ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

หาทางพ้นทุกข์
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=66268
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 16 พ.ย. 2025, 10:49 ]
หัวข้อกระทู้:  หาทางพ้นทุกข์

นิโรธ คือ ความดับทุกข์ หรือเรียกว่า "หนีโลด"..หนีอะไร หนีออกจากกองทุกข์ เพื่ออะไร..เพื่อให้เห็นธรรม

หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม
วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร





"การให้ทานนั้น เป็นเครื่องแสดงออกถึงความมีน้ำใจ และความไม่ตระหนี่ถี่เหนียว
แม้ตายไปแล้ว ผลบุญจากการให้ทาน ก็ไม่ได้หายไปไหนนะ
จะติดตามอุ้มชูเราไปทุกหนแห่ง"

หลวงปู่แสง จนฺทโชโต (ญาณวโร)
วัดป่าดงสว่างธรรม จ.ยโสธร







"..พระธรรมของพระพุทธเจ้านั้น ไม่อาจค้นพบได้ด้วยตำราต่างๆ ถ้าท่านต้องการจะรู้เห็นจริงด้วยตัวของท่านเอง ว่าพระพุทธเจ้าตรัสสอนอะไร ท่านไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกับตำรับตำราเลย จงเฝ้าดูจิตของท่านเอง พิจารณาให้รู้เห็นว่าความรู้สึกต่างๆ(เวทนา) เกิดขึ้นและดับไปอย่างไร ความนึกคิดเกิดขึ้นและดับไปอย่างไร อย่าได้ผูกพันอยู่กับสิ่งใดเลย จงมีสติอยู่เสมอเมื่อมีอะไรๆเกิดขึ้นให้ได้รู้ได้เห็น

นี่คือทางที่จะบรรลุถึงสัจธรรมของพระพุทธองค์ จงเป็นปกติธรรมดาตามธรรมชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำขณะอยู่ที่นี่เป็นโอกาสแห่งการฝึกปฏิบัติ เป็นธรรมะทั้งหมด เมื่อท่านทำวัตรสวดมนตร์อยู่ พยายามให้มีสติ ถ้าท่านกำลังเทกระโถนหรือล้างส้วมอยู่ อย่าคิดว่าท่านกำลังทำบุญทำคุณให้กับผู้หนึ่งผู้ใด มีธรรมะอยู่ในการเทกระโถนนั้น อย่ารู้สึกว่าท่านกำลังฝึกปฏิบัติอยู่เฉพาะเวลานั่งขัดสมาธิเท่านั้น

พวกท่านบางคนบ่นว่า ไม่มีเวลาพอที่จะทำสมาธิภาวนา แล้วเวลาหายใจเล่ามีเพียงพอไหม การทำสมาธิภาวนา ของท่านคือการมีสติระลึกรู้ และการรักษาจิตให้เป็นปกติตามธรรมชาติในการกระทำทุกอิริยาบถ.."

สุภทฺโทวาท
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภทฺโท) วัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
(พ.ศ.๒๔๖๑-๒๕๓๕)







#ธนาคารบุญ

พวกเราทุกคนนั้น ต้องลาลับจากโลกนี้ไป “ทุกคน” ก่อนที่พวกเราจะไปนั้น เราต้องเตรียมบุญ เพราะว่าบุญนั้น ถ้าเราระลึกนึกถึง แล้วใจเรามีความสุข นั่นแหละเรียกว่าบุญ การที่พวกเราเข้ามาทำบุญนั้น ชื่อว่าพวกเราทุกคนเป็นผู้ไม่ประมาท เพราะพวกเราทุกคนนั้นเปรียบเหมือนว่า ได้มาสวดมนต์ ได้มานั่งภาวนา เปรียบเหมือนเราเก็บเงินฝากธนาคารเอาไว้ ถ้าพวกเราทุกคนมีเงินฝากธนาคารไว้เยอะ เปรียบเหมือนพวกเรานั้นได้น้อมจิตน้อมใจสร้างบุญไว้เยอะ เมื่อเรามีเงินฝากธนาคาร ที่เรียกว่า “ธนาคารบุญ” ถ้าเรามีบุญมาก เราจะเบิกบุญเอามาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ เพราะว่าเรามีต้นทุนที่ดี ที่เรียกว่าบุญ

.. บุญนั้น ย่อมนำพาให้จิตใจของเรานั้นเป็น “ผู้ไม่เร่าร้อน”

.. บุญนั้น ย่อมนำมาซึ่ง “ความสุขใจ”

.. ถ้าพวกเราสุขใจแล้ว บุญที่เกิดขึ้นนั้น มันทำให้จิตใจของพวกเราได้ “เบิกบานและผ่องแผ้ว”

วันหนึ่งวันหนึ่งถ้าพวกเราได้มาสวดมนต์ ได้มานั่งภาวนาอยู่อย่างนี้กันทุกวัน จิตใจของเรานั้นย่อมเจริญรุ่งเรือง เมื่อจิตใจของเราเจริญรุ่งเรืองแล้ว ถ้าเราอธิษฐานใจอธิษฐานจิตเป็น ลูกเต้าของเราก็จะพลอยเจริญรุ่งเรืองไปด้วย ด้วยอำนาจบุญกุศลที่พวกเราได้กระทำกันอยู่ทุกวันนี้ ขอให้เราจงปรีดิ์เปรมเกษมด้วยความสุข “ด้วยบุญที่เราทำ”

#หลวงปู่ทองดี_อนีโฆ
cr. ตอนหนึ่งจาก ฝึกสติด้วยการกำหนดภาวนา ๓ ฐาน ที่วัดใหม่ปลายห้วย จ.พิจิตร วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๔







"..อย่าปล่อยให้ตัวมานะ เข้าไปยื้อแย่งครอบครองศีลธรรมภายในใจได้ จะกลายเป็นผู้มีเขี้ยวมีเขาแฝงขึ้นมาในศีลธรรมอันเป็นธรรมชาติเยือกเย็นมาดั้งเดิม การฝึกหัดทรมานตนให้เป็นเหมือนผ้าเช็ดเท้าจนเคยชิน โดยไม่ยอมให้ตัวทิฏฐิมานะโผล่ขึ้นมา ว่าตัวมีราคาค่างวดนี้ เป็นทางก้าวหน้าของธรรมภายในใจโดยสม่ำเสมอ จนกลายเป็นใจธรรมชาติ ไม่หวั่นไหวเหมือนแผ่นดิน ใครจะทำอะไร ๆ ก็ไม่สะเทือน จิตที่ปราศจากทิฏฐิมานะทุกประเภทโดยประการทั้งปวงแล้ว ย่อมเป็นจิตที่คงที่ต่อเหตุการณ์ดีชั่วทั้งมวล.."

ภูริทตฺตธมฺโมวาท
พระครูวินัยธร (หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต) วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร
(พ.ศ.๒๔๑๓-๒๔๙๒)





.

#ให้อภัยจิตเราก็เป็นสุข

"ด้านปัญญา" เขาเคยอบรมมาแล้วแต่ว่าทำไมจึงเลว เพราะว่าทุกชาติที่เราเกิดมาต้องทำบาป บุญก็ทำ บาปก็ทำ

เวลาที่บาปให้ผลมันก็โง่ทุกอย่าง
เห็นจากดีเป็นชั่ว จากชั่วเป็นดี

เวลาที่บาปให้ผลเราต้องให้อภัยเขา ต้องนึกถึงตัวเราเหมือนกัน ว่าบางครั้งเราก็โมโหโทโสชาวบ้าน การที่โมโหโทโสชาวบ้านนี่มันตัวบาป

จำไว้นะ โมโหนี่ว่างๆ เราก็ถ่ายวีดีโอไว้ตั้งกล้องไว้ เวลาโมโหตั้งกล้องไว้แล้วก็ถ่ายมันออกท่าไหนบ้าง พอเลิกโมโหแล้วมาฉายให้ดู มันสวยไหม เสียงพูดก็เหมือนกันดีไม่ดีฟังไม่รู้เรื่อง โมโหคือ "โมหะ" ตัวหลง มันเป็นบาป

ความจริงคนทุกคนก็ต้องมีบาป เราก็ต้องคิดว่าบาปไม่ให้ผลเขาตลอดไป สักวันหนึ่งข้างหน้าความดีของเขาต้องมีขึ้นมีอยู่ต้องให้ผลก็ให้อภัยเสีย จิตเราก็เป็นสุข พยายามให้อภัย

เขาด่าเดี๋ยวนี้โกรธ
ต่อไปวันรุ่งขึ้นจิตมันคลายตัวคิดว่าการต่อกรกับคนที่ด่าเราไม่มี ด่าแล้วก็แล้วกันไป ค่อยๆ ทำอย่างนี้ไม่ช้าอารมณ์ก็ชิน

#คำว่าชินคือฌาน

วันนี้สอนกรรมฐานกันพูดเรื่อง "อภัยทาน" มันเป็นกรรมฐานกองไหน ก็ต้องตอบว่าเป็นกอง "สีลานุสสติกรรมฐาน" #อภัยทานนี้นะเป็นทานสูงสุดในพระพุทธศาสนา

ฉะนั้น ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลายโดยถ้วนหน้า ตั้งแต่บัดนี้ไปตั้งใจคิดให้ "อภัยทาน" ไว้เป็นปกติ จิตจะค่อยๆ เยือกเย็น มันแพ้บ้างชนะบ้าง ชนะบ้างแพ้บ้างก็ไม่เป็นไร ไม่ช้าเราก็ชนะถึงที่สุด

ถ้าชนะถึงที่สุดเมื่อไหร่
ท่านได้ครึ่งหนึ่งของอนาคามี......

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
_______________
จากหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" ปีที่ ๓๘ ฉบับที่ ๔๓๐ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๐ หน้า ๙๒





"... ชีวิตไม่ติดสมมุติ เงินทองก็แค่ประสากระดาษ
ว่าแล้วหลวงปู่แหวนก็เอาแบงก์ ๕๐๐ มามวนบุหรี่สูบซะเลย

"หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน" เคยเล่าถึงบทเรียนเกี่ยวกับการไม่ติดในสมมุติของ "หลวงปู่แหวน สุจิณโณ" ไว้ว่า.. พูดถึงเรื่องเงินก็ระลึกถึงหลวงปู่แหวน..!!

บทเวลาท่านจะทำ ท่านก็รู้และปฏิบัติตามสมมุติอยู่ตลอดมา ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไร ฝ่ายสมมุติเคารพว่าไม่ให้จับเงินทอง ท่านก็ไม่จับเหมือนพระทั้งหลาย
แต่บทเวลาจะพลิกล็อกนะ.. อยู่ ๆ ท่านก็ไปเอาธนบัตรใบละห้าร้อยมามวนบุหรี่มวนใหญ่ๆ เข้าใจไหมล่ะ?
หลวงปู่แหวนท่านสูบบุหรี่มวนใหญ่​
บทเวลาท่านจะพลิกล็อกก็เอาธนบัตรใบละห้าร้อยมามวนบุหรี่สูบปุ๊บ ๆ พวกพระเณรก็ตกตะลึงกัน

... เอ๊ยหลวงปู่! นี่มันธนบัตรใบละห้าร้อย เอามามวนบุหรี่สูบทำไม..?

ท่านก็ว่า..หือ..!!

ท่านทำท่าเหมือนไม่รู้นะ แล้วก็ตอบว่า
ประสากระดาษ
ประสากระดาษ เท่านั้นแหละ..!!ว่าแล้วท่านก็สูบเฉย สูบเสร็จก็ทิ้ง
จากนั้น​ ท่านก็ไม่เคยทำอีกนะ ทำทีเดียวพอให้โลกได้รู้บ้าง เพราะจิตของท่านบริสุทธิ์หมดแล้วนะ..

ท่านแสดงออกมาทางกิริยาแย็บเดียว จากนั้นท่านก็ไม่เคยทำอีก ท่านทำให้เป็นข้อคิดเฉย ๆ ไม่ใช่ท่านดื้อด้าน แต่ท่านทำให้เป็นข้อคิด

ถ้าเรายึดตามกิริยาสมมุติ พระเราก็เป็นสมมุติ รักษาสิกขาบทตามสภาพสมมุติ
เพราะฉะนั้น ท่านจึงรักษาธรรมวินัยเช่นเดียวกันหมด แต่จิตใจของท่านผ่านพ้นไปหมดแล้ว"
.
"... ท่านดูผมเวลาสูบบุหรี่ ผมไม่ได้กลืนควันเข้าไป ผมสูบเอาควันเข้าไปในปากมาก ๆ แล้วพ่นควันออกไป เมื่อพ่นควันออกไปแล้วก็ดูควันบุหรี่ ขณะที่ควันบุหรี่ออกจากปากมันจะม้วนตัวลอยสูงขึ้นไป

ขณะที่ม้วนตัวสูงขึ้นไป อันนี้แสดงถึงความทุกข์
ขณะที่ควันบุหรี่จางหายไป อันนี้แสดงถึงความไม่เที่ยง
เมื่อควันบุหรี่หายไปหมด แสดงถึงอนัตตา

... ผู้มีปัญญาเมื่อสูบบุหรี่จะพิจารณาตามที่เห็นจากควันบุหรี่ ท่านคอยดูควันบุหรี่ที่ผมจะพ่นให้ดู ดูให้เป็นปัจจุบัน
ดูควันบุหรี่ที่ออกมาจากปากผมและหายไปในที่สุด ควันบุหรี่จะเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ..."

ที่มาของบทความ: คัดมาจากหนังสือ
"ญาณสัมปันนธรรมานุสรณ์"
หลวงตามหาบัว​ ญาณสัมปันโน​
วัดป่าบ้านตาด​ จ.อุดรธานี
-------------------------------
#หลวงปู่แหวน_สุจิณโณ​
วัดดอยแม่ปั๋ง​ อำเภอพร้าว​ จังหวัดเชียงใหม่
(พ.ศ.๒๔๓๐-๒๕๒๘)






"รักษาศีล" ถ้ารักษาศีลบริสุทธิ์มันก็ไปนิพพาน นิพพานมันก็มีนั่งสมาธิหาทางพ้นทุกข์ไม่อยากกลับมาเกิด มาแก่ มาเจ็บ มาตายอีก ขอให้มีความสุขความเจริญทุกคนๆละที่มานี้ ใครมาก็แสวงอยากพ้นทุกข์ อยากได้บุญ ก็ให้สมปรารถนา สิ่งไหนที่ไม่ดีเราก็โยนเข้าป่าซะ เอาแต่สิ่งที่มันดีมาปฏิบัติตามไม่ใช่ว่าเราจะหลงไปตลอด ให้ดู ให้รู้ว่าเรามาจากไหน มาเอาเนื้อหนังมังสัง อัฐิกระดูกที่พ่อแม่เขาปั้นไว้ในท้องนี่ ปั้นตุ๊กตาเอาไว้ เราจิตวิญญานนี่มาจากไหนละ มาสวมเอา

พอมันเข้าไปได้ พอ 7-8 เดือนก็บอกว่าพี่ๆลูกเรามันดิ้นแล้วน่ะ แต่ก่อนมันทำไมมันไม่ดิ้น...ก็เพะราะจิตวิญญานยังไม่เข้า พอมันเข้าไปละ มันก็พูดล่ะ...พี่ๆลูกเราดิ้นแล้ว มันก็ดิ้นสิมันหาทางออก มันกลับหัวลงแต่ก่อนมันเอาหัวขึ้น

หาให้มันเห็นสิ หาที่เกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างหลวงปู่นี่ก็หาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ไปหา แต่ก่อนก็ไม่รู้อะไรเหมือนกันนั้นละ...หลง!! หลงทุกอย่าง..ก็ไปอยู่บนเขา เอาช้างเสือเป็นหมู่เป็นพวก บางครั้งไปนั่งอยู่ขนาดต้นเสานี่ (ท่านชี้ไปที่ต้นเสาศาลาที่อยู่ข้างหน้าใกล้ๆ)

มันโมโหขึ้นมาก็บอกว่า เฮ้ย!! มึงอยากกินกูไหม มากินความโง่ให้มันหมดไปสิ มันโง่มันหาอะไรก็ไม่เห็น มันก็เฉยมันก็ไม่ทำอะไรเรา เพราะว่ามันก็มาอาศัยเราเหมือนกัน มันหลบหลีกพวกนายพรานจะตามล่ามัน มันก็มาอาศัยพระเณร มันก็อยู่อย่างนั้นละ ช้าง เสือ

ข้าวก็ไม่ได้ฉันน่ะ กินแต่ยอดไม้ใบไม้แทนข้าว
อด..หวังอยากพ้นทุกข์ หวังอยากเห็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มันเป็นองค์ยังไง เราก็ปรารถนาไว้ว่า "ถ้าไม่เห็นจะไม่ออกจากป่า เห็นเมื่อไหร่ถึงจะออก"

ถอดจากเทปโอวาทคำสอน
หลวงปู่ประไพร สุภโร
วัดป่าไพรรัตนวณาราม เมตตาแสดงธรรมให้ไว้กับ คณะหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 59

ถอดเทป/เรียบเรียง : นรินทร์ ศรีสุทธิ์







ถ้าปกติจิตเรามันชอบคิดโน่นคิดนี่ตลอดเวลา
ต้องยอมรับว่า ก่อนที่จิตจะยอมรู้ตัวอยู่ใน
ปัจจุบัน โดยไม่ต้องคิด ไม่ต้องปรุงแต่งนั้น
ต้องค่อยเป็นค่อยไป แล้วสิ่งที่ต้องระวัง
ข้อหนึ่ง คือความท้อแท้หรือความเบื่อหน่าย

การที่จิตมีนิสัยชอบหลุดจากปัจจุบัน ไปอยู่
กับความจำความคิดนั้น เรื่องธรรมดา เหมือน
เราเห็นพฤติกรรมของเด็ก ของทารก เราก็
ไม่ถือสา ถือว่าเป็นปกติธรรมดาของเด็ก
จิตใจของเราที่ยังไม่ได้ฝึกอย่างดีก็เหมือนเด็ก
ไม่ต่างกันเท่าไร ทำแต่อะไรตามอารมณ์
มีสมาธิ มีความพร้อมที่จะอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ต่อเนื่องน้อย ก็เลยถือว่าธรรมดาของเด็ก
ธรรมดาของจิต แต่เป็นธรรมดาที่ไม่ตายตัว
แน่นอน เป็นความเป็นธรรมดาที่เรา
เปลี่ยนแปลงได้ ...

พระอาจารย์ชยสาโร
นำสมาธิภาวนา ในวาระปฏิบัติธรรม
บ้านบุญวันอาทิตย์ วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๘
ณ บ้านบุญ ปากช่อง นครราชสีมา

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/