วันเวลาปัจจุบัน 18 มิ.ย. 2025, 05:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2025, 09:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5356


 ข้อมูลส่วนตัว


"...เกิดมาเป็นคน ต้องรู้จักนับถือศาสนา อยู่บนสวรรค์ท่านเทวบุตร ท่านเทวดา ท่านยักษ์ เวสสุวรรณ เพิ่นยังคุ้มครองดูแลรักษาศาสนาให้ถึง ๕,๐๐๐ ปี

เกิดมาเป็นคน ประเสริฐหลาย บุญหลายแล้ว เกิดมาได้สร้างบุญ สร้างบารมี บุญบารมีนี้จะติดตัวเราไปทุกภพทุกชาติ..."

โอวาทธรรม
หลวงปู่สมกอง ญาณาสโย
วัดดานนกเขียน ต.นาทัน อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์



“ท่านอย่าคิดว่าสร้างความดีแล้ว
เวรกรรมจะไม่ตามสนอง ตรงกันข้าม
ยิ่งสร้างความดี ยิ่งกรรมมาชัด
มารไม่มี บารมีไม่เกิด สร้างความดี
ย่อมมีอุปสรรค เพราะเหตุใด?
เพราะ... กรรมมาทวงหนี้”

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม



"เขาว่าเราจริง
ก็ไม่ต้องโกรธเขา
เพราะเรื่องมันจริง

เขาว่าเราไม่จริง
ก็ไม่ต้องโกรธเขา
เพราะเรื่องมันไม่จริง

เท่านี้ก็จบ"

ท่านพุทธทาสภิกขุ



จะสนุกสนานเพลิดเพลินเฮฮาขนาดไหน มันก็ผ่านไป จากนั้นก็มีขึ้นมาอีก ก็เพลิดเพลินแล้วก็ผ่านไปอีก ไม่ผ่านแต่สิ่งเหล่านั้น ร่างกายของเราเป็นยังไง พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ปู่ทวดของเราท่านก็สนุกสนานเฮฮาอย่างที่เราเห็น ๆ ก็ผ่านไป เก็บเข้าฉากไป ก็จบไป เอาไปเผาไฟทิ้งไป นี่ล่ะโลกวัฏสงสารมันเป็นอยู่อย่างนี้ มันไม่มีที่สิ้นสุด

จุดนี้ล่ะที่พระพุทธเจ้าที่ท่านหนีออกจากเวียงวังไปเสาะแสวงหาโลกธรรมในป่าถึง ๖ ปี สาเหตุที่เห็นความแก่ ความเจ็บ ความตายของมวลมนุษย์ชาติ เห็นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายร่วงโรยไป ทิ้งสมบัติมาเป็นทอดๆ พ่อแม่ล้มหายตายจากไปให้ลูก พอลูกได้รับมรดกมาก็ให้ลูกอีก คนนั้นก็เป็นหลาน ถ่ายทอดมาเป็นทอด ๆ สมบัติในโลกนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของที่ถาวร มีแต่หมุนเวียนเปลี่ยนกันไปเรื่อย ๆ

ในหลักของพุทธศาสนา พระธรรมคำสอนของพุทธะท่านว่าไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เพราะว่ามันถ่ายเทกันไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครที่จะยึดเป็นถาวร เพราะฉะนั้นควรจะปล่อยวาง นี่ล่ะหลักธรรมคำสอนที่พระพุทธเจ้าที่ท่านเน้นหนัก

การปล่อยวางเป็นธรรมะขั้นสูงนะ ท่านให้ปล่อยวาง ให้รู้เห็นตามความเป็นจริง โลกวัฏสงสารนี้ ตั้งแต่เรายังไม่เกิดมันก็เป็นมาอย่างนี้ เมื่อเราตายไปแล้วมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะ โลกมันเป็นอยู่อย่างนี้ มันเป็นธรรมชาติของมัน

ถ้าเรามาพิจารณาดูแล้วไม่น่าจะเพลิดเพลิน ไม่น่าจะสนุกสนาน แต่ก็ไม่น่าจะซึมเศร้าอีกเหมือนกัน ให้พิจารณาตามความเป็นจริง ซึมเศร้าไปทำไม สนุกสนานไปทำไม ทำใจให้เป็นกลางให้เห็นตามความเป็นจริง โลกวัฏสงสารเป็นมาอย่างนี้จะต้องเป็นไปอย่างนี้ และก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร ทุกข์ ๆ จน ๆ บางภพบางชาติก็อดสูดูดาย เวียนว่ายตายเกิด พระพุทธเจ้าท่านว่ากรรมพานำมาเกิด มันเกิดได้ทั้งนั้นถ้าหากว่าเรายังไม่ชำระใจให้บริสุทธิ์ ถ้าใจบริสุทธิ์เป็นพระอรหันต์เมื่อใดก็เมื่อนั้นล่ะจบ ไม่มาเวียนว่ายตายเกิดอีก

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “เสียงเตือนจากเทวดา”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร