ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=17&t=57265 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 27 ส.ค. 2011, 10:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา |
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา เดี๋ยวมาต่อค่ะ |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 27 ส.ค. 2011, 17:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประวัติต้นพระศรีมหาโพธิ์ทั้ง ๔ ต้น ที่พุทธคยา แดนตรัสรู้ |
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย ในปัจจุบันนี้นับเป็นต้นพระศรีมหาโพธิ์ หน่อหรือต้นที่ ๔ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ที่สำคัญที่ยังคงยืนต้นอยู่ในปัจจุบันนี้ มี ๓ ต้น คือ (๑) ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ พุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งยืนต้นอยู่เหนือพระแท่นวัชรอาสน์ หรือโพธิบัลลังก์ ในปัจจุบันนี้นับเป็น “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” หน่อหรือต้นที่ ๔ เป็น ๑ ใน ๒ หน่อที่แตกขึ้นมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นที่ ๓ ที่ล้มตายไป โดยท่านเซอร์คันนิ่งแฮม ผู้เชี่ยวชาญทางโบราณคดีชาวอังกฤษ ได้บำรุงดูแลปลูกหน่อหนึ่่งไว้ที่บริเวณต้นเดิม อีกหน่อหนึ่งแยกนำไปปลูกไว้ ในที่ไม่ไกลจากต้นเดิมทางด้านทิศเหนือ ห่างกันประมาณ ๒๕๐ ฟุต ปัจจุบันต้นพระศรีมหาโพธิ์ทั้ง ๒ ต้นยังคงยืนต้นอยู่ มีอายุยืนถึงปัจจุบันนี้ กว่า ๑๓๗ ปี (นับจากเริ่มปลูกประมาณระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๒๓-๒๕๖๐) ได้ชื่อว่าเป็นต้นโพธิ์ที่มีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวพุทธ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ประเทศไทยได้พันธุ์ต้นพระศรีมหาโพธิ์ จากพุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ โดยตรงเป็นครั้งแรก ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปปลูกไว้ ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพฯ และวัดอัษฎางคนิมิตร เกาะสีชัง อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี (๒) ต้นอานันทโพธิ์ ณ วัดเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี ประเทศอินเดีย เป็นต้นดั้งเดิม โดยเป็นต้นโพธิ์ที่ได้ปลูกเป็นต้นแรกในสมัยพุทธกาล ที่ประตูหน้าวัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) (ปลูกจากเมล็ดของ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้) โดยพระอานนท์เป็นผู้ดำเนินการตามความปรารภของอนาถบิณฑิกเศรษฐี จึงเรียกชื่อว่า อานันทโพธิ์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นต้นโพธิ์ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก ที่ยังคงยืนต้นอยู่มาจนถึงปัจจุบัน (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐) มีอายุกว่า ๒,๕๖๐ ปี (มีอายุมากกว่าพุทธศักราช) และชาวพุทธนับถือว่ามีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์เป็นอันดับสอง รองจาก “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ พุทธคยาในสมัยพุทธกาล หลังจากตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ และประทับเสวยวิมุตติสุขของพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่ปรากฏหลักฐานว่าพระพุทธองค์ได้ทรงเสด็จมา ณ ที่แห่งนี้ แต่อย่างใด มีกล่าวถึงในอรรถกถา แต่เมื่อคราวพระอานนท์ได้มายังพุทธคยา เพื่อนำเมล็ดพันธุ์ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับตรัสรู้ กลับไปปลูก ณ วัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) ตามความปรารภของอนาถบิณฑิกเศรษฐี ซึ่งปรารถนาให้มีสิ่งเตือนใจเมื่อพระพุทธเจ้าทรงเสด็จไปประทับที่อื่น ประวัติความเป็นมาของ “ต้นอานันทโพธิ์” จากหนังสือปูชาวัลลิยะ ของสมาคมมหาโพธิ์ เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย ได้กล่าวไว้พอสรุปใจความได้ว่า... “แม้ว่าพระเชตวันมหาวิหาร จะเป็นที่ยังความสะดวกและความสงบให้เกิดได้ ยิ่งกว่าสถานที่แห่งใดๆ อันเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ได้ประทับพักตลอดปีไม่ แต่ละปีพระพุทธองค์ทรงประทับพัก เพียง ๓ เดือนในพรรษาเท่านั้น ส่วนอีก ๙ เดือนของปีนอกฤดูฝน พระองค์เสด็จจาริกออกไปแสดงธรรมในคามนิคมชนบทและหัวเมืองอื่น เมื่อพระพุทธเจ้าต้องเสด็จไปสู่ที่อื่นประมาณปีละ ๙ เดือน ชาวนครสาวัตถีผู้เลื่อมใสในพระธรรม ใคร่จะทูลเฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่เป็นนิจ ไม่ปรารถนาให้พระองค์เสด็จไปประทับแห่งใดๆ จึงพากันเกิดความเดือดร้อนใจ ปรึกษากันว่า จะทำไฉนหนอ จึงจะทูลเชิญพระองค์ให้ประทับอยู่ตลอดปีได้ เมื่อพระองค์ต้องเสด็จไป ก็ทำให้เกิดความอ้างว้างใจ จะหาสิ่งใดของพระองค์ให้ปรากฏอยู่เป็นเครื่องระลึกแทนองค์พระพุทธเจ้าได้ ความนั้นทราบถึงพระอานนท์เถระ พุทธอุปัฏฐาก เป็นต้น จึงนำกราบทูลให้ทรงทราบ พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระมหากรุณา เพื่อจะยังมหาชนให้สมปรารถนา จึงรับสั่งให้นำผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด) ที่ตำบลพุทธคยา มาปลูกไว้ที่หน้าวัดพระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี เพื่อเป็นเครื่องหมายแทนพระองค์ จักได้เป็นที่บูชากราบไหว้ของคนทั้งปวง ครั้งนั้นพระมหาโมคคัลลานะ อัครสาวกฝ่ายซ้าย ทราบความประสงค์ของพระพุทธเจ้า จึงทูลอาสาแสดงฤทธิ์ โดยเหาะไปในอากาศถึงตำบลพุทธคยา นำเอาผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด) กลับมายังพระเชตวันมหาวิหารได้ในวันเดียวกันนั้น ครั้นนำผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด) มาแล้ว ก็มีการปรึกษากันว่า ผู้ใดจักสมควรเป็นผู้ปลูก เบื้องต้นชาวเมืองและพระสงฆ์พร้อมใจกันถวายพระเกียรติ แด่พระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์ผู้ครองกรุงสาวัตถี ให้ทรงเป็นผู้ปลูก แต่ทรงปฏิเสธ โดยบอกว่าฐานะกษัตริย์ย่อมไม่มั่นคงถาวร ทายาทที่จะมาภายหลังจะให้ความคุ้มครอง บารุงรักษาต้นโพธิ์ต่อไปนี้ได้หรือไม่ก็ไม่ทราบได้ จึงควรยกเกียรตินี้ให้แก่คนอื่น ในที่สุดก็ได้ตกลงให้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นผู้ปลูก เพราะด้วยคิดกันว่า ต้นโพธิ์จะอยู่ภายในที่สาคัญของท่านอย่างหนึ่ง และท่านมีบริวารข้าทาสหญิงชายมาก คงสืบตระกูลช่วยกันรักษาต้นโพธิ์ ต่อๆ กันไปได้อีกอย่างหนึ่ง เมื่อปลูกเสร็จก็ได้มีการฉลองต้นโพธิ์ และพระพุทธองค์ก็ได้เสด็จประทับนั่งอยู่ภายใต้ต้นโพธิ์ ๑ ราตรี ตั้งแต่นั้นมา ชาวเมืองก็พากันกราบไว้ต้นโพธิ์เสมือนเครื่องระลึกแทนพระพุทธเจ้า ที่เรียกชื่อว่า อานันทโพธิ์ นั้นเป็นเพราะว่าพระอานนท์เป็นผู้จัดการดูแล เรื่องการปลูกและรดน้ำจนต้นโพธิ์เจริญเติบโตนั่นเอง” อานันทโพธิ์ต้นนี้ยังคงยืนต้นอยู่ ณ ภายในวัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) เมืองสาวัตถี รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ตราบเท่าถึงปัจจุบันนี้ อานันทโพธิ์ คือต้นโพธิ์ที่มาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ ชาวพุทธทั่วโลกจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาถูกทำลายมาแล้ว ๓ ครั้ง แต่ที่วัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) นี้ยังคงอยู่ ชาวพุทธเราจึงเชื่อว่า ต้นอานันทโพธิ์ มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา (๓) ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา (เมืองอนุราธปุระ เป็นเมืองมรดกโลกและเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศศรีลังกา) หลังพุทธกาลในรัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๓ พระนางสังฆมิตตาเถรี พระราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช พระภิกษุณีรูปสุดท้ายในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ขณะทรงอัญเชิญพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนามาเผยแผ่ในประเทศศรีลังกาเป็นครั้งแรก ได้ทรงนำกิ่งด้านขวาของ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาพร้อมกันด้วย โดยทรงเดินทางลงเรือมามอบให้แด่พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ เพื่อให้ประดิษฐาน (ทรงปลูก) ไว้ ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้ยังคงยืนต้นอยู่มาจนถึงปัจจุบัน (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐) มีอายุกว่า ๒,๓๐๕ ปี อันเนื่องมาจากชาวศรีลังกาได้ทำนุบำรุงรักษาดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีตลอดมา มีการค้ำด้วยไม้ที่หุ้มด้วยทองคำ และทำรั้วกำแพงทองคำล้อมรอบไว้ ผู้ที่จะเข้าไปกราบสักการะต้องผ่านการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๓๕๗ พระสมณทูตไทยได้นำหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองอนุราธปุระ มาด้วยจำนวน ๖ ต้น โดยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๒ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปปลูกไว้ที่เมืองนครศรีธรรมราช ๒ ต้น นอกนั้นให้ปลูกไว้ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, วัดสุทัศนเทพวราราม, วัดสระเกศฯ และที่เมืองกลันตัน ประเทศมาเลเซีย แห่งละ ๑ ต้น อนึ่ง ครั้งที่ ศ.ดร.นรนิติ เศรษฐบุตร เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มีโอกาสไปสักการะ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา และได้อัญเชิญหน่อของต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ได้ไปสักการะในครั้งนั้น มาปลูกไว้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นที่ร่มเย็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ รวบรวมและเรียบเรียงเนื้อหามาจาก :: (๑) บทความ โพธิญาณพฤกษา : ต้นโพธิ์ (ต้นอัสสัตถะ) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=17&t=19553 (๒) บทความของพระมหา ดร.คมสรณ์ คุตฺตธมฺโม เจ้าอาวาสวัดไทยเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี ประเทศอินเดีย บางตอนในหนังสือ...คู่มือเส้นทางบุญสู่สังเวชนียสถาน http://www.oknation.net/blog/mylifeandw ... 07/entry-1 (๓) หนังสือปูชาวัลลิยะ สมาคมมหาโพธิ์ เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย เว็บไซต์เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมกวย http://www.kuay.org ขอขอบพระคุณที่มาของรูปภาพ :: ซึ่งบันทึกและเอื้อเฟื้อโดย คุณ Venfaa Aungsumalin ⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱
พุทธสังเวชนียสถาน : สถานที่อันเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=39377 สุทัตตะ อนาถบิณฑิกเศรษฐี อุบาสกผู้มีอุปการคุณต่อพระศาสนา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=50333 พระสังฆมิตตาเถรี ภิกษุณีรูปสุดท้ายในประวัติศาสตร์เถรวาท http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=57241 ⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱⊰⊱ |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 23 ก.พ. 2012, 19:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประวัติต้นพระศรีมหาโพธิ์ทั้ง ๔ ต้น ที่พุทธคยา แดนตรัสรู้ |
“ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งยืนต้นอยู่เหนือพระแท่นวัชรอาสน์ หรือโพธิบัลลังก์ ในปัจจุบันนี้นับเป็น “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” หน่อหรือต้นที่ ๔ เป็น ๑ ใน ๒ หน่อที่แตกขึ้นมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นที่ ๓ ที่ล้มตายไป โดยท่านเซอร์คันนิ่งแฮม ผู้เชี่ยวชาญทางโบราณคดีชาวอังกฤษ ได้บำรุงดูแลปลูกหน่อหนึ่่งไว้ที่บริเวณต้นเดิม อีกหน่อหนึ่งแยกนำไปปลูกไว้ ในที่ไม่ไกลจากต้นเดิมทางด้านทิศเหนือ ห่างกันประมาณ ๒๕๐ ฟุต ปัจจุบันต้นพระศรีมหาโพธิ์ทั้ง ๒ ต้นยังคงยืนต้นอยู่ มีอายุยืนถึงทุกวันนี้กว่า ๑๓๗ ปี (นับจากเริ่มปลูกประมาณระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๒๓-๒๕๖๐) ได้ชื่อว่าเป็นต้นโพธิ์ที่มีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวพุทธ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ประเทศไทยได้พันธุ์ต้นพระศรีมหาโพธิ์ จากพุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ โดยตรงเป็นครั้งแรก ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปปลูกไว้ ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพฯ และวัดอัษฎางคนิมิตร เกาะสีชัง อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 23 ก.พ. 2012, 19:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประวัติต้นพระศรีมหาโพธิ์ทั้ง ๔ ต้น ที่พุทธคยา แดนตรัสรู้ |
“ต้นอานันทโพธิ์” ณ วัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) เมืองสาวัตถี แคว้นโกศล ชมพูทวีป เป็นต้นดั้งเดิม โดยเป็นต้นโพธิ์ที่ได้ปลูกเป็นต้นแรกในสมัยพุทธกาล ที่ประตูหน้าวัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) (ปลูกจากเมล็ดของ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้) โดยพระอานนท์เป็นผู้ดำเนินการตามความปรารภของอนาถบิณฑิกเศรษฐี จึงเรียกชื่อว่า อานันทโพธิ์ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นต้นโพธิ์ที่มีอายุยืนที่สุดในโลก ที่ยังคงยืนต้นอยู่มาจนถึงปัจจุบัน (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐) มีอายุกว่า ๒,๕๖๐ ปี (มีอายุมากกว่าพุทธศักราช) และชาวพุทธนับถือว่ามีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์เป็นอันดับสอง รองจาก “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ พุทธคยาในสมัยพุทธกาล หลังจากตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ และประทับเสวยวิมุตติสุขของพระพุทธเจ้าแล้ว ไม่ปรากฏหลักฐานว่าพระพุทธองค์ได้ทรงเสด็จมา ณ ที่แห่งนี้ แต่อย่างใด มีกล่าวถึงในอรรถกถา แต่เมื่อคราวพระอานนท์ได้มายังพุทธคยา เพื่อนำเมล็ดพันธุ์ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับตรัสรู้ กลับไปปลูก ณ วัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) ตามความปรารภของอนาถบิณฑิกเศรษฐี ซึ่งปรารถนาให้มีสิ่งเตือนใจเมื่อพระพุทธเจ้าทรงเสด็จไปประทับที่อื่น ประวัติความเป็นมาของ “ต้นอานันทโพธิ์” จากหนังสือปูชาวัลลิยะ ของสมาคมมหาโพธิ์ เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย ได้กล่าวไว้พอสรุปใจความได้ว่า... “แม้ว่าพระเชตวันมหาวิหาร จะเป็นที่ยังความสะดวกและความสงบให้เกิดได้ ยิ่งกว่าสถานที่แห่งใดๆ อันเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ได้ประทับพักตลอดปีไม่ แต่ละปีพระพุทธองค์ทรงประทับพัก เพียง ๓ เดือนในพรรษาเท่านั้น ส่วนอีก ๙ เดือนของปีนอกฤดูฝน พระองค์เสด็จจาริกออกไปแสดงธรรมในคามนิคมชนบทและหัวเมืองอื่น เมื่อพระพุทธเจ้าต้องเสด็จไปสู่ที่อื่นประมาณปีละ ๙ เดือน ชาวนครสาวัตถีผู้เลื่อมใสในพระธรรม ใคร่จะทูลเฝ้าพระพุทธเจ้าอยู่เป็นนิจ ไม่ปรารถนาให้พระองค์เสด็จไปประทับแห่งใดๆ จึงพากันเกิดความเดือดร้อนใจ ปรึกษากันว่า จะทำไฉนหนอ จึงจะทูลเชิญพระองค์ให้ประทับอยู่ตลอดปีได้ เมื่อพระองค์ต้องเสด็จไป ก็ทำให้เกิดความอ้างว้างใจ จะหาสิ่งใดของพระองค์ให้ปรากฏอยู่เป็นเครื่องระลึกแทนองค์พระพุทธเจ้าได้ ความนั้นทราบถึงพระอานนท์เถระ พุทธอุปัฏฐาก เป็นต้น จึงนำกราบทูลให้ทรงทราบ พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระมหากรุณา เพื่อจะยังมหาชนให้สมปรารถนา จึงรับสั่งให้นำผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด) ที่ตำบลพุทธคยา มาปลูกไว้ที่หน้าวัดพระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี เพื่อเป็นเครื่องหมายแทนพระองค์ จักได้เป็นที่บูชากราบไหว้ของคนทั้งปวง ครั้งนั้นพระมหาโมคคัลลานะ อัครสาวกฝ่ายซ้าย ทราบความประสงค์ของพระพุทธเจ้า จึงทูลอาสาแสดงฤทธิ์ โดยเหาะไปในอากาศถึงตำบลพุทธคยา นำเอาผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด) กลับมายังพระเชตวันมหาวิหารได้ในวันเดียวกันนั้น ครั้นนำผลสุขแห่งโพธิ์ (เมล็ด) มาแล้ว ก็มีการปรึกษากันว่า ผู้ใดจักสมควรเป็นผู้ปลูก เบื้องต้นชาวเมืองและพระสงฆ์พร้อมใจกันถวายพระเกียรติ แด่พระเจ้าปเสนทิโกศล กษัตริย์ผู้ครองกรุงสาวัตถี ให้ทรงเป็นผู้ปลูก แต่ทรงปฏิเสธ โดยบอกว่าฐานะกษัตริย์ย่อมไม่มั่นคงถาวร ทายาทที่จะมาภายหลังจะให้ความคุ้มครอง บารุงรักษาต้นโพธิ์ต่อไปนี้ได้หรือไม่ก็ไม่ทราบได้ จึงควรยกเกียรตินี้ให้แก่คนอื่น ในที่สุดก็ได้ตกลงให้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นผู้ปลูก เพราะด้วยคิดกันว่า ต้นโพธิ์จะอยู่ภายในที่สาคัญของท่านอย่างหนึ่ง และท่านมีบริวารข้าทาสหญิงชายมาก คงสืบตระกูลช่วยกันรักษาต้นโพธิ์ ต่อๆ กันไปได้อีกอย่างหนึ่ง เมื่อปลูกเสร็จก็ได้มีการฉลองต้นโพธิ์ และพระพุทธองค์ก็ได้เสด็จประทับนั่งอยู่ภายใต้ต้นโพธิ์ ๑ ราตรี ตั้งแต่นั้นมา ชาวเมืองก็พากันกราบไว้ต้นโพธิ์เสมือนเครื่องระลึกแทนพระพุทธเจ้า ที่เรียกชื่อว่า อานันทโพธิ์ นั้นเป็นเพราะว่าพระอานนท์เป็นผู้จัดการดูแล เรื่องการปลูกและรดน้ำจนต้นโพธิ์เจริญเติบโตนั่นเอง” อานันทโพธิ์ต้นนี้ยังคงยืนต้นอยู่ ณ ภายในวัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) เมืองสาวัตถี รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ตราบเท่าถึงปัจจุบันนี้ อานันทโพธิ์ คือต้นโพธิ์ที่มาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ ชาวพุทธทั่วโลกจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาถูกทำลายมาแล้ว ๓ ครั้ง แต่ที่วัดเชตวันมหาวิหาร (วัดพระเชตวัน) นี้ยังคงอยู่ ชาวพุทธเราจึงเชื่อว่า ต้นอานันทโพธิ์ มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่แพ้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา บริเวณโคนต้นอานันทโพธิ์ จะมีชาวพุทธนำกลีบดอกไม้ หลากสีสดสวยมาสักการะโดยรอบ แลดูงดงาม นอกจากนี้ก็ยังมีเสาเหล็กมาช่วยค้ำยัน เพื่อช่วยพยุงกิ่งของต้นอานันทโพธิ์มิให้ทรุดพังลงมา |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 23 ก.พ. 2012, 22:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ประวัติ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ทั้ง ๔ ต้น ที่พุทธคยา แดนตรั |
“ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา (เมืองอนุราธปุระ เป็นเมืองมรดกโลกและเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศศรีลังกา) หลังพุทธกาลในรัชสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๓ พระนางสังฆมิตตาเถรี พระราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช พระภิกษุณีรูปสุดท้ายในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท ขณะทรงอัญเชิญพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนามาเผยแผ่ในประเทศศรีลังกาเป็นครั้งแรก ได้ทรงนำกิ่งด้านขวาของ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ พุทธคยา ประเทศอินเดีย อันเป็นสถานที่ตรัสรู้ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาพร้อมกันด้วย โดยทรงเดินทางลงเรือมามอบให้แด่พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ เพื่อให้ประดิษฐาน (ทรงปลูก) ไว้ ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา ต้นพระศรีมหาโพธิ์ต้นนี้ยังคงยืนต้นอยู่มาจนถึงปัจจุบัน (ปี พ.ศ. ๒๕๖๐) มีอายุกว่า ๒,๓๐๕ ปี อันเนื่องมาจากชาวศรีลังกาได้ทำนุบำรุงรักษาดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีตลอดมา มีการค้ำด้วยไม้ที่หุ้มด้วยทองคำ และทำรั้วกำแพงทองคำล้อมรอบไว้ ผู้ที่จะเข้าไปกราบสักการะต้องผ่านการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เพื่อความปลอดภัย ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ปี พ.ศ. ๒๓๕๗ พระสมณทูตไทยได้นำหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมืองอนุราธปุระ มาด้วยจำนวน ๖ ต้น โดยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๒ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำไปปลูกไว้ที่เมืองนครศรีธรรมราช ๒ ต้น นอกนั้นให้ปลูกไว้ที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, วัดสุทัศนเทพวราราม, วัดสระเกศฯ และที่เมืองกลันตัน ประเทศมาเลเซีย แห่งละ ๑ ต้น อนึ่ง ครั้งที่ ศ.ดร.นรนิติ เศรษฐบุตร เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มีโอกาสไปสักการะ “ต้นพระศรีมหาโพธิ์” ณ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา และได้อัญเชิญหน่อของต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ได้ไปสักการะในครั้งนั้น มาปลูกไว้ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นที่ร่มเย็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |