ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ภาวนาอานาปานสติ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=65393 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 10 ก.พ. 2025, 13:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | ภาวนาอานาปานสติ |
"... เราภาวนาอานาปานสติ ก็ได้ทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา อยู่ในนั้น อาการบังคับตัวเอง ให้กำหนดลมหายใจ ข้อนี้เรียกว่าเป็นตัวศีล การกำหนดลมหายใจได้และติดต่อไป.. จน จิตสงบ ข้อนี้เรียกว่าสมาธิ การพิจารณากำหนดรู้ลมหายใจว่า ไม่เที่ยง ทนได้ยาก ไม่ใช่ตัวตน แล้วรู้การปล่อยวาง ข้อนี้เรียกว่าปัญญา ... การทำอานาปานสติภาวนา จึงกล่าวได้ว่าเป็นการบำเพ็ญครบ ทั้งศีล สมาธิ ปัญญา ไปพร้อมกัน ..." ------------------------------------------------ #พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) วัดหนองป่าพง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี (พ.ศ.๒๔๖๑ - ๒๕๓๕) บุคคลผู้ไม่ประทุษร้ายมิตร ย่อมได้รับการยกย่องบูชาในที่ทุกสถาน พระคติธรรม สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก "..ต่อไปนี้ให้นั่งขัดสมาธิ เอาขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติให้มั่นอย่าให้ฟั่นเฟือนประนมมือไหว้แล้วระลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่ในใจว่า พุทโธ เม นาโถ พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้า ธัมโม เม นาโถ พระธรรมเป็นที่พึ่งของข้าพจ้า สังโฆ เม นาโถ พระสงฆ์เป็นที่พึ่งของข้าพเจ้าแล้วว่าซ้ำอีกว่า พุทโธๆ ธัมโมๆ สังโฆๆ แล้วปล่อยมือลงข้างหน้า บริกรรมภาวนาแค่คำเดียวว่า พุทโธ ๓ ครั้ง ต่อจากนี้ให้นึกถึงลมหายใจเข้าออก คือให้นับลมเป็นคู่ๆ ดังนี้ พุท ลมเข้า โธ ลมออก อย่างนี้ไปจนถึง ๑๐ ครั้ง แล้วให้ตั้งต้นใหม่อีกดังนี้ คือ ลมเข้า พุทโธ หนหนึ่ง ลมออก พุทโธ หนหนึ่ง ภาวนาอย่างนี้ไปจนถึง ๗ หน แล้วให้ตั้งต้นใหม่อีกดังนี้คือ ลมเข้าลมออกให้ภาวนา พุทโธ หนหนึ่ง ทำอย่างนี้ไปจนถึง ๕ หนแล้วให้ตั้งตนใหม่อีกดังนี้คือ ลมเข้าลมออกหนหนึ่งให้ภาวนา พุทโธ ๓ คำ ทำอย่างนี้ไปจนครบ ๓ วาระของลมเข้าและลมออก ต่อนั้นให้บริกรรมแต่ พุทโธ คำเดียว ไม่ต้องนับลมอีกต่อไป ปล่อยลมตามสบาย ทำใจให้นิ่งๆ ไว้ที่ลมหายใจเข้าออกที่มีในช่องจมูก เมื่อลมออกอย่าส่งจิตออกตามลม เมื่อลมเข้าอย่าส่งจิตเข้าตามลม ทำความรู้สึกอย่างกว้างขวางเบิกบานแต่อย่าสะกดจิตให้มากเกินไป ให้ทำใจสบายๆ เมื่อเราหายใจออกไปในอากาศโปร่ง ฉะนั้นทำจิตให้นิ่งอยู่เหมือนเสาที่ปักไว้ริมฝั่งทะเล น้ำทะเลขึ้นเสาก็ไม่ขึ้นตามน้ำทะเล น้ำทะเลลงเสาก็ไม่ลงตาม เมื่อทำจิตนิ่งสงบไปในขั้นนี้แล้ว ให้หยุดคำภาวนา พุทโธ นั้นเสีย กำหนดความรู้สึกไว้เฉพาะลมหายใจแล้วค่อยขยับจิตเลื่อนเข้าไปตามกองลม.." #เทศนาธรรมคำสอน พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ (พ.ศ.๒๔๔๙-๒๕๐๔) "..เวลานั่งสมาธิ อย่านึกว่าเรามานั่งที่ศาลานี้ ให้นึกว่าเรานั่งอยู่ในป่าลึกคนเดียว ตัดปลิโพธกังวล ไม่คิดถึงหมู่คณะและใครทั้งหมด เรื่องดี ชั่ว มี จน ก็ไม่ต้องคิด คิดแต่เรื่องในกายของตัวเอง และตั้งสติสูดลมหายใจของตนอย่างเดียว หรือมิฉะนั้นก็ให้คิดว่าเวลานี้เรากำลังนั่งอยู่เฉพาะพักตร์พระพุทธเจ้า เราจะต้องระวังตัวระวังมารยาทของเราให้ดี ไม่ทำกิริยาลุกลิกลุกลน หรือแกะโน่น เก่านี่ กายก็ตรง ใจก็ตั้งเที่ยงเฉพาะพระองค์ หรือ “พุทโธ” อย่างเดียว มีสติทุกลมหายใจเข้าออก ไม่วอกแวกไปไหน..." #เทศนาธรรมคำสอน พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ (พ.ศ.๒๔๔๙-๒๕๐๔) หลักสำคัญที่ผู้เป็นอาจารย์พึงปลูกฝังให้ลูกศิษย์ คือทุกข์เกิดขึ้นและคงอยู่ด้วยตัณหา ทุกข์ลดได้ด้วยการลดตัณหา และทุกข์ดับไปด้วยการละตัณหาซึ่งสำเร็จได้ด้วยการปฏิบัติตามหลักอริยมรรค ความเข้าใจเช่นนี้เป็นรากฐานของสัมมาทิฏฐิ ผู้เป็นอาจารย์ต้องส่งเสริมลูกศิษย์ให้หมั่นสังเกตอย่างถี่ถ้วนว่าตัณหาเป็นพิษต่อจิตอย่างไร และการละตัณหาทำให้จิตเป็นอิสระเช่นไร ลูกศิษย์จำต้องเห็นด้วยตนเองว่ากิเลสที่แผดเผา อยากได้อยากมี อยากเป็น และไม่อยากมีไม่อยากเป็น ทำให้ทุกสิ่งเลวร้ายลงเสมอ ฝสถานการณ์ยุ่งยากและคนที่ยุ่งยากเป็นสาเหตุของความลำบาก แต่ไม่ใช่ต้นตอแห่งทุกข์ ชีวิตคนเรา มีอะไรมากมายที่ควบคุมไม่ได้ ความหวังจึงไม่ได้อยู่ที่การจัดการกับเงื่อนไขภายนอก แต่อยู่ที่การปฏิบัติตามหลักอริยมรรค ยิ่งเราหนักแน่นลึกซึ้งในธรรมะ เราจะยิ่งรับมือกับสิ่งท้าทายที่ต้องเผชิญได้อย่างเฉลียวฉลาดขึ้น ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |