วันเวลาปัจจุบัน 28 เม.ย. 2024, 19:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2023, 06:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“ที่มาของการตักบาตรเทโวในวันออกพรรษา”

พิธีตักบาตรเทโวนี้มีการกระทำมาเพื่อเป็นการย้อนอดีต ในวันนั้นคือในสมัยพุทธกาล วันที่ออกพรรษา วันที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงจากสวรรค์ หลังจากที่ไปโปรดพุทธมารดาอยู่ ๑ พรรษา ด้วยการแสดงธรรมโปรดพุทธมารดา จนพุทธมารดาได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน เป็นผู้ที่ไม่ต้องไปเกิดในอบายอีกต่อไป และจะพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดภายใน ๗ ชาติเป็นอย่างมาก นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้มีวันตักบาตรเทโวขึ้นมา ความจริงการเสด็จไปสวรรค์ของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ได้เสด็จไปด้วยพระวรกาย แต่ทรงเสด็จไปด้วยพระกระแสจิต คือพระจิตของพระพุทธเจ้านี้มีพลังที่สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วได้ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วนี้ ดวงวิญญาณจะไปอยู่ตามภพต่างๆ ขึ้นอยู่กับบุญหรือบาปที่ได้ทำไว้ในขณะที่มีชีวิตอยู่ ถ้าเวลาตายไปบาปที่ทำไว้มีมากกว่าบุญ บาปก็จะดึงให้ดวงวิญญาณไปอยู่ในอบาย ไปเกิดเป็นเดรัจฉาน ไปเป็นดวงวิญญาณที่หิวโหยเรียกว่าเปรต เป็นดวงวิญญาณที่หวาดกลัวเรียกว่าอสูรกาย เป็นดวงวิญญาณที่มีความอาฆาตพยาบาทเรียกว่านรก ถ้าบุญมีมากกว่าบาป บุญก็จะทำให้ดวงวิญญาณเป็นดวงวิญญาณที่มีความสุข ดวงวิญญาณที่มีความสุขก็เรียกว่าเทวดา มีอยู่ชั้นต่างๆ ๖ ชั้นด้วยกันขึ้นอยู่กับกำลังบุญที่ได้ทำเอาไว้ ทำบุญมากก็จะได้ความสุขมาก ทำบุญน้อยก็จะได้ความสุขน้อย เวลาตายไปดวงวิญญาณก็จะไปเป็นเทพชั้นต่างๆ มีตั้งแต่ชั้นจาตุมขึ้นไปจนถึงชั้นปรนิม มี ๖ ชั้น พระพุทธมารดาของพระพุทธเจ้านี้ที่ว่าไปอยู่ชั้นดุสิต

พอหลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ก็ทรงมีความปรารถนาอยากจะทดแทนบุญคุณให้แก่บุพการี ก็ทรงนึกถึงพุทธมารดาที่ได้ทรงจากโลกนี้ไปหลังจากที่ได้คลอดเจ้าชายสิทธัตถะได้ ๗ วัน ก็เสด็จสวรรคตไปอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้ามีพลังจิตที่สามารถค้นหาดวงวิญญาณต่างๆที่ไปจุติตามภพต่างๆได้ จึงทรงค้นหาจนได้พบพุทธมารดาที่ประทับอยู่ในสวรรค์ จึงได้ทรงโปรดพุทธมารดาด้วยการแสดงธรรมให้กับพุทธมารดาและเทวดารูปอื่นที่สนใจธรรมได้ฟังทุกคืน พระพุทธเจ้าจะทรงแสดงธรรมให้กับพวกเทวดาทุกคืนในยามดึก วันหนึ่งพระพุทธเจ้าจะมีภารกิจสั่งสอนสัตว์โลกอยู่ ๔ ครั้งด้วยกัน ครั้งที่ ๑ คือตอนบ่าย อย่างตอนนี้จะทรงแสดงธรรมโปรดศรัทธาญาติโยม ในยามค่ำจะทรงแสดงธรรมโปรดพระภิกษุภิกษุณี ในยามดึกจะทรงแสดงธรรมให้กับพวกเทวดา และในยามเช้าตอนก่อนจะทรงออกบิณฑบาตจะทรงเล็งญาณดูว่าจะไปโปรดใครเป็นกรณีพิเศษในวันนั้น นี่คือภารกิจของพระพุทธเจ้า มีอยู่ ๕ ข้อ ๔ ข้อนี้เกี่ยวกับการสั่งสอนสัตว์โลก ส่วนข้อที่ ๕ ก็คือการออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ ทรงปฏิบัติภารกิจนี้มาตลอด ๔๕ ปีด้วยกัน ดังนั้น วันที่เป็นวันออกพรรษาก็มีความเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จออกจากสวรรค์ลงมาตามบันไดทิพย์ ศรัทธาญาติโยมที่มีความปรารถนาที่จะมาใส่บาตรถวายกับพระพุทธเจ้าก็จะไปรออยู่ที่เชิงบันได

นี่เป็นที่มาของการตักบาตรเทโวในวันออกพรรษา วัดไหนถ้าเป็นวัดที่มีเขาก็จะไปสร้างมณฑปไว้บนเขา แล้วก็จะทำบันไดพญานาคให้พระภิกษุเดินลงเหมือนกับการลงจากสวรรค์ลงมา เป็นการย้อนระลึกถึงอดีตเกี่ยวกับภารกิจที่พระพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติโปรดพุทธมารดา เป็นการทดแทนพระคุณอันใหญ่หลวงของบิดามารดา พระคุณของบิดามารดานี้มีมากต่อลูก ถึงแม้ลูกจะเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่อย่างดี แบกท่านไว้บนบ่าบนไหล่ ให้ท่านอุจจาระปัสสาวะราดใส่ บุญคุณของบิดามารดาก็ยังชดใช้ไม่หมด การที่จะชดใช้บุญคุณของบิดามารดาได้หมดนี้ ต้องทำให้จิตใจของบิดามารดาหลุดพ้นจากการไปเกิดในอบาย ถ้าได้ทำให้บิดามารดาหลุดพ้นจากการไปเกิดในอบายได้ ก็ถือว่าได้ทดแทนบุญคุณบิดามารดาครบบริบูรณ์ พระพุทธเจ้าก็ทรงโปรดสอนพุทธมารดาจนได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลขั้นที่ ๑ คือขั้นพระโสดาบัน พระโสดาบันนี้เป็นผู้เข้าสู่กระแสที่จะพาไปสู่พระนิพพาน สู่การหลุดพ้นจากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิด จะสามารถไปถึงพระนิพพานได้ไม่เกิน ๗ ชาติเป็นอย่างมาก และทุกชาติที่จะกลับมาเกิดนี้จะไม่เกิดในอบายอีกต่อไป

นี่คือการทดแทนพระคุณของพระพุทธเจ้าต่อพุทธมารดาที่ทรงเห็นว่าเป็นความสำคัญอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าเลยทำภารกิจอันนี้เมื่อพร้อมที่จะทดแทนบุญคุณ หลังจากที่ได้ทรงตรัสรู้ได้ทรงบรรลุถึงพระนิพพานแล้ว รู้จักทางที่จะพาผู้ที่ต้องการไปพระนิพพานสามารถไปกันได้อย่างง่ายดาย ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้ามาทรงตรัสรู้ทางสู่พระนิพพาน ทางสู่การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏในไตรภพ ก็จะไม่มีใครสามารถออกจากการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏได้เลย และจะไม่มีใครมีความฉลาดมีความสามารถที่จะค้นพบทางที่จะพาให้ออกจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นานๆจะปรากฏขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง คนคนนั้นก็คือพระพุทธเจ้านี่เอง

ธรรมะบนเขา
วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๒
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน







“ความรักมีเงื่อนไขมาก ก็นำไปสู่ทุกข์มาก
ความรักที่มีเงื่อนไขน้อย ก็ทุกข์น้อย
ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข นี่จะไม่ทุกข์เลย”

พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ






“ลองให้อภัยดู แล้วจะรู้ว่าใจสบายแค่ไหน
เวรกรรมมันมีอยู่จริง เราไม่ใช่คนกำหนด
ไม่ต้องไปสาปแช่งใครให้บาปปากเรา
เพราะท้ายที่สุดแล้ว กรรมใคร กรรมมัน
จะไล่ทันกันเอง”

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ






#อริยประเพณี #อริยปฏิปทา

"..ผู้ใดตั้งใจและมีความปรารถนา
ความเพียรอย่างแรงกล้าเด็ดเดี่ยว
ให้เดินทางไปลำพังแต่เพียงผู้เดียว
เดินทางเที่ยววิเวก อย่าได้ใกล้ชิด
คลุกคลีกับผู้ใดหากแต่ให้มีความยินดี
กับความสงบอย่าได้มีความอยากมัก
มากหากแต่ให้มีความยินดีกับของๆ
เรามักน้อย ถือสันโดษ และยินดีใน
ความสันโดษ

ให้มีความยินดีพอใจในปัจจัยสี่
เฉพาะแต่ของที่ตนเองมีอยู่แล้ว
และได้ครอบครองมาโดยชอบธรรม
นี่คือสิ่งที่ยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา
และเป็น อริยประเพณี อริยปฏิปทา
ที่มีมาแต่กาลก่อนและคงดำรงสืบต่อ
มาไม่ได้ขาดในหมู่วงศ์พระอริยะ
ตั้งแต่อดีต..ปัจจุบัน..และสืบต่อไป
ในอนาคตข้างหน้า.."

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร





" ถึงแม้ว่าเราไม่รวยแต่เรามีความสงบใจแต่ไม่เดือดร้อนวุ่นวายเพราะปัจจัยสี่ที่เราต้องอาศัย เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่ที่อาศัยหรือยารักษาโรคนี้เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับชีวิตที่เราเกิดมาและจะอุดมสมบูรณ์ได้ก็ต้องอาศัยเหตุของการกระทำ
.
พระพุทธเจ้าท่านว่ามันมีเหตุมีเป็นที่มา เช่น เรารู้สึกเราหนีความยากจนเข็นใจไม่ค่อยจะพ้น เราก็ต้องรู้จักให้ทาน แก่สมณะชีพราหมณ์ ผู้ยากไร้ต่างๆ
.
อานิสงส์ของทานก็จะทำให้เราไม่ยากจนเข็นใจไร้ทรัพย์ เราอยากให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดปราดเปรื่อง อันนี้มันไม่มีสถานที่ให้ศึกษานอกจากพระพุทธศาสนาเท่านั้น
.
เอาจิตใจของเราที่รับรู้อารมณ์ต่างๆ มาฝึกหัดปฏิบัติธรรม ให้มีสติ สมาธิ ปัญญา มีเบรคไว้สำหรับใช้ในการคิด มีเบรคสำหรับใช้ในการพูด มีเบรคสำหรับใช้ในการทำ
.
เบรคของคน​นั้น​ ก็คือ สติ ถ้ามีสติเราก็สามารถเบรคได้ อันนี้พูดออกไปแล้วจะไม่เป็นที่ชื่นชมของมนุษย์เทวดาทั้งหลายเราก็หยุดซะ นั่นตัวเบรค สติเราจะระลึกได้ จะพูดอะไร ทำอะไร
.
ถ้าจะทำทางกายสิ่งที่เราจะทำลงไปนี้​ มันเป็นที่ตำหนิติเตียนของบัณฑิตและผู้รู้ทั้งหลายหรือไม่หรือเทวดาจะตำหนิรึเปล่า
.
การทำอะไรที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมเหล่านี้จะเป็นที่ตำหนิติเตียนของบัณฑิตและเทพ เทวดาทั้งหลาย
.
อันนั้นเราก็สร้างความอาภัพให้กับตัวเรา ทำอะไรก็ตามถ้าเราทำแล้วเป็นที่ชื่นชมของมนุษย์บัณฑิตและสัตบุรุษทั้งหลายเทพ เทวดาอนุโมทนาสาธุการ .. "

#หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร
วัดสันติวนาราม จ.จันทบุรี







❝ การจะเกิดเป็นคนนั้น มันยากมาก ยากอย่างที่ท่านเปรียบว่า
เต่าตาบอด มันจะว่ายน้ำเข้าฝั่ง แต่ทะเล มีตาข่ายกั้นอยู่ และมีรูเท่าตัวเต่าอยู่รูเดียว ถ้าหัวไปโดนตาข่าย มันจะจมลงไปอีก ๑๐๐ ปี จึงจะได้โผล่มาใหม่ คือ จะลอดได้ มันต้องฟลุ๊คที่สุด แต่อย่างนั้น โอกาสก็ยังง่ายกว่าโอกาสจะได้เกิดมาเป็นคน และเป็นคนอยู่ในพระพุทธศาสนา มันยากไม่พ้นวัฏสงสารไปได้ ❞

#หลวงปู่บุญฤทธิ์_ปัณฑิโต
วัดสวนป่าบุญฤทธิ์
(ที่พักสงฆ์สวนทิพย์)
อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี







. จงจำไว้นะ...เมื่อยังไม่ถึงเวลา

เทพเจ้าองค์ใดจะคิดช่วยเจ้าไม่ได้

ครั้งถึงเวลาทั้งฟ้าจบดินก็ต้านเจ้าไม่อยู่

จงอย่าไปเร่งเทวดาฟ้าดิน

เมื่อบุญเราไม่เคยสร้างไว้เลยจะมีใครที่ใหนมาช่วยเจ้า”

โอวาทธรรมหลวงปู่โต พรหมรังสี
วัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 209 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร