนอื่น ให้เป็นทุกข์
เดือดร้อนไป มันรู้ด้วยปัญญาแล้วมันก็ไม่พูดนะ

นี่ล่ะจึงว่า การที่ศีลจะบริสุทธิ์ได้จริงจัง มันก็ยังอยู่ที่
ปัญญานั่นแหละ อยู่ที่สมาธิอยู่ที่ปัญญา ท่านจึงเรียกว่า
อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา ธรรมทั้ง ๓ อย่างนี้ ถ้อยทีถ้อย
อาศัยสนับสนุนซึ่งกันและกัน เราต้องเข้าใจไว้..."

#ที่มา หนังสือ ๑๐๐ ปี ชาตกาล หน้า ๒๑๘
พระสุธรรมคณาจารย์ ( หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ )







. ทุกคนเกิดมารับเศษกรรม คนรวย คนจน…ไม่ต่างกันในโลกนี้...มันเท่ากัน ตรงที่เกิด และ ตายเท่ากัน โลกมนุษย์มันมีทุกกระแส…จะต่างกันตอนที่วิญญาณออกจากร่าง…

ถ้าไปข้างล่างคือทุกข์ ไปสวรรค์มีแต่สุข ไปพรหมมีแต่เบาสบาย…เอ็งจะไปเกิดภพภูมิไหน ก็เตรียมตัวเกิด...เราจึงต้องทำกรรมใหม่ คือ กรรมฐาน

คำสอนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
วัดสะแก จ.อยุธยา
.





"คนเกิดมาไม่เหมือนกัน
เพราะ...มีความประพฤติที่ต่างกัน
ผู้ที่เขาประพฤติดี รักษาศีล
มีการให้ทาน มีการสดับรับฟังพระธรรม
เขาจึงมีปัญญาดี มีการศึกษาเล่าเรียนดี
การจำแนกสัตว์ให้ดี ให้ชั่วต่างๆ กัน
มันเป็นเพราะกรรม

ถ้ามันยังทำกรรม อยู่...
ก็ต้องได้รับผลกรรม ทั้งกรรมดี-กรรมชั่ว
มันต้องได้รับผลตอบแทน

เหตุนี้...
เราจึงควรทำกุศล รักษาศีลให้บริสุทธิ์สมบูรณ์
แล้วทำสมาธิ จะมีความสงบสงัด
จิต รวมลงได้ง่าย เพราะมันเย็น มันราบรื่นดี
ไม่มีลุ่ม ไม่มีดอน
จงพากันทำไป ในอิริยาบถทั้ง๔
นั่ง นอน ยืน เดิน อะไรก็ได้ แล้วแต่ความถนัด แล้วแต่จริต อันใดมันสะดวก
สบายใจ หายใจดี ไม่ขัดข้องฝืดเคือง อันนั้น...
ควรเอาเป็นอารมณ์ของใจ

พุทโธ พุทโธ หมายความว่า...
ให้ใจยึดเอาพุทโธ เป็นอารมณ์
เพื่อ...ป้องกันไม่ให้จิตออกไป สู่...อารมณ์ภายนอก เพราะ...อารมณ์ภายนอก
มันชอบไปจดจ่ออยู่กับรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ความถูกต้องทางกาย

หากทุกสิ่ง ทุกอย่าง
มันไปจดจ่อ อยู่...ที่นั่น จิต มันจะไม่รวมลง
นี่แหละ เรียกว่า...มาร

คือ ไม่มีสติ...
อย่าให้จิต ไปจดจ่ออย่างนั้น
ให้มาอยู่กับ ผู้รู้...
ให้น้อมเอาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
เป็นอารมณ์ จะอยู่ในอิริยาบถใด...
ก็ให้มีความเพียร ผู้ที่ภาวนาจิตสงบลงชั่ว...
ช้างพับหู งูแลบลิ้น
ชั่วไก่กินน้ำ นี่ ! อานิสงส์อักโข ให้ตั้งใจทำไป

การที่จิตรวมลงไป บางครั้งมี ๓.ขั้นสมาธิ
คือ ขณิกสมาธิ
อุปจารสมาธิ
อัปปนาสมาธิ
หากรวมลงขณิกสมาธิ เราบริกรรมไป พุทโธ
หรืออะไรก็ตาม
จิตสงบไป สบายไปสักหน่อย มันก็ถอนขี้นมา
ก็คิดไป...อารมณ์เก่าของมันนี่ !

ส่วนหากรวมลงไป เป็นอุปจารสมาธิ
ก็นานหน่อย กว่าจะถอนขึ้นไปสู่...อารมณ์อีก
ให้ภาวนาไป อย่า...หยุดอย่าหย่อน
ค่อยเป็น ค่อยไป ไม่ต้องไปนึกคาดหวังอะไร
อย่า ให้มีความอยาก เพราะ...มันเป็นตัณหา
ตัวขวางกั้นไม่ให้จิตรวม
ไม่ต้องไปกำกับว่า อยากให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้

การอยากให้จิตรวมลง
เหล่านี้แหละ เป็นนิวรณ์ตัวร้าย ให้ปฏิบัติ
ความเพียรไม่หยุดหย่อน
เอาเนื้อ และเลือด ตลอดจน ชีวิต...
ถวายบูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์
เราจะเอา ชีวิต...จิตใจ
ถวายบูชาพระรัตนตรัย ตลอดจนวันตาย
นี่ ! ก็เป็นมัชฌิมาปฏิปทา

แล้วจิตจะรวมลง
อย่างไร เมื่อไร ก็จะเป็นไปเอง
เมื่อใจเป็นกลาง...ปล่อยวาง...สงบ...ถูกส่วน."

หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล
ตำบลโนนทัน อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู.





..ในชาติที่แล้วมาเราทำอะไรไว้แค่ไหน บัดนี้เรามาเกิดในชาตินี้เราก็ทำคุณงามความดีเพิ่ม เพิ่มเติม ทางด้านร่างกายก็เพิ่มเติมขึ้น ทางด้านวาจาก็พูดจาปราศรัยมีศีลมีธรรมดีกว่าเดิม ทางด้านจิตใจก็คิดอยู่ในคุณงามความดี ละความโลภ ความโกรธ ความหลงให้เบาบางลงไปเรื่อยๆ เรียกว่าเจริญได้เต็มเปี่ยม ก็จะทำให้ตนเองนี้เจริญก้าวหน้าในคุณงามความดี มีที่พึ่งเกิดขึ้นแก่ตนเอง เรียกว่าสามารถรักษาคุณงามความดีของตนเองเอาไว้ได้มั่นคง เรียกว่าคนนั้นเป็นชีวิตที่มีคุณค่าที่สุด เจริญรุ่งเรืองที่สุดทั้งชีวิต..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่







#บันทึกช่วยจำ
#ธรรมคำสอนจากครูบาอาจารย์

คนที่ปฏิบัติธรรมจริงๆเนี่ยจะลืม
เพราะปฏิบัติธรรมจริงๆคือ….
ปฏิบัติให้ลืม….ไม่ใช่ปฏิบัติให้จำ
ทางโลกเนี่ยปฏิบัติให้จำ
ไปเรียนไปศึกษาเพื่อจำ

แต่ธรรมะเนี่ย ทำยังไงคือจะลืม
ทำยังไงจะลืมได้ มรึงลืมได้มั้ยล่ะ
สัญญาน่ะความจำมึง มึงจะสลัด
ออกมั้ยล่ะ…!!!
งั้นพระพุทธเจ้าจะเรียก…
จิตสลัดสัญญาเหรอ…!!!

ไม่ใช่รู้ไปหมด….ปฏิบัติธรรมเพื่อ
จะหมดรู้นั่นเอง
สัญญานี่แหละคือ "กรรม"
ความจำเรานี่แหละคือ"กรรม"
มันบันทึกไว้หมดแหละ
จิตเหมือนเมมโมรี่เนี่ย
ตัวสัญญานี่แหละ มันลืมลงที่ไหนล่ะ
มึงคิดไปโน่นสิ 20 ปี เกลียดไอ้เนี่ย
นึกขึ้นมาทีไรยังเกลียดมันอยู่เลย

ลืมเนี่ยแหละคือวาง….
แต่มันลืมไม่ได้มันวางไม่ได้
ไม่ใช่รู้หมดปฏิบัติธรรมเพื่อ "หมดรู้"

ทำลายแม้กระทั่งตัวรู้
ถ้ามึงยังเข้าไปเป็นผู้รู้อยู่
มึงก็ "หลงรู้"นั่นเอง

ท่านถึงเรียกว่า "สักแต่รู้" ...
"สักแต่ว่ารู้" ไม่ใช่เข้าไป "เป็นผู้รู้"

หลวงตาสินทรัพย์
วัดป่าบ่อน้ำพระอินทร์


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 182 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร