วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 16:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2023, 06:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ?

โยม : ชาติหน้ามีจริงไหมครับ ?

หลวงปู่ชา : ถ้าบอกจะเชื่อไหมล่ะ ?

โยม : เชื่อครับ

หลวงปู่ชา : ถ้าเชื่อคุณก็โง่

คำพูดดังกล่าวของหลวงปู่เล่นเอาคนถามงง ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ซึ่งหลวงปู่ชา ได้อธิบายไว้ว่า…

หลายคนถามอาตมาเรื่องนี้ อาตมาก็ถามเขาอย่างนี้เหมือนกันว่า ถ้าบอกแล้วจะเชื่อไหม ถ้าเชื่อก็โง่

เพราะอะไร ?​ ก็เพราะมันไม่มีหลักฐานพยานอะไรที่จะหยิบมาให้ดูได้ ที่คุณเชื่อเพราะคุณเชื่อตามเขา คนเขาว่าอย่างไร คุณก็เชื่ออย่างนั้น คุณไม่รู้ชัดด้วยปัญญาของคุณเอง คุณก็โง่อยู่ร่ำไป

ทีนี้ถ้าอาตมาตอบว่า คนตายแล้วเกิดหรือว่าชาติหน้ามี อันนี้คุณต้องถามต่อไปอีกว่า ถ้ามีพาผมไปดูหน่อยได้ไหม เรื่องมันเป็นอย่างนี้ มันหาที่จบลงไม่ได้ เป็นเหตุให้ทะเลาะทุ่มเถียงกันไปไม่มีที่สิ้นสุด

# ทีนี้.. ถ้าคุณถามว่าชาติหน้ามีไหม อาตมาก็ถามว่า
พรุ่งนี้มีไหม ถ้ามีพาไปดูได้ไหม

อย่างนี้คุณก็พาไปดูไม่ได้ ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะมีอยู่ แต่ก็พาไปดูไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น ถ้าวันนี้มี พรุ่งนี้ก็ต้องมี แต่สิ่งนี้มันเป็นของที่จะหยิบยก​ มาเป็นวัตถุตัวตนให้เห็นไม่ได้

ความจริงแล้ว พระพุทธองค์ท่านไม่ให้เราตามไปดูถึงขนาดนั้น ไม่ต้องสงสัยว่า ชาติหน้ามีหรือไม่มี ไม่ต้องถามว่า คนตายแล้วจะเกิดหรือไม่เกิด​ อันนั้นมันไม่ใช่ปัญหา มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา

#. หน้าที่ของเราคือ เราจะต้องรู้เรื่องราวของตนเองในปัจจุบัน เราต้องรู้ว่า เรามีทุกข์ไหม ถ้าทุกข์ มันทุกข์เพราะอะไร นี้คือสิ่งที่เราต้องรู้ และเป็นหน้าที่โดยตรงที่เราจะต้องรู้ด้วย

พระพุทธเจ้าท่านสอนให้เราถือเอาปัจจุบันเป็นเหตุของทุกอย่าง เพราะว่าปัจจุบันเป็นเหตุของอนาคต คือถ้าวันนี้ผ่านไป วันพรุ่งนี้มันก็กลายมาเป็นวันนี้ นี่เรียกว่าอนาคตคือพรุ่งนี้ มันจะมีได้ก็เพราะวันนี้เป็นเหตุ ทีนี้อดีตก็เป็นไปจากปัจจุบัน หมายความว่า ถ้าวันนี้ผ่านไป มันก็กลายเป็นเมื่อวานเสียแล้ว นี่คือเหตุที่มันเกี่ยวเนื่องกันอยู่

ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้เราพิจารณาเหตุทั้งหลายในปัจจุบัน เท่านี้ก็พอแล้ว ถ้าปัจจุบันเราสร้างเหตุไว้ดี อนาคตมันก็จะดีด้วย อดีตคือวันนี้ที่ผ่านไป มันย่อมดีด้วย

# ที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าเราหมดทุกข์ได้ในปัจจุบันนี้แล้ว .. อนาคตคือชาติหน้า​ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึง.

หลวง​พ่อ​ชา​ สุ​ภัทโท​ วัด​หนอง​ป่า​พง








…”ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้
ที่ใจมาครอบครองนี้
ไม่เป็นของใจเลย

มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่เป็นของใจ
ก็คือ..ความสงบ
ไม่มีใครสามารถเอาไปจากใจได้“.
…………………………………………
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๑๔ กัณฑ์ที่ ๓๘๕
วันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๑






“เราต้องมีความละอายแก่ใจอย่างบริสุทธิ์ใจ
ไม่ใช่ว่าต้องให้คนอื่นมาเห็น จึงจะละอาย”

ท่านพุทธทาสภิกขุ




"อะไรที่ทำให้เราต้องกระทบ ไม่ว่าทางโลก
หรือทางธรรม มันล้วนแต่กฎของกรรมทั้งนั้น
ไปพบชาวโลก เขาด่า เขานินทา เขาสรรเสริญ
เขาใช้เราทำโน่นทำนี่ ก็ต้องถือว่าพบพอดี
เราทำเขาไว้ก่อน ถ้าไม่ทำ ไม่เจอหรอก"

หลวงปู่บุดดา ถาวโร





”ชีวิตมนุษย์นั้นมีขึ้นมีลง วันนี้สูงส่ง พรุ่งนี้อาจตกต่ำ
ไม่มีสิ่งใดแน่นอน หรือยั่งยืนได้เลย หมั่นทำความดี
หรือสร้างบุญกุศลไว้ให้มากๆ เถิด แม้ยามที่ชีวิตตกต่ำ
ก็จะมีบุญกุศลหนุนนำ ช่วยให้พ้นจากความมืดมิด
ได้อย่างแน่นอน บุคคลที่เป็นคนดีนั้น ย่อมเป็นที่รัก
ไปทั้งสามโลก”

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 185 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร