ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
อันตรายจากภาชนะหุงต้มในครัว..ที่คุณลืมคิด http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=19&t=18629 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | บัวไฉน [ 22 ต.ค. 2008, 09:08 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | อันตรายจากภาชนะหุงต้มในครัว..ที่คุณลืมคิด | ||
อันตรายจากภาชนะหุงต้มในครัว..ที่คุณลืมคิด ในยุคที่ผู้คนตื่นตัวในเรื่องของสุขภาพ สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเราหวาดผวากันมากคือสารพิษปนเปื้อนที่มากับอาหาร แต่สารพิษส่วนหนึ่งที่เราได้รับอาจเกิดขึ้นจากภาชนะในครัวเรือนที่ใช้กันอยู่ทุกวัน เมื่อหลายปีที่แล้วนักวิจัยได้เตือนผู้บริโภคว่า อะลูมิเนียมอาจมีส่วนที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ ทำให้ผู้บริโภคพากันโยนหม้อ กระทะที่ทำจากอะลูมิเนียมทิ้งเป็นจำนวนมาก แต่ข้อมูลการวิจัยในปัจจุบันพบว่า อะลูมิเนียมที่ละลายออกมาปนในอาหาร มีปริมาณเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้นการใช้ภาชนะอะลูมิเนียมหุงต้มอาหารจึงค่อนข้างปลอดภัย ภาชนะที่ทำจากสเตนเลส เป็นภาชนะที่นิยมใช้รองลงมา สเตนเลสมีส่วนผสมของโลหะหลายชนิด เช่น นิกเกิล โครเมียม เหล็ก และโมลิบเดนัม จากการวิจัยพบว่าภาชนะเครื่องครัวที่ทำจากสเตนเลสอาจให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะสเตนเลสมีส่วนผสมของโครเมียมและธาตุเหล็กซึ่งเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย เมื่อนำมาใช้หุงต้มก็จะมีธาตุเหล่านั้นออกมาปะปนในอาหารเพียงเล็กน้อย จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแต่กลับให้ประโยชน์ต่อผู้ที่ขาดโครเมียมและธาตุเหล็ก แต่ขณะเดียวกันสารนิกเกิลอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการของผิวหนังได้ในผู้ที่แพ้นิกเกิล อย่างไรก็ตามนิกเกิลจะละลายออกมาในอาหารที่เครื่องปรุงมีฤทธิ์เป็นกรด เช่น การใช้น้ำส้มสายชูหรือซอสมะเขือเทศ สำหรับคนที่มีอาการแพ้สารนิกเกิล ก็อาจจะเลือกใช้ภาชนะสเตนเลสที่เคลือบสารอีนาเมล ซึ่งเป็นสารเคมีที่ไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยากับอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด ภาชนะที่ทำมาจากทองแดง ตอบสนองต่อความร้อนได้ดี แต่ถ้านำมาปรุงอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดจะสามารถละลายทองแดงออกมาได้ ทองแดงจะเป็นธาตุที่สำคัญต่อร่างกายในการช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง การได้รับทองแดงในปริมาณเล็กน้อยไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ แต่ถ้าร่างกายได้รับการสะสมทองแดงในปริมาณมากเกินระดับที่ควรมีในเลือด จะทำให้เกิดอาการท้องเสียและอาเจียนจากทองแดงเป็นพิษได้ เพื่อป้องกันปัญหานี้ภาชนะที่ทำจากทองแดง จึงได้รับวิวัฒนาการขึ้นมาด้วยการเคลือบดีบุก แต่ดีบุกที่เคลือบไว้ก็จะมีการเสื่อมไปตามอายุการใช้งาน ฉะนั้น เมื่อใช้ไปนานๆ ก็ควรจะมีการเปลี่ยนใหม่ ภาชนะที่เคลือบสารเทฟลอน สารชนิดนี้ช่วยป้องกันการติดของอาหาร ทั้งยังทำความสะอาดง่ายและช่วยลดปริมาณไขมันในการปรุงอาหารได้ด้วย เพราะภาชนะหากไม่เคลือบเทฟลอนจะต้องใช้น้ำมันมากขึ้นเวลาผัดหรือทอด เพื่อไม่ให้อาหารติดกระทะ อนึ่ง หากมีการลอกหลุดของสารที่เคลือบปะปนกับอาหาร ก็จะไม่เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคเนื่องจากเป็นสารที่ไม่เป็นพิษ ร่างกายไม่สามารถดูดซึมเข้าไปได้และจะถูกขับถ่ายออกมา ภาชนะเซรามิก ภาชนะชนิดนี้มีส่วนผสมของสารตะกั่วอยู่ หากมีอยู่ในปริมาณที่มากเกินไปจะเป็นอันตรายได้ เมื่อนำไปใส่อาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด รวมทั้งมีข้อเตือนว่าไม่ควรใช้ภาชนะประเภทนี้กับ กาแฟร้อน ชาร้อน ซุปมะเขือเทศและน้ำผลไม้ เพราะจะทำให้สารตะกั่วละลายออกมาได้ สารตะกั่วเป็นอันตรายต่ออวัยวะและระบบต่างๆ ของร่างกาย เช่น ตับ ไต ระบบสืบพันธุ์ ระบบหมุนเวียนโลหิตหัวใจ ระบบภูมิต้านทาน และระบบย่อยอาหาร สารตะกั่วจะถูกดูดซึมเข้าไปสะสมอยู่ในอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะในกระดูกจะสะสมปนกับแคลเซียม เพราะร่างกายไม่สามารถจะแยกระหว่างสารตะกั่วและแคลเซียมได้ ถ้าสารตะกั่วสะสมในปริมาณมากจะทำให้เกิดพิษได้ ถ้าเกิดขึ้นในเด็กสารตะกั่วจะทำลายเซลล์สมอง ทำให้สมรรถภาพในการเรียนรู้เสียไป ยับยั้งการเจริญเติบโตทำให้ร่างกายแคระแกรน และตายในที่สุด ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ไม่ควรใช้ภาชนะเซรามิกบรรจุเก็บรักษาอาหาร หรือแม้กระทั่งเครื่องดื่มในชีวิตประจำวัน ข้อแนะนำเพื่อความปลอดภัยในการใช้ภาชนะ 1.. หลีกเลี่ยงการเก็บรักษาอาหารเป็นเวลานานๆ ในภาชนะหุงต้ม เมื่อปรุงอาหารเสร็จแล้ว อาหารที่เหลือควรเก็บไว้ในภาชนะพลาสติกหรือภาชนะที่ทำด้วยแก้ว 2.. ทำความสะอาดภาชนะตามคำแนะนำของผู้ผลิต หลีกเลี่ยงการขัดถูที่จะทำให้ผิวหน้าของภาชนะถลอกหรือหลุดลอก 3.. พลาสติกในครัวเรือนปลอดภัยเพียงใด? สารเคมีที่สลายจากพลาสติกสามารถผ่านเข้าไปในอาหารได้ ไม่ว่าจะถูกความร้อนหรือไม่ แต่ความร้อนและแสงจะเร่งกระบวนการให้เกิดเร็วขึ้น คำถามที่ตามมาคือสิ่งเหล่านั้นก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในอนาคตได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารประเภทที่ทำลายฮอร์โมน สารประเภทนี้จะรบกวนหรือยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนธรรมชาติในร่างกาย ลดปริมาณอสุจิ ทำให้เด็กเป็นสาวเร็วกว่าอายุที่ควร และเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง พลาสติกที่สลายตัวสามารถที่จะผ่านเข้าไปปะปนกับอาหาร พบได้มากในภาชนะใช้ใส่อาหารซื้อกลับบ้าน อาหารที่บรรจุในภาชนะประเภทนี้เป็นเวลานานจะมีกลิ่นและรสของพลาสติกชนิดนี้ติดมาด้วย อาหารประเภทที่เป็นกรดจะดูดซึมสารพลาสติกได้ดีกว่าอาหารชนิดที่เป็นด่างหรือกรดต่ำ ความร้อนสูงๆ เช่นจากเตาไมโครเวฟ และความเย็นจากตู้เย็น สามารถเพิ่มปริมาณการดูดซึมสารพลาสติกเข้าไปในอาหารได้ แม้แต่พลาสติกที่ใช้กับเตาไมโครเวฟก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ อันตรายที่มักเกิดขึ้นคือผู้บริโภคมักใช้ภาชนะพลาสติกที่ไม่ได้ระบุว่าใช้กับตู้อบ ไมโครเวฟอุ่นอาหาร ทำให้พลาสติกละลายเข้าไปในอาหาร และยังทำลายรสชาติของอาหารที่อุ่น 4.. ข้อแนะนำสำหรับการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติก เวลาอุ่นอาหารในตู้อบไมโครเวฟ เลือกภาชนะที่ทำจากแก้วหรือเซรามิคแก้ว หลีกการเลี่ยงการใช้ภาชนะพลาสติกแม้จะระบุว่าปลอดภัยในการใช้กับไมโครเวฟ ไม่ใช้พลาสติกห่ออาหารในการปรุงหรืออุ่นอาหารในตู้อบไมโครเวฟ 5.. อาหารประเภทเนื้อสัตว์หรือซีสใช้วัสดุประเภทโฟลีเอ็ทธีลีนห่อเพราะไม่มีสารพลาสติก หรือถ้าจะให้ดีไปกว่านั้นห่อด้วยแผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์หรือกระดาษไข 6.. อาหารที่เหลือ เก็บไว้ในภาชนะประเภทที่ทำด้วยแก้ว 7.. ภาชนะพลาสติกที่เก่าชำรุดไม่ควรนำมาใช้ต่อ 8.. เตาไมโครเวฟ สิ่งที่ผู้บริโภคต้องระวังในการใช้เตาไมโครเวฟ คือภาชนะที่ใช้ใส่อาหารประเภทโลหะ กระดาษอะลูมิเนียม นมบรรจุในกล่องกระดาษที่บุด้านในด้วยอะลูมิเนียม จานชามที่มีขอบเป็นโลหะเงินหรือโลหะทอง ไม่ควรใช้กับเตาไมโครเวฟ โลหะ เช่น ลวดที่ใช้มัดถุงพลาสติก ควรแกะออก มิฉะนั้นอาจทำให้เกิดการติดไฟและอาจเกิดไฟไหม้ภายในตู้อบไมโครเวฟได้ สารรังสีที่รั่วจากเตาไมโครเวฟ มีอันตรายเพียงใด? ปริมาณของสารรังสีที่รั่วจากตู้อบไมโครเวฟค่อนข้างต่ำ และไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะก่อให้เกิดอันตราย สิ่งที่แม่บ้านควรระวังเป็นพิเศษ คือ เมื่อวัสดุตามขอบประตูชำรุดหรือหากมีรอยร้าวและรอยแตก เศษอาหารติดอยู่ตามขอบตู้ทำให้ประตูปิดไม่สนิท หรือ การชำรุดของตู้เนื่องจากการขนย้าย หรือเกิดเปลวไฟภายในตู้ จะทำให้มีปริมาณรังสีรั่วมากกว่าระดับปกติซึ่งเป็นอันตรายได้ สำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจที่ใส่เครื่องควบคุมระบบการทำงานของหัวใจ (pacemakers) โดยเฉพาะรุ่นเก่าซึ่งไม่สามารถจะป้องกันการรบกวน ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากตู้อบไมโครเวฟเหมือนเครื่องควบคุมรุ่นใหม่ ควรอยู่ห่างจากตู้อบไมโครเวฟประมาณ 5 ฟุต และพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการผิดปกติ ที่มา : นิตยสาร Healthandcuisine
|
เจ้าของ: | กำลังเพียร [ 22 ต.ค. 2008, 16:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อันตรายจากภาชนะหุงต้มในครัว..ที่คุณลืมคิด |
ขออนุโมทนาสาธุคับ กับบทความที่มีสาระประโยชน์คับผม |
เจ้าของ: | สุนันท์ [ 24 ต.ค. 2008, 22:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อันตรายจากภาชนะหุงต้มในครัว..ที่คุณลืมคิด |
ป้า จอย ตั้งใจอ่านจนจบเลยนะเจ้าค่ะ ให้ความรู้ ได้ดี เจ้าคะ อนุโมทนาด้วย เจ้าคะ |
เจ้าของ: | บัวไฉน [ 29 ต.ค. 2008, 09:05 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อันตรายจากภาชนะหุงต้มในครัว..ที่คุณลืมคิด |
ดีใจจัง มีคนตามมาอ่าน ให้กำลังใจ ด้วย บัวหิมะ สู้ สู้ (เว้ย) |
เจ้าของ: | Supatorn [ 11 ส.ค. 2011, 10:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อันตรายจากภาชนะหุงต้มในครัว..ที่คุณลืมคิด |
สาธุๆค่ะ ขอบพระคุณค่ะ |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 27 มี.ค. 2015, 12:44 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อันตรายจากภาชนะหุงต้มในครัว..ที่คุณลืมคิด |
เจ้าของ: | Duangtip [ 29 ก.ค. 2016, 09:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: อันตรายจากภาชนะหุงต้มในครัว..ที่คุณลืมคิด |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |