วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 17:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2023, 04:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


…พระพุทธเจ้าบอกให้ทำตัวเป็นปฐพี
ทำตัวเป็นเหมือนแผ่นดิน

.ใครเขาอยากจะเหยียบอยากจะย่ำ
ก็ให้เขาเหยียบไป

.ใครเขาอยากจะดูถูกเหยียดหยาม
ก็ปล่อยเขาเหยียดหยามไป

.เราเป็นเหมือนดิน เราเป็นผู้ที่ต่ำต้อย
เราไปนี่ เราไปเพื่อทำลายอัตตาตัวตน

.เราไม่ได้ไปส่งเสริมอัตตาตัวตนของเรา
เพราะฉะนั้น เราต้องพร้อม
ที่จะให้เขากระแทกแดกดัน

“ใครเขาจะพูดอะไร เขาจะทำอะไร
ก็สาธุไป..แล้วเราจะสบายใจ”.

…………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
สนทนาธรรมบนเขา
วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑






"..ด้วยอานุภาพของไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ และ ปัญญา นี้แล
พึงชนะข้าศึก คือ กิเลสอย่างหยาบ อย่างกลาง และอย่างละเอียดได้

1. ชนะความหยาบคาย
ซึ่งเป็นกิเลสอย่างหยาบที่ล่วงทางกายวาจาได้ด้วย ศีล
ชนะความยินดี ยินร้าย หลงรัก หลงชัง
ซึ่งเป็นกิเลสอย่างกลางที่เกิดขึ้นในใจได้ด้วย สมาธิ
และ ชนะความเข้าใจผิด รู้ผิด
เห็นผิดจากความเป็นจริงของสังขาร
ซึ่งเป็นกิเลสอย่างละเอียด ชนะได้ด้วย ปัญญา

2. ผู้ใดศึกษาและปฏิบัติตามไตรสิกขา
คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี้
โดยพร้อมมูลบริบูรณ์สมบูรณ์ด้วย
ผู้นั้นจึงเป็นผู้พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้เป็นแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลย
เพราะฉะนั้น จึงควรสนใจ เอาใจใส่
ตั้งใจศึกษาและปฎิบัติตามไตรสิกขา
คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี้ทุกเมื่อเทอญ.."

ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ท่านธมฺมวิตกฺโก ภิกขุ)
วัดเทพศิรินทราวาส กรุงเทพฯ





"..คนเราถ้ายอมรับความจริงตามหลักศาสนาที่สอนไว้ ตัวย่อมได้รับความเป็นธรรม คือตัวเย็น ผู้เกี่ยวข้องมากน้อยก็เย็น โลกร่มเย็นไม่ค่อยมีการทะเลาะเบาะแว้งแย่งชิง เพื่อแข่งดิบแข่งดีกันให้เดือดร้อนไปทั้งสองฝ่าย ซึ่งสุดท้ายก็เป็นไฟไปตาม ๆ กัน ไม่มีใครได้ครองความสุขดังใจหวัง เพราะเอาใจดวงกำลังเป็นไฟทั้งกอง เข้าไปเป็นหัวหน้าว่าความในกิจการในโรงในศาล ในเรื่องต่าง ๆ ไม่มีประมาณ ด้วยเหตุนี้แลคนเราจึงหาประมาณความทรงตัวได้ยาก อยู่ที่ไหนก็ร้อนเป็นฟืนเป็นไฟไม่เป็นสุข เพราะใจแบกกองไฟไว้กับตัวตลอดเวลา ไม่คิดจะปลงวางลงบ้าง พอได้หายใจไกลทุกข์ประสบสุขเสียบ้าง.."

พระครูวินัยธร(หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร อ้างอิงที่มาหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ







บางคนทำความดีเพื่ออยากให้คนอื่นเห็น
อยากให้คนอื่นเป็นพยานถึงจะดีอกดีใจ
อันนี้มันก็ดีอยู่
แต่ว่า มันยังไม่ดีจริง
จริงๆแม้เราจะลอบทำอยู่คนเดียว
โดยไม่หวังผลตอบแทนจะดีกว่า

ธรรมโอวาท : -
หลวงปู่ชา สุภทฺโท





"..ผู้สนใจในความรับผิดชอบต่อจิตอันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน จึงควรปฏิบัติรักษาจิตด้วยวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม คือฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร เพื่อเป็นการตรวจตราดูเครื่องเคราของรถคือจิต ว่ามีอะไรบกพร่องและเสียไปบ้าง จะได้นำเข้าโรงซ่อมสุขภาพทางจิต คือนั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือความคิดปรุงของใจ ว่าคิดอะไรบ้างในวันและเวลาหนึ่ง ๆ พอมีสารประโยชน์บ้างไหม หรือพยายามคิดแส่หาแต่เรื่อง หาแต่โทษ และขนทุกข์มาเผาลนเจ้าของอยู่ทำนองนั้น พอให้รู้ความผิดถูกของตัวบ้าง และพิจารณาสังขารภายนอก คือร่างกายของเรา ว่ามีความเจริญขึ้นหรือเจริญลงในวันและเวลาหนึ่ง ๆ ที่ผ่านไปจนกลายเป็นปีเก่าและปีใหม่ผลัดเปลี่ยนกันไปไม่มีที่สิ้นสุด สังขารร่างกายเรามีอะไรใหม่ขึ้นบ้างไหม หรือมีแต่ความเก่าแก่และคร่ำคร่าชราหลุดลงไปทุกวัน ซึ่งพอจะนอนใจกับเขาละหรือ จึงไม่พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอทำได้ เวลาตายแล้วจะเสียการ นี่คือการภาวนา การภาวนาคือวิธีเตือนตนสั่งสอนตน ตรวจตราดูความบกพร่องของตนว่าควรจะแก้ไขจุดใดตรงไหนบ้าง.."

พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต)วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร จากที่มาหนังสือประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระโดยหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน







"..คิดให้เห็นชัดในขณะนั้นว่า เมื่อตายแล้วตนจะมีสภาพอย่างไร ร่างที่เคยเคลื่อนไหวได้ก็จะหยุดนิ่ง อย่าว่าแต่จะลุกขึ้นไปเก็บรวบรวมเงินทองข้าวของที่อุตส่าห์สะสมไว้เพื่อนำไปด้วยเลย จะเขยิบให้พ้นแดดพ้นมดสักนิ้วสักคืบก็ทำไม่ได้

สามี ภริยา มารดา บิดา บุตรธิดา ญาติสนิท มิตรสหาย ทั้งหลาย ที่เคยรักห่วงใยกันนักหนา ก็ไม่มีใครมาอยู่ด้วยเลยแม้สักคน

อย่าว่าแต่จะเข้าไปนั่งไปนอนในโลงศพด้วยเลย แม้แต่จะนั่งเฝ้าอยู่ข้างโลงทั้งวันทั้งคืนก็ยังไม่มีใครยอม

เมื่อความตายมาถึง ไม่มีผู้ใดจะสามารถถนอมรักษาหวงแหนทะนุบำรุงร่างกายของตนไว้ได้ แม้สมบัติพัสถานที่แสวงหาไว้ระหว่างมีชีวิตจนเต็มสติปัญญาความสามารถ ด้วยเล่ห์ด้วยกลก็ตาม เพื่อใช้ทะนุถนอมรักษาเชิดชูบำรุงร่างของตน ก็ติดกับร่างไปไม่ได้เลย

เป็นจริงดังพุทธศาสนสุภาษิตว่า
"ทรัพย์สักนิดก็ติดตามคนตายไปไม่ได้.."

พระนิพนธ์ "สมเด็จพระญาณสังวร"






"ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ไม่ว่าอะไรจะตั้งอยู่
ไม่ว่าอะไรจะดับไป
ให้เห็นเป็นธรรมดา"

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 214 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร