ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ควบคุมจิตใจ
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=64612
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 25 ธ.ค. 2023, 05:02 ]
หัวข้อกระทู้:  ควบคุมจิตใจ

” ขอให้เอาไปปฏิบัติ “

ก็สอนอยู่หลายเรื่อง เรื่องสติ เรื่องปัญญา เรื่องสมาธิ ขอให้เอาไปปฏิบัติ ปัญญาก็ให้พิจารณาไตรลักษณ์ พิจารณาอนิจจังทุกขังอนัตตา พิจารณาอสุภะ พิจารณาปฏิกูล พิจารณาธาตุ ๔ ดินน้ำลมไฟ พิจารณาไปเรื่อย จนมั่นใจแล้วก็เอาไปทดสอบดูว่าปล่อยได้ไหม ปล่อยให้เป็นไปตามความจริงได้ไหม ปล่อยให้ร่างกายแก่เจ็บตายได้ไหม ปล่อยให้เวทนาเป็นไปตามเรื่องของเขาได้ไหม

เขาจะสุขก็ไม่ไปอยากให้เขาสุขไปตลอด เขาจะทุกข์ก็ไม่ไปอยากให้เขาหายไปเร็วๆ ปล่อยให้เขาเป็นไปตามเรื่องของเขา ถ้าทำได้แล้วใจจะเป็นอุเบกขา จะสงบ จะสักแต่ว่ารู้ รู้ว่าเป็นอย่างนี้ ไม่มีความอยาก จะเป็นอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นไป แล้วเราจะมีแต่ความสุขความสบายใจ ไม่ต้องไปแสวงหาอะไร เพราะความสุขที่แท้จริงอยู่ในใจเรานี่เอง ความสุขที่เกิดจากปริยัติและปฏิบัติจนปรากฏเป็นปฏิเวธขึ้นมา นั่นแหละคือความสุขที่แท้จริง อยู่ในใจเรา

ไม่ต้องรวยก็ทำได้ ไม่มีเงินให้ทานก็ไม่ต้องให้ ทานมีไว้สำหรับคนที่มีเหลือกินเหลือใช้ คนที่ไม่มีเหลือกินเหลือใช้ก็ไม่ต้องให้ หมดหน้าที่ ทานมีเพื่อปลดเปลื้องความยึดติดกับทรัพย์สมบัติข้าวของต่างๆ .

…………………………………………
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
จุลธรรมนำใจ ๑๗ กัณฑ์ที่ ๓๙๗
วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๒







"หยาดน้ำให้เอาจิตเอาใจหยาด เอาน้ำซื่อๆ หยาด ใจบ่หยาดมันสิได้หยัง เอาใจหยาดมันฮอดเมืองบาดาลพุ้นเด้ ใจมันอยากไปอเมริกาหลับตาลงมันกะฮอดอเมริกาเข้าใจบ่ อิหยังกะตามให้เอาใจเฮ็ดใจทำ ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลหาผู้ที่ล่วงลับ เอ้ารับพรบาดหนิ"

#ปัญญาวโรวาท
ปรารภธรรมก่อนฉัน
เมื่อวันที่ ๒๐ ธ.ค.๒๕๖๑ เวลา ๐๘.๔๕ น.

หลวงปู่สมภาร ปัญญาวโร
วัดป่าวิเวกพัฒนาราม อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ







เวลาที่เราจะแผ่ส่วนกุศล เราก็แผ่ส่วนกุศลให้บิดามารดา ครูบาอาจารย์ ญาติกาทั้งหลาย สรรพสัตว์ทั้งหลายทั่วทั้งจักรวาลให้มารับส่วนกุศลได้ ด้วยเหตุอย่างนี้การทำบุญทำกุศลแต่ละครั้ง จึงถือเป็นอานิสงส์ที่จะนับจะประมาณไม่ถ้วน

แม้ว่าการบริจาคนั้นจะน้อยเพียงใด จะมากเพียงใด ก็สามารถที่จะกลายเป็นอภินิหาร หรือ สิ่งมหัศจรรย์ ที่สามารถแผ่ส่วนกุศลเหล่านี้ ไปให้แก่ท่านผู้มีคุณได้ด้วยประการทั้งปวง

เพราะฉะนั้นสรุปแล้วก็คือ พยายามที่สุดที่จะให้เป็นนักบุญ และเมื่อละจากภพนี้ไป เทวะกายัง ก็จะได้กายเป็นเทพ สามารถที่จะได้รับความสุขจากการกระทำที่เราได้กระทำแล้ว

พระพรหมมงคลญาณ (วิ.)
หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร
เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล
ประธานผู้ก่อตั้งมูลนิธิสถาบันพลังจิตตานุภาพ







. เมื่อเกิดก็ไม่ได้เอาอะไรมา
เมื่อตายก็ไม่ได้เอาอะไรไป
ทรัพย์สมบัติข้าวของเงินทอง
หมดสิ้น ไม่ไช่ของเราเป็นของ
กลางสำหรับแผ่นดิน

ตายแล้ว
ทิ้งเสียหมด เอาไปไม่ได้
อย่าหลงมัวเมาไปเลย

แต่ความแก่ ความเจ็บ ความตายนี้เป็นของ ของเราแท้ หนีไม่พ้น เหตุนั้น
เราจึงอุตส่าห์รีบเร่งก่อสร้าง
บุญกุศล ซึ่งเป็นที่พึ่งของตน

จงอุตส่าห์บำเพ็ญศีล แลเจริญ
จตุรารักข์*.. แลวิปัสนานี้เป็น
ทางสวรรค์ แล​นฤพานเถิด.. "

* หมายเหตุ

จตุรารักขกัมมัฏฐาน คือ

1. เจริญพุทธานุสติ
ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย

2. เจริญอสุภกัมมัฏฐาน
พิจารณากายให้เห็นเป็นของปฏิกูล

3. เจริญเมตตา
แผ่เมตตาให้ตนเองและผู้อื่น

4.เจริญมรณานุสติ
พิจารณาความตายทั้งของตนเองและของผู้อื่น

คำสอนหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล
วัดดอนธาตุ จ.อุบลราชธานี







. ผู้มีปัญญา ไม่ควรให้สิ่งที่ล่วงแล้วตามมา ไม่ควรหวังในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

ผู้มีปัญญา ได้เห็นในธรรมซึ่งเป็นปัจจุบัน ควรเจริญความเห็นนั้นไว้เนืองๆ ควรรีบทำเสีย

ผู้มีปัญญา ซึ่งมีธรรมเป็นเครื่องอยู่ มีความเพียรแยกกิเลสให้หมดไป จะไม่เกียจคร้าน ขยันหมั่นเพียรทั้งกลางวันและกลางคืน

คำสอนหลวงปู่ มั่นภูริทัตโต








ต้นหาย กำไรสูญ
.
ต้นหาย กำไรสูญ เปรียบเสมือนคนเราบางคนที่ตั้งอกตั้งใจทำการทำงาน
จะประกอบการค้าขาย หรือทำกิจการงานอะไรก็ดี
ตั้งแต่เยาว์วัยจนกระทั่งเป็นหนุ่มเป็นสาว และแก่เฒ่าแก่ชราในที่สุด
และถึงพร้อมด้วยความร่ำรวยสมบูรณ์พูนสุข
สร้างบ้านสร้างเรือน สร้างหลักฐานได้อย่างมั่นคง
ตลอดจนสร้างเกียรติยศ สร้างชื่อเสียง จนได้ลาภได้ยศ
ได้สรรเสริญ ประสบความสำเร็จในชีวิตทางโลก ทุกสิ่งทุกอย่าง
.
แต่คนบางคนที่กล่าวถึงเหล่านี้ เมื่อถึงกาลเวลาอันสมควร
ซึ่งที่จริงก็เป็นการเพียงพอแล้วสำหรับทรัพย์สมบัติในทางโลก
ที่ได้สร้างสมมามากแล้ว ก็ควรจะหยุด
เพื่อรีบสร้างสมสิ่งที่เป็น “อริยทรัพย์” ในบั้นปลายของชีวิต
ให้มากที่สุดเท่าที่จะกระทำได้บ้าง
.
แต่เขาเหล่านั้นก็หาได้มีความหยุด ความยั้ง ความละ
ความปล่อย ความวาง ในทรัพย์สมบัติที่หามาได้เหล่านั้นไม่
มุ่งหน้าที่จะคิดอ่านประกอบกิจการงาน ให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไปเรื่อยๆ
โดยไม่คำนึงถึงว่า สักวันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว ความตายก็จะต้องมาถึงเข้าอย่างแน่นอน
ในที่สุดร่างกายของเขาก็ถึงซึ่งความแตกดับจริงๆ และย่อยยับสูญหายไป
ละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนหามาได้ไว้ในโลกนี้ให้กับคนอื่นทั้งหมด
ไม่สามารถที่จะนำเอาทรัพย์สมบัติเหล่านั้นติดตามตนไปได้แม้แต่นิดเดียว
.
โดยที่ตนเองมิได้ประกอบคุณงามความดี
ในทางสร้างสมในสิ่งที่เป็นอริยทรัพย์ให้มากเท่าที่ควรเลย
ซึ่งตนเองก็มีโอกาสและโชคดีอย่างดีที่สุดแล้ว
แต่ก็มิได้กระทำลงไป จึงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดในชีวิตของเขา
เปรียบเสมือน “ต้นหาย กำไรสูญ”
.
“ต้น” ก็คือร่างกายและทรัพย์สมบัติที่หามาได้ทั้งหมด
“กำไร” ก็คือบุญกุศลหรือสิ่งที่เป็นอริยทรัพย์
.
แทนที่จะได้ก็ไม่ได้ และถ้าใช้ทรัพย์สมบัติเหล่านั้นไปในทางที่ไม่ดี
ผิดศีลผิดธรรมอีกด้วยแล้ว หรือยึดในทรัพย์สมบัติที่หามาได้นั้นมากเกินไป
ก็ยิ่งจะขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ต้นก็หาย กำไรก็สูญ ชีวิตนี้ก็ขาดทุน
.
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต







#ถ้าเราเคยทำบาปไว้มาก

ถ้าเราทำบาปไว้มาก พระพุทธเจ้าทรงแนะนำไว้ว่าท่านทั้งหลาย #จงอย่านึกถึงความชั่วที่ทำมาแล้ว #นึกถึงความดีอย่างเดียว ที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำให้เจริญภาวนา หนึ่งการให้ทาน สองรักษาศีล สามเจริญภาวนา

ถ้าเราให้แต่ทาน และรักษาศีลสองอย่าง เราลืมง่าย ถ้าทุกขเวทนาเข้ามาถึงเราอาจจะลืมทาน ลืมศีล ดีไม่ดีจิตใจเศร้าหมอง ไปโกรธใคร เห็นภาพที่เราเคยฆ่าสัตว์บ้างอย่างนี้ เราลงนรกแน่นอน ถ้าเรามีภาวนาด้วย อันนี้ไม่แน่นอนนัก จะไปนรก ไปสวรรค์ยังไม่แน่นอน

ถ้าในคติสองอย่างเราภาวนาอ่อน ถ้าบังเอิญควบคุมจิตให้เป็นฌาน ถ้าใช้จิตทรงฌานไว้ทุกวัน คำว่าฌานไม่ใช่ของหนัก เป็นอารมณ์ชินคิดไว้เสมอว่าเราจะเจริญสมาธิ ตั้งใจภาวนาว่า #พุทโธ ภาวนาได้ทุกอย่าง ถ้าเราภาวนาเป็นปกติ วันหนึ่ง ๑๐ หรือ ๒๐ นาที คือว่ามีเวลาน้อยก่อนจะหลับ เมื่อศีรษะถึงหมอน ก็ภาวนากำกับพร้อมกับลมหายใจเข้าออก

แต่ถ้าสามารถทำได้ ก็นึกถึงภาพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง จะเป็นวัดไหนก็ได้ ที่เราชอบ หรือองค์ไหนที่เราชอบ ก็นึกถึงภาพองค์นั้น แล้วภาวนาพุทโธอย่างนี้ ทุกวัน ทำอย่างนี้ จนกว่าจะชิน คำว่า ชิน หมายความว่า ถ้าศีรษะถึงหมอนเมื่อไร เราภาวนาว่าพุทโธ เมื่อนั้น อย่างนี้เราเป็นฌาน ถ้าเป็นฌานอย่างนี้ทุกคน ถึงแม้ว่าจะบาปมากขนาดไหนก็ตาม ก่อนจะตาย แทนที่จะเห็นภาพที่เราเคยทำบาป บาปจะเข้ามาไม่ได้

มันจะมีแต่ภาพของบุญ ถ้าหากว่าวันไหน ถ้าเราตายจริง ๆ ก่อนหน้านั้นสัก ๒- ๓ วัน ก็จะมีรถทิพย์มารับ มีขบวนแห่ที่เทวดา นางฟ้า ท่านจะมาก่อนอย่างน้อย ๓ วัน ในเมื่อเราเห็นรถทิพย์ เห็นเทวดา เห็นนางฟ้า มีความสวยสดงดงาม จิตก็ลืมทุกขเวทนา จิตนึกถึงบุญอย่างเดียว อย่างนี้ทุกคนไปสวรรค์แน่...

โอวาทธรรม หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
จากหนังสือ ธรรมสัญจร เล่ม ๓ หน้า ๗๐ - ๗๑





#ศีลธรรม
" ศีลธรรม เท่านั้น ทำให้ใจร่มเย็นเป็นสุขได้
ศีล ในที่นี้ หมายถึง ใจที่มีความสำรวมดีแล้ว
ใจที่มีสติเป็นเครื่องคุ้มครองของจิตใจ
.. ถ้าหากว่า ปล่อยจิตปล่อยใจไปตามอารมณ์
เรียกว่า ใจนั้นยังไม่เป็นศีลเป็นธรรมขึ้นมาที่ใจ
เพราะไม่มีสติเป็นธรรมคุ้มครองสำรวมเอาไว้
ใจมีสติ ต้องอาศัยความพยายามสำรวม ระมัดระวัง "
____________________________________________
พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร ( หลวงปู่แบน ธนากโร )
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร






#เวทนาสักว่าแต่เวทนา

" เวทนา คือ ความเข้าไปเสวยอารมณ์

ทุกข์ ก็เป็นเวทนา สุข ก็เป็นเวทนา พอเป็นกลางๆ สุขก็ไม่ใช่ ทุกข์ก็ไม่ใช่ อันนี้ก็เป็นเวทนา เป็นเวทนาทั้งนั้น เราอยู่เฉยๆ เราสบายเราไม่สบาย เราจะอยู่ยังไงก็ช่างเป็นเรื่องของเวทนาทั้งนั้น

ใจของเราไม่สบายเป็นทุกข์ ใจของเราเป็นสุข ใจของเราสุขก็ไม่ใช่ ทุกข์ก็ไม่ใช่ ก็เพราะใจของเราไปเสวยสิ่งที่เป็นอารมณ์ที่มาสัมผัสทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย แต่ว่าอันนั้นไม่ทำให้เกิดทุกข์ อันนั้ไม่ทำให้เกิดสุข แต่ใจของเราก็เสวยเหมือนกัน เสวยอารมณ์ที่ว่าทุกข์ก็ไม่ใช่สุขก็ไม่ใช่

ใจของเรานี้เป็นผู้ไปเสวยเวทนา มันไปหาสัมผัสมันไปหาเสวยสิ่งที่ชอบใจนั้นก็เหลิงในสิ่งที่ชอบใจนั้น สิ่งที่ไม่ชอบใจมันก็หงุดหงิดหรือมันก็ท้อแท้ หรือว่ามันเป็นทุกข์หรือว่าไม่สบายใจ ใจอันนี้มันเกิดจากไปสัมผัสข้างนอกๆ แล้วก็ว่าอันนั้นเป็นรูปเป็นร่าง เป็นตัวเป็นตนเป็นจริงอย่างนั้น ไปยึดติดแล้วก็เป็นทุกข์เป็นสุขขึ้นมา

ในเมื่อเห็นกายชัดแล้วจะไปรับเอาอะไรมาเป็นอารมณ์ไม่มีเห็นกายที่ชัดตามความเจริง ปล่อยวางกายไปตามธรรมชาติที่เขาเป็นเวทนาก็อยู่ในกายนี้ทั้งนั้น เป็นของเกิดและดับเหมือนกัน "

..... หลวงปู่แบน ธนากโร
_______________________________________________









. หลวงปู่เคยเล่าเรื่องการปลุกเสกพระให้ฟังว่า
“เรื่องคงกระพันชาตรีนั้นทำง่าย แค่ขนลุกก็เหนียวแล้ว แคล้วคลาดยังดีกว่าเพราะไม่เจ็บตัว
แต่ที่ดีที่สุดคือเมตตา เพราะแคล้วคลาดยังมีศัตรูแต่รอดพ้นได้ ส่วนเมตตานั้นมีแต่คนรักไม่มีศัตรู การเสกพระให้มีพุทธคุณทางเมตตาจึงทำได้ยากที่สุด”

คำสอนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
วัดสะแก จ.อยุธยา







..คนเคยทำความดีแล้วไม่ได้ทำ ชีวิตก็ขาดทุนไม่เกิดประโยชน์ อยู่เฉยๆไม่เกิดประโยชน์ในชาตินี้ ดังนั้นให้ทำคุณงามความดีเอาไว้ ชีวิตของเราถึงจะมีประโยชน์ตั้งอยู่ในคุณงามความดี ชีวิตก็มีคุณค่ามีสาระมีประโยชน์มาก เหตุฉะนั้นเราปฏิบัติจนถึงความสุขเกษมศานต์นฤพาน เราก็ต้องอาศัยการทำบุญทำทานการกุศล รักษาศีลเจริญภาวนา
..ปฏิบัติไปเรื่อยๆก็จะมีสติปัญญาแก่กล้า ทำไปเรื่อยๆทุกภพทุกชาติก็จะสามารถขัดเกลาให้กิเลสหมดได้ จนถึงเมืองสุข คือเมืองนิพพานที่เราปรารถนา เกิดชาติใดภพใดถ้ายังเกิดอยู่ก็ขอให้มีความผาสุข ขอให้มีสติปัญญารักษาตนเองตั้งอยู่ในความดีอย่างนั้น ก็เรียกว่าพากันตั้งใจทำคุณงามความดี ชีวิตก็เลยมีประโยชน์ มีกำไรในชีวิต..

..#โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..
วัดอรัญญวิเวก ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/