ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

อุบายปัญญา
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=66191
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 23 ต.ค. 2025, 09:49 ]
หัวข้อกระทู้:  อุบายปัญญา

อยากจะได้บุญ อยากจะบำรุงรักษา แต่บำรุงรักษามากไปก็ไม่ดีอีกหละ พระก็เลยหลงสมบัติกิเลสที่โยมให้อีกนั่นแหละ

เราต้องเข้าใจอย่างนั้นนะ เหตุนั้นการที่ควรให้ไม่ควรให้

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า

วิจาญาณัง สุขาตัสสะ
ผู้ใดมีศรัทธา หรือเป็นผู้ที่คัดเลือกวัตถุปัจจัยก่อนให้นี่
พระพุทธเจ้าสรรเสริญ

ท่านจึงว่า วิจาญาณัง สุขาตัสสะ
คือต้องเลือกก่อน พิจารณาก่อน
ศรัทธาจะทำ ก็ต้องผ่านปัญญาก่อน
ไตร่ตรองให้เรียบร้อยก่อน
ว่าจะทำสิ่งไหนที่มันจะได้เป็นผลดี
จะได้เป็นประโยชน์ในศาสนา

โอวาทธรรม

#หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร







"..ผู้ปฏิบัติพึงใช้อุบายปัญญาฟังธรรมเทศนาทุกเมื่อ ถึงจะอยู่คนเดียวก็ตาม คืออาศัยการกำหนดพิจารณาธรรม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็เป็นรูปธรรมที่มีปรากฏอยู่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็มีอยู่ ได้ยินอยู่ สัมผัสอยู่ ปรากฏอยู่ จิตใจเล่าก็มีอยู่ ความนึกคิด รู้สึกในอารมณ์ต่างๆ ทั้งดี และร้ายก็มีอยู่ ความเสื่อม ความเจริญ ทั้งภายนอก ภายใน ก็มีอยู่ ธรรมชาติอันมีอยู่โดยธรรมดา เขาแสดงความจริงคือ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ให้ปรากฏอยู่ทุกเมื่อ เช่น ใบไม้มันเหลืองหล่นร่วงลงมา พินิจพิจารณาด้วยสติปัญญา โดยอุบายมีอยู่เสมอแล้ว ชื่อว่า ได้ฟังธรรมทุกเมื่อแล.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)







"บุญนี้ต้องทำบ่อยๆ สะสมทีละเล็กทีละน้อย
ทำจนเป็นนิสัย บุญจากการทำสมาธินี้
เป็นยอดบุญ พยายามทนทำไปเถอะ
พอถึงที่สุดแล้ว มันจะมีพลังบัลดาลให้เรา
พบแต่สิ่งที่ดีงาม แล้วมันก็จะเป็นกำลังใจให้เรา
แก้ปัญหาชีวิต ผ่านพ้นวิกฤติไปได้"

หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ






"ความทุกข์มีขึ้นก็เพื่อสอนให้เรา
รู้จักความพ้นจากความทุกข์
ปัญหาเกิดขึ้นก็เพื่อสอนเราให้เกิดปัญญา
ด้วยเหตุนี้ ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว
หากคือครูที่มาสอนเราให้ฉลาดขึ้นนั่นเอง"

พระอาจารย์ไพสาล วิสาโล






มองโลกในแง่ดี ... ก็หลอกตัวเอง
มองโลกในแง่ร้าย ... ก็หลอกตัวเอง

มองโลกด้วย “ ใจเป็นกลาง ”
จึงเห็นโลกอันแท้จริง
...
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต






อริยสัจ ๔ ไม่ได้เดินทางมาจากไหน
เกิดอยู่กับกายกับใจเราเท่านี้

จงพากันตั้งใจภาวนาอย่าได้ขาดวันขาดคืน
เราทุกรูปทุกนาม ไม่ว่าหนุ่มหรือแก่เดินใกล้ความตายด้วยกันทุกคน
ไม่มีใครเดินห่างจากความตายแม้แต่คนเดียว

จงตั้งหน้ารับความตายด้วยความเพียรของเรา
จะมีชัยชนะไปเป็นลำดับ
ทางอื่นไม่มีทางจะสู้ความตายได้

ภพก่อนเราเคยทำดีทำชั่ว แต่เราจำไม่ได้ก็ไม่เดือดร้อน
ตกลงเราร้อน…เพราะสัญญาความจำของตนเอง

งานถอดถอนกิเลสเป็นงานที่เสร็จสิ้นลงได้
งานทางโลกหาทางสิ้นสุดไม่ได้ ตายก็ตายกับงาน
ตายกับความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ห่วงใย
ไม่มีใครทำงานสำเร็จแล้วค่อยตาย

ความตายมองเราอยู่ตลอดเวลา
ถึงคราวแล้วเขาไม่เลือกคนบุญคนบาป
มัดตัวไปด้วยกันทั้งนั้น

จงทราบว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนคนตายแล้ว
และไม่ได้สอนคนที่ยังไม่เกิด
จงเห็นว่า พระองค์สอนคนเป็น
คือ ยังมีชีวิตอยู่ เช่น พวกเราทั้งหลาย
สมกับพระพุทธศาสนาเป็นปัจจุบันทันสมัยตลอดกาล

การฝึกจิตเป็นของสำคัญมากทีเดียว
ฝึกให้ดีแล้วมันไม่สะทกสะท้านกับเรื่องความเป็นความตาย

ร่างนี้ไปหาเมรุหมด กลายลงไปเป็นดิน เป็นลม เป็นไฟ
แต่ใจนี้ออกไปถือภพใหม่แล้ว เกิดมาอีกนี่แหล่ะไม่หมด
ทำบุญก็เกิดตั้งแต่มนุษย์ขึ้นไปเรื่อยๆ สูงขึ้นไปเป็นลำดับ
ถ้าไม่มีบุญ มีแต่บาปก็ไปเกิดต่ำ อย่างน้อยไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน
มากกว่านั้นก็เป็นเปรตเป็นผีไปตามวิบากกรรมดีชั่วของตน

คัดลอกจาก : หนังสือคติธรรมะพระหลวงตา








"..ผู้ปฏิบัติพึงใช้อุบายปัญญาฟังธรรมเทศนาทุกเมื่อ ถึงจะอยู่คนเดียวก็ตาม คืออาศัยการกำหนดพิจารณาธรรม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็เป็นรูปธรรมที่มีปรากฏอยู่ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็มีอยู่ ได้ยินอยู่ สัมผัสอยู่ ปรากฏอยู่ จิตใจเล่าก็มีอยู่ ความนึกคิด รู้สึกในอารมณ์ต่างๆ ทั้งดี และร้ายก็มีอยู่ ความเสื่อม ความเจริญ ทั้งภายนอก ภายใน ก็มีอยู่ ธรรมชาติอันมีอยู่โดยธรรมดา เขาแสดงความจริงคือ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ให้ปรากฏอยู่ทุกเมื่อ เช่น ใบไม้มันเหลืองหล่นร่วงลงมา พินิจพิจารณาด้วยสติปัญญา โดยอุบายมีอยู่เสมอแล้ว ชื่อว่า ได้ฟังธรรมทุกเมื่อแล.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ. สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)







“โยม ... ไม้ อันที่อาตมาถืออยู่นี้น่ะ
มันสั้นหรือยาว”

โยม ... ไม้อันนี้ธรรมดาแท้ๆของมันก็มีแค่นี้
เท่านั้น มันไม่สั้น และก็ไม่ยาว
โยม ... ความต้องการที่จะให้ไม้นี้มันสั้นเข้า
หรือยาวออก นั่นแหละ “ทุกข์” ทุกสิ่งทุกอย่าง
ถ้าเรายอมตามธรรมชาติที่มันเป็นอยู่
“ยอม” ที่ไหน ทุกข์ไม่เกิดที่นั่น

สมมุติว่า วันนี้โยมหาเงินได้ ๑๐๐ บาท
ธรรมชาติของมันแค่ ๑๐๐ บาท
จะหาให้ได้มากกว่านั้น ก็ไม่ได้
จะอยากให้ได้น้อยกว่านั้น ก็ไม่ได้
หาได้ ๕๐ บาท ธรรมชาติของเขาก็แค่นั้น
หาไม่ได้เลย ธรรมชาติของมันก็เท่ากับ
หาไม่ได้เลย “ยอม” ตามธรรมชาติที่มันเป็น
ทุกอย่าง ทุกแห่ง ทุกข์ก็ไม่เกิด
ธรรมะอย่างนี้ปฏิบัติที่ไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้
ใครใครก็ปฏิบัติได้ ปฏิบัติเมื่อไหร่ที่ไหน
ทุกข์ก็ไม่เกิดเมื่อนั้น ที่นั่น
...
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)








"..อย่าให้กิเลสมาหลอกเรานะว่ามรรคผลนิพพานไม่มี มันยังจะหลอกให้จมไปอีกนะ นรกมีหรือไม่มี ความทุกข์ท่านทั้งหลายมีหรือไม่มี เรื่องความทุกข์มันเกิดจากความผิดความพลาดความเผอเรอของเรา แต่เพราะความฉลาดของกิเลสนั้นแหละ มันเหยียบหัวเราให้ได้รับความทุกข์ทรมาน มีหรือไม่มีทุกข์เวลานี้ เชื่อธรรมพระพุทธเจ้าไหมว่าทุกข์มีเพราะกิเลสสร้างขึ้นมา ธรรมมีก็มีขึ้นสร้างเรื่องความทุกข์ความทรมาน ก็ความทุกข์เพราะต่อสู้กับกิเลสเพื่อจะเอาความสุขต่างหากนี่นะ กิเลสไม่มีจุดหมายปลายทางนะ พาทุกข์ไปเรื่อย.."

เทศนาธรรมเมื่อ
๑๐ กันยายน ๒๕๔๕
พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)
วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
(พ.ศ.๒๔๕๖-๒๕๕๔)

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/