ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

ความสุขใจ
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=66285
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 23 พ.ย. 2025, 13:16 ]
หัวข้อกระทู้:  ความสุขใจ

#จงถือความเพียรเพื่อความพ้นทุกข์
"การที่จะตั้งหลักตั้งฐานเบื้องต้นนี้ลำบากเหมือนกัน แม้ลำบากแค่ไหนก็อย่าถือเป็นอารมณ์ จะเป็นอุปสรรคแก่การดำเนินเพื่อมรรคเพื่อผลที่ต้นต้องการ จงถือความเพียรเพื่อความพ้นทุกข์นี้เป็นธรรมจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเพิ่มพูนให้มาก

สติ ซึ่งเป็นธรรมสำคัญจะต้องเพิ่มพูนให้มากเพื่อความเหนียวแน่นมั่นคง เพื่อความสืบต่อแห่งการระลึกรู้ตัวเสมอ ปัญญา ในโอกาสที่ควรพิจารณาก็ควรพิจารณาแยกแยะทั้งภายนอก ทั้งภายใน เทียบเคียงกัน

มรรคนั้นเป็นได้ทั้งภายนอกและภายใน ปัญญา เป็นได้ทั้งภายนอกภายใน ถ้าทำให้เป็นปัญญาที่เรียกว่า มรรค"

...... หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน







"..มนุษย์เราเกิดมาก็ต้องทำบาป เมื่อทำแล้ว ก็ต้องได้รับผลกรรมที่เราทำไว้ นี่เป็นสัจจะความจริงอย่างเด็ดขาด พ่อแม่ของเราทำกรรมมา เราเกิดมาก็ทำกรรมไป ทำไปทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว คนทำบาปจึงมีตัวอย่างให้เห็นมากมาย ทำบาปย่อมได้บาป ทำบุญย่อมได้บุญ

มีบางคนชอบพูดคะนองปากว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป พูดอย่างนี้ผิด พูดไม่รู้จริง เรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วนี้ เราต้องใจเย็นคอยดูผลตลอดชีวิต อย่าดูในระยะสั้นๆ ต้องดูไปเรื่อยๆ ในระยะยาว อย่าใจร้อนอยากจะเห็นผลดี ในเวลาอันรวดเร็วนัก

ทำดียังไม่ได้ดี เราต้องรอคอยผลดีได้ การทำดีเพื่อจะให้ดีนั้น เราต้องทำให้ถูกหลักคือ ทำให้ถูกดี ทำให้ถึงดี ทำให้พอดี อย่าทำเกินพอดี ทำให้ถูกบุคคล ทำให้ถูกกาลเทศะ การต้องการผลดีตอบแทนนั้น อย่าหวังผลแต่ด้านวัตถุท่าเดียว ต้องหวังผลทางใจคือ ความสบายใจ ความสุขใจด้วย.."

โอวาทธรรมคำสอน
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
วัดอรัญญวิเวก ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม
(พ.ศ.๒๔๓๑-๒๕๑๗)







"มีน้อย ก็ให้มีความสุข
มีมาก ก็ให้มีความสุข
ไม่มี ก็ให้มีความสุข

ความสุขของคนเราอยู่ที่การรู้จักพอ

พอใจ ในการเสียสละ
พอใจ ในการรักษาศีล
พอใจ ในการทำการทำงาน"

หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม





คนเราทะเลาะกันเพราะ "ทิฐิมานะ"
คนเราโกรธกันก็เพราะ "ทิฐิมานะ"
คนเราเกลียดกันก็เพราะ "ทิฐิมานะ"
คนเราเถียงกันก็เพราะ "ทิฐิมานะ"

เพราะ"ทิฐิมานะ" เป็นสิ่งที่ทำให้เราเกิดเป็นตัวเป็นตน มีเขามีเรา มีดีมีชั่ว
ยิ่งมี"ทิฐิมานะ"มากเท่าไหร่ ความเป็นตัวเป็นตนก็ยิ่งลำพองมากขึ้นเท่านั้น

ที่สำคัญคือ ทุกคนมี"ทิฐิมานะ"ด้วยกันทุกคน มีด้วยกันคนละมากๆ แต่เราไม่รู้ตัว "ทิฐิมานะ"ของใครก็ของคนนั้น

มันทำให้มีความลำพองว่าความคิดของตนดี ความเห็นของตนถูก ถูก และดีกว่าของใครเขา เขาไม่ได้โกรธเกลียดเราเพราะเราพูดผิดหรือเห็นผิด แต่เขาจะโกรธเกลียดเราเพราะ "ทิฐิมานะ" ของเขาทำให้เกิด

โกรธ เพราะต้องการปกป้อง"ทิฐิมานะ"ของตนเอง
ทะเลาะ เพราะต้องการปกป้องความคิดของตนเอง
เกลียด เพราะต้องการปกป้องตัวเองจากความคิดของผู้อื่น
เถียง เพราะต้องการปกป้องความภูมิใจในตนเองของเขา

เพราะฉะนั้น ต่อให้เอาเหตุผลหรือตรรกะที่มีอยู่ทั้งหมดในโลก ยกขึ้นมาพูด เขาก็จะไม่ฟังเรา ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ การปกป้องตนเองของอีกฝ่ายก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

ศิลปะในการจูงใจคนที่ดีที่สุด จึงเป็นการกระทำให้อีกฝ่ายเห็น ไม่ต้องพูด แต่ทำ ทำให้เห็น ทำแล้วก็ปล่อย เขาจะเห็นเขาจะคิดอะไร
คิดได้ หรือคิดไม่ได้ ก็ไม่ใช่เรื่องของเราอีกต่อไป

เพราะสิ่งที่เราได้คือ..
การลด"ทิฐิมานะ"ในใจของตนเอง

กราบ...หลวงพ่อชา สุภัทโท






"การที่ได้เข้าใกล้ครูบาอาจารย์เพียงอย่างเดียว ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยให้จิตใจของเราสูงขึ้นมาได้ มันอยู่ที่เราเองแต่ละคน ท่านเป็นเพียงผู้ชี้แนะ ครูบาอาจารย์เอาเรือมาให้ เราต้องเป็นผู้พายเรือ ท่านไม่พายให้เรา

ตัวเราเองต้องเป็นผู้พายเรือทวนกระแส ต้องทวนกระแสความอยาก ความเห็นแก่ตัวของกิเลส ด้วยการมองว่าเป็นการท้าทาย เป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีรสชาติ ให้ชีวิตมีความหมาย มองการปฏิบัติเหมือนกีฬา ทุกครั้งที่เราแพ้กิเลส ก็เหมือนเราเสียคะแนน ทุกครั้งที่เราชนะกิเลส ก็เหมือนเราได้คะแนน อย่างนี้ชีวิตประจำวันก็กลายเป็นเรื่องสนุกดี สนุกด้วยธรรม"

กราบโอวาทธรรม..พระอาจารย์ชยสาโร






” สอนหมดแล้ว ไม่ทำกันเอง “

ถาม : ทำไมไม่มีองค์ที่บรรลุแล้ว เขียนเป็นขั้นๆไว้ เป็น ๑ ๒ ๓ ๔ ๕

พระอาจารย์ : เขียนไว้แล้ว พระพุทธเจ้าทรงแสดงมรรค ๘ ไว้เป็นขั้นๆแล้ว

ถาม : ยังกว้างมาก

พระอาจารย์ : จะเอาละเอียดถึงขนาดไหน ขั้นแรกก็สติ ตื่นขึ้นมาก็ให้ตั้งสติก่อนเลย ก่อนจะลุกก็ต้องรู้ว่ากำลังคิดว่าจะลุกแล้ว แล้วก็เฝ้าดูความคิดกับการกระทำของเรา กำลังลุกแล้วนะ กำลังยืนแล้วนะ กำลังเดินแล้วนะ นี่ขั้นแรกก็สอนแล้ว ไม่ทำกันเอง

ถาม : แนวทางถึงโน่นเลยค่ะ

พระอาจารย์ : สอนหมดแล้ว สติไปสู่สมาธิ สมาธิไปสู่ปัญญา ปัญญาไปสู่การหลุดพ้น ชัดแจ้งแดงแจ๋อย่างนี้แล้ว จะให้ละเอียดถึงขนาดไหน ขั้นที่ ๑ ก็คือสติ ขั้นที่ ๒ ก็คือสมาธิ ขั้นที่ ๓ ก็คือปัญญา บอกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว เราไม่ทำกัน ตลอดเวลา ๓ ปีนี้ก็พูดแต่เรื่องนี้
หลวงตาเคยเทศน์ให้ฟังว่า สมัยที่ฟังเทศน์ของหลวงปู่มั่นนี่ เหมือนท่านเปิดตู้พระไตรปิฎกให้ดู ดูมรรคผลนิพพาน พอท่านเทศน์เสร็จเหมือนท่านปิดตู้ พอปิดตู้ปั๊บมันหายไปหมดเลย ตอนฟังก็เข้าใจ พอออกจากที่นี่ไปแล้ว หายไปหมดเลย ไปคุยเรื่องอื่นกันมาก ลบหมดเลย ไม่ได้เอาไปทำ พอไม่ได้ไปทำก็เป็นสัญญา จะลืมง่าย ถ้าเอาไปทำ เอาไปปฏิบัติจะเป็นความจริง จะไม่ลืม มีคนถามพระอรหันต์ว่าพระอรหันต์ลืมได้ไหม ท่านตอบว่าลืมได้ สัญญาอนิจจา มีอะไรที่ท่านไม่ลืมบ้าง ท่านตอบว่ามี คือพระอริยสัจ ๔ เป็นความจริง .

จุลธรรมนำใจ ๑๖ กัณฑ์ที่ ๓๙๓
วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๑

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี






"การเสียสละเงินทองของเรานี้เรียกว่าบุญ"

ถาม : หลวงพ่อเคยสอนว่าถ้าไม่ค่อยมีเวลาไปทำบุญตักบาตร ให้นำเงินใส่กระปุกไว้ ก็จะเหมือนเราได้ทำบุญทุกวัน แต่เวลาผ่านไปเป็นเดือนๆ ก็ยังไม่ได้นำเงินนี้ไปตักบาตรเช้า หนูสามารถนำเงินนี้ไปทำบุญอย่างอื่นเช่นทำทานให้กับวัด โรงพยาบาล โรงเรียน คนพิการนี้จะเป็นบุญเหมือนกับการตักบาตรพระหรือไม่เจ้าคะ

พระอาจารย์ : เป็นเหมือนกัน เป็นการเสียสละเงินทองของเรานี้เรียกว่าบุญ จะทำบุญในรูปแบบไหนก็ได้ แต่ประโยชน์ที่เกิดจากการทำบุญในรูปแบบต่างๆ ก็จะต่างกัน ทำบุญกับโรงพยาบาลก็โรงพยาบาลก็จะได้รับประโยชน์ ทำบุญกับพระสงฆ์องค์เจ้าพระสงฆ์องค์เจ้าก็จะได้รับประโยชน์ ทำบุญกับโรงเรียนโรงเรียนก็จะได้รับประโยชน์ แต่คนให้ได้ผลเหมือนกัน คือได้ความสุขใจได้บุญเหมือนกัน ทำได้ทุกแห่งทุกคน ทำกับพ่อกับแม่ก็ได้ ทำกับเจ้ากรรมนายเวรก็ได้ ศรัตรูของเราเนี่ย ซื้อไอโฟนให้มันซักเครื่องดู ดูซิว่ามันจะโกรธเกลียดเราต่อไปหรือเปล่า วันเกิดมันก็ส่งไปให้มันเลย (หัวเราะ)"

ธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี






"บางทีใจสบาย แต่กายไม่สบาย
บางทีกายสบาย แต่ใจไม่สบาย
บางทีสบายทั้งกายและใจ
และบางทีก็ไม่สบายทั้งกายและใจ

อาการเหล่านี้จะต้องดูให้รู้
รู้เหตุว่ามันเกิดจากอะไร..
ถ้าจับเหตุได้แล้ว ก็จะไม่เมื่อย ไม่ปวด และไม่ง่วง ไม่มึนอะไรเลย"

กราบโอวาทธรรม...ท่านพ่อลี วัดอโศการาม






พวกเราทุก ๆ ท่าน พยายามประพฤติปฏิบัติ ภาวนา พุทโธ ลมหายใจเข้าออก เวลาเดินก้าวพุทโธ พุทโธ พยายามทำให้มาก เจริญให้มาก ทำให้ต่อเนื่อง ถ้าหากว่าเราทำพอเยาะ ๆ แยะ ๆ ทำไปเป็นวัน ๆ ไป แต่มาทวงผล ทำไมเราภาวนาจิตใจของเราไม่สงบ เราไม่ได้มองเหตุเลย เหตุของเรานี้อ่อนแอมาก ไม่สมเหตุสมผลที่จะทำให้จิตสงบได้ มันก็สงบไม่ได้ ถ้าหากว่าเราทำสมเหตุสมผล พยายามเดินจงกรมให้มาก ภาวนาให้มาก บังคับให้มาก จิตใจของเราก็จะได้รับความสงบ ไม่เหลือบ่ากว่าแรง

อยากจะให้พวกเราทุก ๆ ท่าน ให้จิตสงบเป็นพื้นฐานให้ได้ สักครั้งหนึ่งก็ยังดีนะ ครั้งต่อไปก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ พยายามปลุกระดมตนเอง บังคับตนเอง ปลุกระดมตนเองให้สู้ ไม่มีใครที่จะเตือนเรานอกจากเรา ถ้าเราไม่เตือนเราจะให้คนอื่นบอกกล่าวนั้น บางทีเราเกิดอารมณ์โมโหโทโสให้เขา มีแต่เราเท่านั้นเตือนเรา

ถ้าเราต้องการความสุข ความเย็นใจแล้วเราก็ต้องเตือนเรา เตือนเราให้สู้ เตือนเราให้ประพฤติ เตือนเราให้นั่งสมาธิภาวนา เตือนเราให้เดินจงกรม อดหลับอดนอน อดทนต่อความหนาว ความร้อน ความหิว ความกระหาย ทั้งหมดสู้ทั้งหมด เมื่อสู้ไปแล้ว ใจของเราได้รับความสงบ ร่มเย็นขึ้นมาแล้ว นั่นแหละ ความคุ้มค่าหรือว่าการอดของเรา เราจะไม่เสียใจกับความอดทนของเราในขณะที่เราทำความเพียรเลย เราจะภาคภูมิใจตลอดไป ไปทดลองดูก็แล้วกันนะ

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “สมมติกับวิมุตติ”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖





"คนเราอย่าได้นับประมาท
ลาสาดูถูกดูแคลน
คนที่เขาทำบุญน้อยนิด

เพราะเขาอาจจะแลกด้วยชีวิต
ถึงจะได้เงินนั้นมาทำบุญ

เขาอาจจะได้อานิสงส์มากกว่าเรา
ที่มีเงินแสนเงินล้าน อีกก็ได้"
.
--- โอวาทธรรม ครูบาชัยวงศาพัฒนา
วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม อ.ลี้ จ.ลำพูน




"ความชั่ว ตั้งใจจะละไปจนตาย

ความดี ตั้งใจจะทำไปจนตาย

เราต้องตั้งใจอย่างนี้จึงจะใช้ได้"

โอวาทธรรม....ท่านพ่อลี วัดอโศการาม






"อย่าไปหลงคำชมของเขา ถูกเขาด่าเขาติ แสดงว่าเขาจริงใจนะ เขามองเรา เขาเห็นเราบกพร่องเขาจึงบอก ถ้าเขาเกลียดเรา เขาก็ไม่บอกเหมือนกัน เขาก็ยกให้สูงขึ้นไป พอตกมาก็จะเจ็บนะ แต่ถ้าใครเขากดเรา เขาติเรา เขาว่าเราเนี่ย จงจำไว้เถอะ..เขาให้ปัญญา เขาให้ความเจริญ"

พระราชวชิรภาวนาโกศล วิ.
ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค๑๒
เจ้าอาวาสวัดวีระโชติธรรมาราม
ปณิกธรรมวันออกพรรษา ๗-๑๐-๖๘






"พวกเราทุกคน..เดินไปที่จุดหมายปลายทางอันเดียวกันทุกคน
เดินไปสู่ความตายด้วยกัน
จะเดินแบบไหน
เดินแบบวุ่นวาย
เดินแบบสบายใจ
มันก็ถึงจุดหมายปลายทางอันเดียวกัน"

กราบพระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร จ.ชลบุรี





"เราอยู่ ณ สถานที่ใด อย่าให้ใครเดือดร้อน อย่าให้ใครเป็นทุกข์เป็นร้อนกับเรา เราต้องพึ่งตนเอง อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งของตน โกหินาโถปโรสิยา คนอื่นใครเลยจะเป็นที่พึ่งเราได้ ขนาดตนเองยังพึ่งตนเองไม่ได้ จะไปหาพึ่งคนอื่นมันยากอยู่นะ

การพึ่งเราก็พึ่งคนอื่น อย่างที่เราเป็นพระเล็กพระน้อย เราก็ต้องพึ่งครูบาอาจารย์ ให้สอนอรรถสอนธรรม สอนแนวความคิด สอนภาคปฏิบัติ สอนศีล สอนธรรม สอนจริยธรรม สอนวิธีการนั่งสมาธิภาวนา อันนี้เราพึ่งนะ แต่สิ่งภายนอก เราจะไปพึ่งตลอดไปไม่ได้ เราจะต้องพยายามพึ่งตนเองให้มากที่สุด ขนาดพึ่งตนเองยังพึ่งไม่ได้ เราจะไปหาพึ่งคนอื่นมันยากอยู่นะลูกหลานนะ

อันนี้ก็เป็นแนวคิด ให้ลูกหลานได้มองดูตนเอง อย่าไปคิดมุ่งหวังคนอื่นมาก อย่าไปหวังน้ำบ่อหน้าว่ามีอยู่ เราต้องเตรียมน้ำใส่กระบอก เตรียมไปด้วยนะ "

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “คนใจรั่วเก็บเงินไม่ได้”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๕







#หมั่นอบรมใจเพื่อให้นิสัยดีขึ้น

"พระพุทธเจ้าจึงสอนให้อบรมใจ ให้ทรมานใจตนเอง อย่างเบื้องต้นหัดอย่าให้มันโกรธ อย่าให้มันส่งส่ายไปหาความโกรธ ให้จิตให้ใจสงบขึ้น เนื่องจากมันเกิดที่ใจ เราจึงต้องมาหัดดูที่ใจ

พอมาหัดอบรมที่ใจแล้ว ใจมันก็ดี นิสัยมันก็ดีขึ้น ถ้าใจดีแล้ว กายมันก็ดีไปเสียทุกอย่าง ความโกรธมันก็ไม่มี ความหงุดหงิดฉุนเฉียวก็ไม่มี เพราะเราอบรมใจ"

กราบโอวาทธรรม...หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี






"ช้าง ม้า โคกระบือ เขายังหัดได้ ทำไมเราจะมาหัดตัวเองไม่ได้ มันติดข้องพัวพันอะไร ต้องตั้งใจขึ้นมาทั้งกาย วาจา ใจ ทั้งหมดตัวนั่นแหละ เรียกว่าตั้งใจ คิดไปในสิ่งใดไม่ดี ไม่มีประโยชน์ ไม่ต้องคิด เลิก ละความคิดชั่ว เหลวไหลนั้นเสีย"

กราบโอวาทธรรม...หลวงปู่สิม พุทธาจาโร





ถ้าหากว่าพวกเรามีแต่ คนนั้นน่าจะทำดี ก็คือโยนอยากจะให้คนอื่นเป็นคนดี แต่ลืมมองตนเอง ตนเองอยากจะทำอะไรก็ทำตามอำเภอใจ ทำตามอัตถาใจ บางครั้งก็คิดไปในทางที่ชั่วที่เลวเหมือนกัน บางทีก็เฉียดฉิวคุกตารางเหมือนกัน บางทีพูดออกไปขาดสัมมาคารวะ ทำให้เสียหายได้เหมือนกัน นี่แหละ ตัวเองมีแต่อยากจะให้คนอื่นดี แต่ตนเองก็เฉียดฉิวในการคิด การทำการพูดนั้น

เมื่อเรารู้แล้ว เอาเถอะ ข้าพเจ้าจะเป็นคนดี คิดดี ทำดี พูดดี ในเมื่อเราคิดดีทำดีพูดดีคนหนึ่ง หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสองแล้วนะ คนนั้นก็คิดอีกเป็นสาม คนนั้นก็คิดอีกเป็นสี่ คนนั้นก็อีกเป็นห้าก็คือให้ทำความดีจากตนเองออกไป พอทำความดีจากตนเองหลาย ๆ คนมันก็มาก พอมากขึ้นมา ความร่มเย็นเป็นสุขก็จะเกิดขึ้นในชุมชนสังคม เพราะต่างคนก็คิดดี ไม่คิดเบียดเบียนซึ่งกันและกัน มีแต่คิดเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ สงเคราะห์อนุเคราะห์กัน ไม่คิดที่จะฆ่ากัน ไม่คิดที่จะขโมยกัน ไม่คิดที่จะละลาบละล้วงในสามีภรรยาซึ่งกันและกัน ไม่คิดที่จะโกหกต้มตุ๋นหลอกลวงกัน แล้วก็ไม่คิดดื่มสุราให้ขาดสติ

ถ้าเราคิดได้อย่างที่หลวงพ่อพูดนี้นะ โลกยุคใดสมัยใดก็ร่มเย็นเป็นสุข เอาเถอะถึงใครจะเป็นคนดีไม่ได้ ข้าพเจ้าคนหนึ่งแหละจะเป็นคนดี ต้องคิดอย่างนั้น..

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “การอยู่ด้วยการ การเสียสละเป็นพื้นฐาน”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๖





"บางทีใจสบาย แต่กายไม่สบาย
บางทีกายสบาย แต่ใจไม่สบาย
บางทีสบายทั้งกายและใจ
และบางทีก็ไม่สบายทั้งกายและใจ

อาการเหล่านี้จะต้องดูให้รู้
รู้เหตุว่ามันเกิดจากอะไร..
ถ้าจับเหตุได้แล้ว ก็จะไม่เมื่อย ไม่ปวด และไม่ง่วง ไม่มึนอะไรเลย"

กราบโอวาทธรรม...ท่านพ่อลี วัดอโศการาม





"การเสียสละเงินทองของเรานี้เรียกว่าบุญ"

ถาม : หลวงพ่อเคยสอนว่าถ้าไม่ค่อยมีเวลาไปทำบุญตักบาตร ให้นำเงินใส่กระปุกไว้ ก็จะเหมือนเราได้ทำบุญทุกวัน แต่เวลาผ่านไปเป็นเดือนๆ ก็ยังไม่ได้นำเงินนี้ไปตักบาตรเช้า หนูสามารถนำเงินนี้ไปทำบุญอย่างอื่นเช่นทำทานให้กับวัด โรงพยาบาล โรงเรียน คนพิการนี้จะเป็นบุญเหมือนกับการตักบาตรพระหรือไม่เจ้าคะ

พระอาจารย์ : เป็นเหมือนกัน เป็นการเสียสละเงินทองของเรานี้เรียกว่าบุญ จะทำบุญในรูปแบบไหนก็ได้ แต่ประโยชน์ที่เกิดจากการทำบุญในรูปแบบต่างๆ ก็จะต่างกัน ทำบุญกับโรงพยาบาลก็โรงพยาบาลก็จะได้รับประโยชน์ ทำบุญกับพระสงฆ์องค์เจ้าพระสงฆ์องค์เจ้าก็จะได้รับประโยชน์ ทำบุญกับโรงเรียนโรงเรียนก็จะได้รับประโยชน์ แต่คนให้ได้ผลเหมือนกัน คือได้ความสุขใจได้บุญเหมือนกัน ทำได้ทุกแห่งทุกคน ทำกับพ่อกับแม่ก็ได้ ทำกับเจ้ากรรมนายเวรก็ได้ ศรัตรูของเราเนี่ย ซื้อไอโฟนให้มันซักเครื่องดู ดูซิว่ามันจะโกรธเกลียดเราต่อไปหรือเปล่า วันเกิดมันก็ส่งไปให้มันเลย (หัวเราะ)"

ธรรมะบนเขา
วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๐
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/