ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี มหานทีแห่งศรัทธา http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=10&t=55500 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 07 ก.ย. 2015, 16:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี มหานทีแห่งศรัทธา |
แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี มหานทีแห่งศรัทธา เรือจำนวนมากบริเวณริมฝั่งแม่น้ำคงคา เราต้องนั่งเรือออกไปยังกลางแม่น้ำ เพื่อชมพิธีอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อล้างบาปของชาวฮินดูในประเทศอินเดีย ในพระไตรปิฎกก็มีบันทึกไว้ชัดเจนว่า ตลอดชีวิตแห่งความเป็นพระบรมศาสดาของพระโคดมพุทธเจ้านั้น ล้วนแต่เกี่ยวเนื่องอยู่ในบริเวณ “ลุ่มแม่น้ำคงคา” พอสมควร แม้กระทั่งในวาระสุดท้ายของชีวิต ก็ไปไม่ไกลแม่น้ำคงคาเท่าใดนัก โดยเฉพาะการข้ามแม่น้ำคงคาจากเมืองท่า “ปัฏนะ” ไปสู่ “พระนครไพศาลี (ไวสาลี)” นั้น เป็นรอยประวัติศาสตร์ชัดเจนบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก “คงคา” เป็น ๑ ในแม่น้ำใหญ่ ๕ สาย ที่เรียกว่า “ปัญจมหานที” ได้แก่ แม่น้ำคงคา ยมุนา มหิ สรภู และอจิรวดี ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวอินเดีย ในสมัยพุทธกาล ณ บริเวณลุ่ม “แม่น้ำคงคา” กับ “แม่น้ำยมุนา” มาบรรจบกันนั้น เป็นอาณาบริเวณที่อุดมสมบูรณ์ เป็นที่ตั้งของนครและแว่นแคว้นที่สำคัญต่างๆ “คงคา” แปลตามตัวอักษรได้ว่า “ผู้ไปเร็ว” นับเป็นอารยธรรมแห่งสายน้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีความสำคัญที่สุด และประเสริฐที่สุด เพราะเชื่อว่าเป็นแม่น้ำที่ไหลมาจากสวรรค์ ต้นน้ำคงคาเกิดบนเทือกเขาหิมาลัยไหลลงมาเบื้องล่าง สูงกว่าระดับน้ำทะเล ๑๓,๘๐๐ ฟุต ณ บริเวณที่เรียกว่า “ภาคีรส” ในคัมภีร์ปุรณะ กล่าวไว้ว่า น้ำพระคงคาไหลพุ่งออกจาก “โคมุขี” หรือปากวัว ซึ่งถือเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นบันไดชั้นแรกที่พระศิวะเสด็จจากบัลลังก์บนยอดเขาไกรลาศ แล้วไหลลงมาตามช่องเขา ลงสู่ที่ลาดสูงแห่งหนึ่งเรียกว่า “คงโคตรี” ที่นั่นถือเป็นแหล่งศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งทางศาสนา มีโบสถ์พราหมณ์ตั้งอยู่หลังหนึ่ง เป็นที่รู้จักกันในหมู่ฮินดู ซึ่งผู้คนมากมายต่างก็อยากไปถึงที่นั่นกันทุกคน พราหมณ์-ฮินดู เขาเชื่อกันอย่างจริงจังตลอดมานับพันๆ ปีแล้วว่า แม่น้ำคงคาคือหนทางสู่สวรรค์ ดังนั้น สวรรค์ของชาวอินเดียจึงอยู่ที่แม่น้ำคงคาเท่านั้น เพราะเชื่อว่าสามารถล้างบาปให้คนได้ หรือหากจะดื่มกินก็ได้บุญ ยิ่งอาบทุกวันก็ยิ่งได้บุญ แม้แต่คนที่ตายไปแล้ว หากเอาศพโยนลงน้ำก็ดี หรือเอาเถ้าอังคารโปรยลงไปในน้ำก็ดี ก็เชื่อว่าจะได้ขึ้นสวรรค์ ตามริมฝั่งแม่น้ำคงคาจะมีพวกแขกที่เรียกตัวเองว่า “คงคาบุตร” เป็นผู้จัดพิธี และให้คำแนะนำกับคนที่จะมาอาบน้ำ ในวันหนึ่งๆ จะมีผู้คนพากันไปอาบน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อล้างบาปกันเต็มท่าน้ำไปหมด โดยเฉพาะท่าอัศวเมธ เมืองพาราณสี ยิ่งหากเป็นวันเพ็ญเดือนสิบสอง (หรือวันลอยกระทง) ด้วยแล้ว ชาวฮินดูจากทั่วทุกสารทิศนับแสนคนจะพากันมุ่งหน้าสู่เมืองพาราณสี เพียงเพื่อจะทำพิธีอาบน้ำล้างบาปที่แม่น้ำคงคา แม่น้ำสายศักดิ์สิทธิ์ของอินเดีย อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่ชาวฮินดูทุกคนล้วนปรารถนาจะมาตายและได้เผาศพที่นี่ บางคนรู้ตัวว่าใกล้ตายก็จะให้ลูกหลานพามารอที่นี่เลย เพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองได้มาตายที่พาราณสี ซึ่งใกล้กับท่าน้ำจะมี “เรือนนอนตาย” เตรียมเอาไว้สำหรับคนอนาถาและคิดว่าตัวเองกำลังจะตาย จึงมาพักเพื่อรอตายและจะได้ง่ายต่อการเผา อันมีที่มาจากศรัทธาและความเชื่อที่ว่าจะได้ไปสู่ภพชาติที่ดีกว่า บาปจะได้รับการชำระเสียแต่ชาตินี้ ดังนั้น เมื่อใกล้เวลาจะสิ้นอายุขัย ชาวอินเดียจึงปรารถนาว่าอยากจะมาตายริมฝั่งแม่น้ำคงคา ในเมืองพาราณสีจะมีที่เผาศพจุดใหญ่ๆ ๓ จุด สังเกตอย่างง่ายๆ ว่า จุดที่เผาศพจะมีฟืนกองเรียงรายตามริมฝั่งเพื่อใช้สำหรับเผา “ดูศพให้สังเกตที่ผ้าห่อศพ หากศพที่ห่อผ้าสีพื้นเป็นศพผู้ชาย แต่ถ้าผ้าห่อศพเป็นลายดอกไม้หรือสีสันอื่นๆ ที่งดงามลานตามักจะเป็นศพผู้หญิง” ลักษณะศพจะถูกห่อหุ้มด้วยผ้าและผูกติดกับแคร่ไม้ไผ่ เป็นแคร่ที่ใช้หามศพมายังที่เผา พิธีเผาศพของพวกฮินดูก็แสนจะเรียบง่าย ใช้ฟืนกองขึ้นเป็นเชิงตะกอน เอาศพจุ่มในแม่น้ำคงคาเป็นการชำระบาป จากนั้นนำศพขึ้นมาวางบนเชิงตะกอนแล้วจุดไฟเผา พอมอดก็กวาดเถ้าลงแม่น้ำคงคา เป็นอันว่าเสร็จพิธี ณ จุดที่เผาศพริมฝั่งแม่น้ำคงคา จะมีศพถูกนำมาเผาวันละประมาณ ๘๐-๑๐๐ ศพ หากเป็นคนจนก็มีเงินในการซื้อฟืนน้อย แต่ถ้าเป็นพราหมณ์หรือเป็นคนรวยจะซื้อฟืนมากกว่า ทำให้ฟืนเป็นสิ่งหนึ่งที่บ่งบอกสถานะของผู้ตาย แต่ถ้าหากว่าเป็นคนยากจนมากๆ ไม่มีเงินจะซื้อฟืน พระพรหมทรงอนุญาตให้ไปสวรรค์ทั้งตัว คือเอาศพโยนลงไปในแม่น้ำให้ลอยไป เพราะสักพักก็จะมีฝูงอีแร้งบินมาแย่งกิน รวมทั้ง ฝูงปลามาดูดเนื้อหนังและเลือดไปเป็นอาหาร ไม่นานร่างกายก็จะเหลือแต่กระดูก และจมลงไปในแม่น้ำอันเป็นสายธารสู่สวรรค์ ชาวฮินดูเมื่อมาถึงเมืองพาราณสี นอกจากจะมาทำปัจเจกพิธีที่แม่น้ำคงคาแล้ว มีความเชื่อกันว่า จะต้องไปนมัสการสถานที่สำคัญริมแม่น้ำ เรียกว่า “ปัญจตีรถะ” หรือท่าน้ำทั้ง ๕ คือ ท่าอัสสี ท่าทศอัศวเมธ ท่าปัญจคงคา ท่ามณิกรรณิกา และท่าอธิเกศวร ซึ่งเป็นความเชื่อคล้ายกันกับชาวพุทธเราที่ว่า เมื่อมาอินเดียต้องมานมัสการพุทธสังเวชนียสถานครบทั้ง ๔ แห่งให้ได้ ทว่าสำหรับพุทธศาสนิกชนคนไทย เมื่อไปแสวงบุญที่อินเดียแล้ว จะต้องมีหนึ่งวันที่ต้องเดินทางไปยังแม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี เนื่องจากพาราณสีเป็นเมืองที่มีท่าน้ำลงสู่แม่น้ำคงคามากที่สุด โดยมักจะล่องเรือไปกลางแม่น้ำคงคาตอนเช้ามืด เพื่อประกอบพิธีลอยประทีปและดอกไม้เพื่อขอขมาพระแม่คงคา อย่าได้แปลกใจ...หากว่าเดินเท้าเข้าไปถึงท่าน้ำ แล้วจะต้องพบกับผู้คนชาวอินเดียจำนวนมาก ที่มาประกอบภารกิจแตกต่างหลากหลาย อันสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของตนตั้งแต่เกิดจนตาย ณ แม่น้ำคงคาแห่งนี้ มีทั้งขอทาน พวกที่มาเผาศพ ฤาษีนักบวชมานั่งสวดมนต์ทำท่าทางแปลกๆ พลันที่แสงสุริยาเริ่มพ้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออก จะได้ยินเสียงเคาะระฆัง สั่นกระดิ่งเสียงดังกังวาน อันเป็นสัญญาณที่ส่งผ่านไปยังผู้คนที่ยืนอยู่ริมแม่น้ำ ให้เดินลงหรือกระโจนลงสู่ผืนน้ำ ทั้งอาบ ทั้งดื่ม และบรรจุลงภาชนะ นำกลับไปให้ญาติมิตรที่บ้านอีกด้วย ชาวฮินดูส่วนใหญ่ในหนึ่งวันจะอาบน้ำเพียงหนเดียวคือในยามเช้า โดยเฉพาะผู้คนที่อยู่แถบริมแม่น้ำคงคา การอาบน้ำในยามเช้าของคนอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดู มีเหตุผลสองประการ คือ ๑. เป็นการชำระร่างกายอันเป็นกิจประจำ สำหรับการทำความสะอาดภายนอก หากยังถือเป็นน้ำที่ “แม่” หรือ “มาตา” อันหมายถึงพระแม่คงคาประทานให้อาบและดื่ม ถือเป็นการล้างบาปไปด้วยในตัว ๒. การอาบในเวลาพระอาทิตย์ขึ้น เป็นการขอพรและบูชาพระสุริยเทพต่อการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เมืองพาราณสี นั้นจะแบ่งออกเป็น ๒ ส่วนตามฝั่งแม่น้ำคงคา กล่าวคือ ฝั่งหนึ่งนั้นเชื่อว่าเป็นฝั่งสวรรค์ จะมีผู้คนอาศัยสร้างตึกรามบ้านช่องอยู่ติดแม่น้ำ ที่โดดเด่นเห็นจะเป็นพระราชวังของพระเจ้าพรหมทัตแห่งกรุงพาราณสีเอง รวมถึงพระราชวังของราชาต่างเมืองอีกหลายองค์ที่มาสร้างปราสาทไว้ริมฝั่งแม่น้ำคงคาฝั่งสวรรค์ เฉกเช่นเดียวกับผู้คนทั่วไปจำนวนมากที่อยากจะมาเกิด มาอยู่ มาตายที่ฝั่งนี้ เพราะเชื่อว่าจะได้ไปสวรรค์ ส่วนอีกฝั่งนั้นเมื่อมองไปไกลๆ จะเห็นแต่ความมืดมิด แม้จะมีแสงสว่างแต่ก็ยังมองไปไม่เห็นฝั่ง ตามความเชื่อนั้นถือว่าเป็นฝั่งนรก จึงไม่มีใครกล้าไปอยู่ จะมีก็แต่ฝูงอีแร้งและหมาจิ้งจอกเท่านั้น แม่น้ำคงคาตรงเมืองพาราณสีนี้ ไหลกลับขึ้นไปทางทิศเหนือ นับว่าแปลกกว่าที่อื่นๆ ในคัมภีมหาภารตะ จึงสร้างความสำคัญขึ้นว่า ตรงนี้เป็นที่ซึ่งเทวโลก มนุสสโลก ยมโลก มาพบกัน ผู้ใดมาอดอาหารที่นี่หนึ่งเดือน และอาบน้ำตรงนี้ ผู้นั้นจะมองเห็นเทวดาทั้งหลาย วิถีชีวิตของชนชาวพื้นเมือง ณ ริมฝั่งแม่น้ำคงคาแห่งนี้ ได้สะท้อนให้เห็น “วิถีแห่งวัฒนธรรม” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัฒนธรรมแบบฮินดูที่ฝังรากลึกมากว่าสามพันปี ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเมืองนี้ พาราณสีได้ชื่อว่า เป็นเมืองที่มีหลักความเชื่อและแนวคิดของศาสนาฮินดูฝังรากลึกมากที่สุดกว่าทุกๆ เมืองในอินเดีย และมีวัฒนธรรมและอารยธรรมทางศาสนาที่เก่าแก่ที่สุด การมาเยือนพาราณสี จึงทำให้สัมผัสถึงเรื่องความตายได้อย่างเข้าใจในธรรมมากยิ่งขึ้น ดังนั้น คนอินเดียจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่อยู่กับธรรมชาติ และละวางต่อวาระแห่งความตายได้ดียิ่ง เป็นที่รู้กันว่า “ความตาย” หรือ “การตาย” เป็นเรื่องปกติธรรมของชาวฮินดู เพราะเหนือความตายเป็นการก้าวสู่ชีวิตใหม่ เป็นไปตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่คนฮินดูนับถือกราบไหว้ จะว่าไปก็คล้ายกับหลักธรรมของทางพุทธเราเหมือนกัน ในการระลึกถึงความตาย มีคำหนึ่งในทางพุทธศาสนา คือ “มรณานุสติ” ได้แก่ การระลึกถึงเรื่องความตาย ว่าเป็นสิ่งที่คนเราหลีกหนีไม่พ้น ดังนั้น จะมัวทุกข์กับความตายไปใย เมื่อรู้อยู่แล้วว่าสักวันไม่ช้าก็เร็วเราก็ต้องตาย และมิอาจจะแบกเอาทรัพย์สมบัติ ลาภ ยศใดๆ ไปด้วยได้ เมื่อตายไปก็ต้องทิ้งทุกสิ่งไว้ในโลก มีเพียงสิ่งเดียวที่จะติดตัวไปได้ก็คือคุณงามความดี ที่จะเป็นวีซ่าไปสู่สวรรค์ชั้นฟ้า และให้คนที่ยังอยู่ได้ระลึกถึงบ้าง แล้วเหตุใดยังมัว “หลง” หรือ “ยึดติด” ทรัพย์สมบัติในโลก อันเป็นของอนิจจังนั้นไปเพื่ออะไร การที่เรารู้จักการยกมรณาขึ้นมาพิจารณาอยู่เสมอ จะส่งผลให้จิตของเราเข้าใจปรากฏการณ์อันเป็นธรรมชาตินี้ และสามารถปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนลงได้ในที่สุด ดังนั้น ช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้จึงควรนำหลักธรรมแห่งความตายมาใช้สอนตนอยู่เสมอว่า “มะระณะธัมโมมหิ มะระณัง อะนะตีโต” เรามีความตายเป็นธรรมดา จะล่วงพ้นความตายไปไม่ได้ (อภิณหปัจจเวกขณ์) อภิณ๎หปัจจเวกขณปาฐะ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=28&t=20653 พิธีบูชาแม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี ริมฝั่งแม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี มหานทีแห่งศรัทธา แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี ยามอรุณรุ่ง แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี (จุดที่กว้างที่สุด) ฤาษี ณ แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี ปรับปรุงเพิ่มเติมจากบทความ “คงคา” มหานทีแห่งศรัทธา โดย อาจารย์กานต์ จอมอินตา ผู้อำนวยการโครงการธรรมาภิวัตน์ สถานีโทรทัศน์ ASTV จาก...นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ ๑๖๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ พุทธสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล : สถานที่อันเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=39377 |
เจ้าของ: | ลูกหว้า [ 13 ก.ย. 2015, 13:43 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี มหานทีแห่งศรัทธา |
เจ้าของ: | sirinpho [ 20 มี.ค. 2016, 11:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี มหานทีแห่งศรัทธา |
คงคา แม่น้ำสายศรัทธาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล |
เจ้าของ: | Duangtip [ 31 ม.ค. 2017, 22:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี มหานทีแห่งศรัทธา |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |