วันเวลาปัจจุบัน 07 พ.ค. 2024, 16:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 455 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 19, 20, 21, 22, 23, 24, 25 ... 31  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2009, 02:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
ดีใจค่ะที่มีเพื่อนร่วมทานข้าวเพิ่มอีก1คน
ของเรานี่ ก็ออกเป็นแนวมังสวิรัตเช่นกันค่ะ แต่ก่อนตอนเริ่มๆ
ยังมีทานไข่อยู่....แต่ตอนนี้มีความรู้สึกว่า...ถึงไม่ทานไข่ก็ไม่มีปัญหาอะไร
เพราะตอนแรกๆ...ถ้าไม่ทานไข่2-3วัน...จะมีความรู้สึกเหมือนสมองตื้อๆยังไงไม่รู้สิ

แต่ตอนนี้ ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ แต่นมนี่เรายังต้องทานอยู่...เพราะเราเป็นโรคกระเพาะน่ะค่ะ
ถ้าทานนมแล้ว จะไม่เป็นอะไร...ก็เลยต้องทานเลิกไม่ได้....แม้ว่าบางครั้งจะรู้สึกเบื่อ

ตอนกลางวัน...เรามาอ่านเจอ..คุณพูดถึงน้ำพริก
ตอนเย็นเราเลยทำ น้ำพริกหนุ่มกับเนื้อแดดเดียวเจ .กับแตงกวาดิบอร่อยไปเลยค่ะ
ตอนนี้แม่ครัวกำลังจิตตก...ก็เลยต้องทานอาหารเก่าๆไปก่อนค่ะ
ตอนนี้แม่ครัว...กำลังเป็นโรคซึมเศร้าน่ะค่ะ...ไม่รู้ว่าหายหรือยัง
ยังไงๆคุณแทนขวัญก็เข้ามาคุยกับแม่ครัวบ่อยๆน่ะค่ะ
Bye Byeค่ะ


คิดถึงทุกๆคนค่ะ :b12:
คุณเต้นี่จริงๆเลย .. :b32:

ตอนนี้อาการน้ำท่าจะแย่ยิ่งกว่าจิตตกแล้วแหละค่ะ จิตตกรักษาค่อยยังชั่วค่ะ ..
เรื่องจิตตกนี่ เป็นเรื่องธรรมดาๆสำหรับน้ำไปแล้วแหละค่ะ ..
แต่ปัญหาใหญ่ของน้ำตอนนี้คือ ลิ้นของน้ำค่ะ ต่อมรับรู้รสของอาหารน้ำมันชำรุด
ไม่รู้ว่าจากสาเหตุอะไร รู้สึกน้ำจะพิกลพิการมากๆเลยค่ะในช่วงนี้
อาวุธที่สำคัญที่สุดของแม่ครัวก็คือ ลิ้น ...
เมื่อก่อนยังเลือกทานได้ ว่าอะไรเป็นอะไร นี่อะไรวางตรงหน้าทานได้หมด
เพราะมันไม่รู้รสชาติของอาหารเลย เขาบ่นเค็ม แต่น้ำดันเฉยๆ
ตอนแรกน้องที่อยู่ด้วย เขาไม่เชื่อ แต่พอเขาได้ชิมน้ำพริกเผาที่ตั้งใจทำส่งไปให้ใครบางคน
วิลัยชิมเสร็จบอกว่า รสชาติบอกไม่ถูก แล้วเขาไม่ยอมแตะอีกเลย
น้ำก็เลยส่งไปให้ใครคนนั้นไม่ได้ ขนาดคนทานง่ายๆอย่างวิลัย ยังเบือนหน้าหนี
แล้วจะให้น้ำส่งของที่รสชาติไม่เป็นสัปปะรดไปให้ใครเขาทานได้ .. เครียดมากเลยค่ะ ..
ให้น้ำจิตตกยังดีกว่า .. ไม่นานน้ำก็ฟื้นได้ .. แต่ ลิ้นนี่ น้ำไม่รู้จะทำยังไงดี ...
เฮ้อออ .. แต่น้ำก็ดูมันไปค่ะ เพราะชักจะเริ่มชินๆสภาวะบ้าบอคอแตกในหลังๆนี่ของน้ำแล้ว


เมนูต่างๆที่น้ำนำมาโพสนี่ ส่วนมากน้ำจะทำทานเกือบหมดทุกอย่าง
เอาเป็นว่า ต่อไปคงต้องกางตำราจริงๆแล้วแหละค่ะ แล้วคงบอกกับทุกคนไม่ได้ว่า อร่อยหรือไม่

อยากรบกวนทุกคนน่ะค่ะ อยากให้ลองทำอาหารตัวนี้ที ถ้าน้ำทำเองคงชิมไม่รู้เรื่อง
รู้จักข้าวคลุกกะปิไม๊คะ? น้ำอยากให้ลองทำข้าวคลุกกะปิ แต่แทนที่จะใช้กะปิ จะให้ใช้เต้าหู้ยี๊แทนค่ะ

ส่วนประกอบ

ให้นำเต้าหู้ยี้ ( อย่างดี ) มายีๆแล้วคลุกเคล้ากับข้าวสวยให้เข้ากัน
ของที่ต้องเตรียมไว้ล่วงหน้าคือ มะม่วงค่ะ สับเป็นชิ้นเล็กๆ พริกขี้หนูซอยชิ้นเล็กๆ แตงกวา หั่นแฉลบ
หมูหวานเจ

วิธีทำ

นำกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อยตั้งไฟปานกลาง งาขาวผัดให้เข้ากับน้ำมัน ใส่ข้าวสวยที่เคล้ากับเต้าหู้ยี้ลงผัดให้เข้ากัน ปรุงรสตามชอบ เต้าหู้ยี๊จะออกเค็มๆปะแล่มๆ จะตัดหวานนิดนึงก็ได้ หรือไม่ตัดหวานก็ได้ เพราะ มีหมูหวานเจเป็นเครื่องแนมอยู่แล้ว .. ผัดได้ที่ ตักใส่จาน โรยด้วยมะม่วง พริกขี้หนูซอย แตงกวา หมูหวานเจ


หมายเหตุ .. น้ำอยากรู้ว่า ทำออกมาแล้ว รสชาติเป็นยังไงบ้าง ใครที่ว่างๆ ช่วยเมตตาสักนิดค่ะ ทำแล้ว ช่วยมาส่งข่าวด้วยค่ะ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2009, 07:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:

ตอนนี้อาการน้ำท่าจะแย่ยิ่งกว่าจิตตกแล้วแหละค่ะ จิตตกรักษาค่อยยังชั่วค่ะ ..
เรื่องจิตตกนี่ เป็นเรื่องธรรมดาๆสำหรับน้ำไปแล้วแหละค่ะ ..
แต่ปัญหาใหญ่ของน้ำตอนนี้คือ ลิ้นของน้ำค่ะ ต่อมรับรู้รสของอาหารน้ำมันชำรุด
ไม่รู้ว่าจากสาเหตุอะไร รู้สึกน้ำจะพิกลพิการมากๆเลยค่ะในช่วงนี้


เห็นใจคุณจังเลย...
จิตตก...เวลาได้ยินคำนี้แล้วรู้สึกแปลก ๆ เพราะดูผู้ปฏิบัติจะใช้คำนี้กันบ่อย...
เวลาได้ยินก็...งง...

พอดีเรา...ไม่ค่อยได้ใช้คำจำพวกนี้น่ะค่ะ...
คือจิตมันจะเป็นยังไง
อาจารย์ก็ไม่ได้บอกว่ามันต้องเป็นยังไง...ก็แค่เป็นอย่างที่เป็น...
แค่เฝ้าดูให้เห็นมันเป็นอย่างที่เป็น...
ท่านกล่าวแค่นี้...???
คนเรียนก็...เลย...สมองกุด...ค่ะ

ส่วนเรื่องต่อมรับรู้รสชำรุด...ขอให้ลิ้นกลับมาเป็นปกติในเร็ววันนะคะ
ส่วนเราตอนนี้...
เหมือนเป็นมนุษย์ไฟฟ้าค่ะ...ที่แรงดันไฟไม่เสถียรเลยค่ะ...
ช่างสอดคล้องกับฤดูฝนจังเลย...เดี๋ยวตก ๆ
เฮ้อ...ช่างสอดคล้องกันจริง ๆ ...
ก็ได้แต่หวังว่า...ระบบสายไฟที่เดินไว้...จะดีพอ...

:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2009, 23:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณค่ะคุณเอรากอน :b8:

ขอโทษจริงๆค่ะ ...
รู้สึกผิดมากๆ ที่ทำให้หลายๆคนเป็นห่วง :b44:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 22:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้าว แม่กลัวจิตตกแล้วรึ
จิตตกไม่เป้นไร อย่าทำเกลือตก พริกตก น้ำตาลตก เป้นใช้ได้ :b32:

ถ้าเผลอตกลงไปสักครึ่งขวด
เด๊่ยวคนกินเจ จะกลัวเจไปตลอดชีวิต :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 22:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


พูดถึงเรื่อง ตกๆ เนี่ย
ผมเคยทำเกลือ ตกลงในหม้อแกง ด้วยครับ ตั้งครึ่งถุง แหน่ะ
เกลือปรุงทิพย์ เม็ดเกลือมันละเอียดมาก ก็กะว่าจะเท เบาๆ
แต่ดันลงไปตั้งครึ่งถุง กินไม่ได้เลย เททิ้งทั้งหม้อ เพราะเค็มมั่กๆ :b12:

ปล.1 คุณชาติสยาม เปรี้ยว ได้ทุกวันเลยนะครับ ท่าน :b12: :b1: :b16:
ปล.2 วันนี้ไปแอบดู คุณน้ำ บู๊ มาด้วยแหล่ะครับ :b12:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 22:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ชาติสยาม เขียน:
อ้าว แม่กลัวจิตตกแล้วรึ
จิตตกไม่เป้นไร อย่าทำเกลือตก พริกตก น้ำตาลตก เป้นใช้ได้ :b32:

ถ้าเผลอตกลงไปสักครึ่งขวด
เด๊่ยวคนกินเจ จะกลัวเจไปตลอดชีวิต :b32:


อย่าลืมนะครับคุณ walaiporn
สิ่งเหล่านี้ห้ามทำตกเด็ดขาดเลยครับ :b32: :b13: :b13:


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 12:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ก๊อก .. ก๊อกกกก ...

หายไปไหนกันหมดคะ ... กลับมาแล้วคร่าๆๆๆ :b32:



ชาติสยาม เขียน:
อ้าว แม่กลัวจิตตกแล้วรึ
จิตตกไม่เป้นไร อย่าทำ[color=#008040]เกลือตก พริกตก น้ำตาลตก เป้นใช้ได้ :b32:

ถ้าเผลอตกลงไปสักครึ่งขวด
เด๊่ยวคนกินเจ จะกลัวเจไปตลอดชีวิต :b32:



สำหรับคุณชาติสยามนี่ เดี๋ยวเสริฟกาแฟให้ทานก่อน

พอดีน้ำตาลทรายหมด เอาเกลือใส่แทน ท่าทางรสชาติคงจะดีนะค๊า ... :b28:

จะลองรับสักถ้วยไม๊คะ? .. กาแฟร้อนๆ สำหรับคุณชาติสยาม :b38:

ขอตัวไปค้นหาเมนูเด็ดๆก่อนค่ะ ... ลิ้นไม่ดีไม่เป็นไรค่ะ .. แต่ใจยังดีอยู่เหมือนเดิมค่ะ :b17:

ตอนนี้ขอตัวไปทานโอวัลตินผสมกาแฟสักเหยือกก่อนค่ะ มีใครสนใจบ้างคะ ..

จะบอกสูตรวิธีชงโอวัลตินผสมกาแฟให้ อร่อยมากๆค่ะ :b4:



อิอิ .. เพิ่งเห็นข้อความคุณอามิตา ...

วันนั้นสติแตกค่ะ .. เลยจิ๊ดดดดดดด ... :b32:

น้ำเป็นแบบนี้แหละค่ะ เหมือนทำอาหาร มีหวานบ้าง เปรี้ยวบ้าง เผ็ดบ้าง แต่เค็มนี่ไม่มีค่ะ

เป็นคนไม่ทานเค็ม .. ส่วนที่ว่า หวาน เปรี้ยว เผ็ด นี่แล้วแต่ตัวบุคคล แล้วแต่สถานการณ์ ..

ที่สำคัญที่สุด .. แล้วแต่สภาวะของน้ำตอนนั้นด้วยค่ะ .. แต่ไม่มีเกิดขึ้นบ่อยนักหรอกค่ะ :b5:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


แกงกะหรี่

หลังทดลองในสัตว์แล้วพบว่า ในขมิ้นมีสารเคอคิวมิน ที่ช่วยป้องกันไม่ให้คราบโปรตีนอมัยลอยด์ในสมอง ทำให้เซลล์ประสาทเสื่อมลง อันเป็นต้นเหตุของโรคสมองเสื่อม...

นักวิจัยอเมริกันเชื้อสายอินเดีย แนะนำว่าให้หาแกงกะหรี่กินอาทิตย์ละมื้อสองมื้อ
จะป้องกันโรคสมองเสื่อม ที่มีอาการขี้หลงขี้ลืมได้ เนื่องจากแกงกะหรี่มีเครื่องปรุงเป็นขมิ้น
ซึ่งมีสารเคอคิวมินเป็นสารประกอบสำคัญ

เคยพบในการศึกษากันมาว่า สารเคอคิวมินมีสรรพคุณช่วยป้องกันไม่ให้คราบโปรตีนอมัยลอยด์
ในสมองแผ่กว้างออกไปได้ และคราบนี้เป็นต้นเหตุของโรคสมองเสื่อม
อย่างไร ก็ตาม ที่ประชุมจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำปี วิทยาลัยจิต-แพทย์หลวงของอังกฤษ
ยังรับฟังกันอย่างเงียบๆกันอยู่

คราบโปรตีนอมัยลอยด์กับปมใยประสาท กล่าวกันว่า...
มีส่วนทำให้การเชื่อมโยงของเซลล์ประสาทเสื่อมโทรมทำให้สมองเสื่อม

หัวหน้าคณะนักวิจัยศาสตราจารย์มูราลี ดาวรายสวามี มหาวิทยาลัยดุ๊ก ที่รัฐนอร์ธแคไรโรไลนา
รายงานว่า ได้หลักฐานจากการศึกษาว่า ผู้ที่กินแกงกะหรี่อาทิตย์ละ 2-3 มื้อ
จะไม่ค่อยเป็นโรคสมองเสื่อม "มันเป็นหลักฐานที่แข็งขันมากว่า ..
สารเคอ-คิวมินได้เข้ารวมกับคราบโปรตีนได้ และจากการทดลองกับสัตว์
ซึ่งถูกทำให้มีคราบโปรตีนอมัยลอยด์ขึ้น ก็ทำให้เห็นคุณประโยชน์" กล่าวว่า ...
ขณะนี้ก็กำลังมีการทดลองสรรพคุณของเคอคิวมินกับคนไข้โรคสมองเสื่อมดู
ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียอยู่.


นักวิจัยมหาวิทยาลัยทัฟฟส์ของสหรัฐฯ ได้ผลจากการศึกษา
แนะนำให้กินแกงที่ใส่ขมิ้นเป็นเครื่องปรุงมากๆ จะช่วยให้น้ำหนักลดได้

นักวิจัยโมหเสน เมย์ธานี ของศูนย์วิจัยโภชนาการด้านเกษตรของมนุษย์
มหาวิทยาลัยทัฟฟส์ที่สหรัฐฯ กล่าวว่า ขมิ้นเป็นสารประกอบที่ต่อต้านกับความอ้วนอย่างเข้มแข็ง
การบริโภคแกงที่เข้าไขมัน จะช่วยให้น้ำหนักลด ยิ่งกว่ากินแกงที่ไม่ใส่
เนื่องด้วยขมิ้นมีสารเคมีจากพืชที่มีชื่อว่าเคอคิวมิน
ซึ่งออกฤทธิ์ต่อต้านการเติบโตของเนื้อเยื่อไขมันในหนูและในเซลล์มนุษย์ที่เพาะเลี้ยงขึ้น
นอกจากนั้น ร่างกายก็สามารถดูดซึมมันได้ง่ายด้วย

เขาอธิบายว่า เหตุของน้ำหนักเกิน เนื่องจากความเติบโตและการแผ่ขยายของเนื้อเยื่อไขมัน
โดยอาศัยหลอดเลือดที่งอกขึ้นใหม่ "จากข้อมูลที่ได้ เรารู้ว่าเคอคิวมินได้ช่วยกดงำ
การงอกของหลอดเลือดในหนูที่เลี้ยงด้วยอาหารที่มีไขมันสูงได้"
และแจ้งว่า "หนูที่ถูกป้อนให้กินขมิ้น หลังจากเลี้ยงไว้นาน 12 อาทิตย์ด้วยกัน
เมื่อเทียบกันแล้วจะมีน้ำหนักน้อยกว่าตัวที่ไม่ได้กิน".

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นบทความนี้แล้วทำให้คิดถึงทุกคนค่ะ ..

กินเลือดเนื้อ กระดูกเขา อร่อยลิ้นใช่ไหม?

กินเลือดเนื้อ ชีวิตเขา ไปเท่าไหร่?

กินเลือดเนื้อ ชีวิตเขา ตนสุขใจใคร ... เล่าทุกข์?

กินเป็นกอง สูงท่วมเขา เมื่อไหร่ใช้?

ถ้าเขาขอ เลือดเนื้อเรา จะให้ไหม?

ถ้าเขาขอ สังขารเรา จะยอมไหม?

ถ้าเขาขอ แลกกายเรา ทำอย่างไร?

คำถามนี้ ขอจงตรอง ให้ถ้วนถี่ ..

นำจิตที่ เมตตาจริง คิดรอบคอบ

รู้จักละ เลิกวันนี้ ยังมิสาย ..

ขอเพียงใจ ท่านยินยอม เว้นหนี้กรรม

พระโอวาทเซียนน้อยเสี่ยงผิงผิง


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นสัมพันธ์เหนียวแน่นแสนเจ็บปวด

ฤาบทสวดภาวนาผ่านผลักไส

จิตเคียดแค้นชิงชังแต่ภพใด

จงกล่าวไปอย่าชักช้าโอกาสมี




กักและขังชีวิตฉัน มันเจ็บเกินและทุกข์แท้ ถูกคนบางคนรังแก ...

ไม่แคร์และไม่สน กระหายจนชินชา ไม่มองไม่ฟัง ด้วยหวังให้เข้าใจ ... น้ำตา ...

กี่ชีวิตต้องชดใช้ และต้องตายมากนักหนา เกิดเวียนตายทรมาณ ...

ร่างแบ่งเป็นซีก .. แขน .. ขา .. ไม่สนใจ .. ใยดี ..

มองว่า ... ไม่มีค่า .. ศึกษาพระธรรมมา .. จึงเข้าใจ ..

ประกาศความแค้น เลือดเนื้อใคร .. ใครก็รัก .. เจ็บปวดใจนัก ..

พี่น้องกลืนกินอย่าง .. โหดร้าย ... ชะตาชีวิต .. ผกผันลุ่มหลง ..

ต่างกันในกาย .. ญาณแท้ .. ใจเดิม .. ยังคงมีเหมือนกัน ..

หยุดชีวิต .. เลือดเนื้อเขา .. ใจตื่นพลัน .. ไม่ลุ่มหลง ..

เร่งบำเพ็ญทางตรง .. และจะไปถึงที่หมาย ..

วันนี้เรามาบำเพ็ญ .. เลิกเข่นฆ่าใครใคร .. โลกนี้จะค้ำจุน ..ด้วยเมตตา ..

............... โลกนี้ .. ยังมีคนเมตตา .............

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ร้อยความดี ... มีกตัญญู ... เป็นที่หนึ่ง

วิญญูพึง ... ได้รู้ถึง ... จิตใจท่าน

คือความรัก ... ที่มั่นคง ... ไม่แปรผัน

ตอบแทนพลัน ...ด้วยจิต ... ที่จริงใจ

หากแม้นคิด ...กายกระทำ ... จึงเกิดผล

พุทธดล ... ให้เกิดจิต ... ไม่ผิดผัน

แม้นล่วงลับ ... ด้วยจิต ... ที่จริงใจ

ร่างแหลกราน ... สลายไป ... ยากกลับคืน

มอบความรัก ... ให้แก่ท่าน ... ยามที่อยู่

จึงพึงรู้ ...กตัญญู ... อยากมอบให้

มีโอกาส ... ต้องตอบแทน ... ไม่อื่นไกล

บำเพ็ญธรรม ... ฉุดช่วยไซร้ ... บรรพชน

กระทำให้ ... สำเร็จ ... ให้เกิดผล

ยามละตน ... ให้สำเร็จ ... ให้เหลือเชื่อ

ในโลกา ... ต่างสรรเสริญ ... โลกร่ำลือ

เชิดชู ... บุพการี ... ให้รุ่งเรือง

พระโอวาทหนึ่งในแปดเซียน ท่านหันเซียงจื่อ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 22:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


นำข้อความมาโพส ... แล้วให้รู้สึกละอายใจยิ่งนัก ..

ให้ตระหนัก ... ถึงในสิ่งที่เป็นอยู่ ..



แสวงธรรมมิต้องการสิ่งอื่นใด

เพียงเพื่อรู้ " หัวใจ " อยู่ที่ใด

ถ้าได้รู้ที่สถิตย์ของ " หัวใจ "

ฉับพลันการเกิดตาย .. สิ้นสุดลง



........ ฤาฟ้าลิขิตมาจริงๆ ......


กุศลทั้งหมดที่ทำมาขออุทิศเป็นการบูชาแทนคุณอาจารย์ผู้เบิกธรรม อาจารย์หวงลี่คุน

อาจารย์ผู้แนะนำ อาจารย์จวง เหม่ย เอี้ยน อาจารย์ผู้รับรอง อาจารย์ เจิ้น สี่ยว มั่น

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 23:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากถามน่ะค่ะ .. ว่าเคยมีใครเป็นแบบนี้บ้าง

นั่งว่างๆ .. นั่งธรรมดาๆนี่แหละค่ะ ไม่ได้ทำสมาธิ ..

จะมีภาพเจ้าแม่กวนอิมผุดขึ้นมาบ่อยๆ .. ใครเคยเป็นบ้างคะ .

น้ำว่าจะหันมาทานเจค่ะ .. รู้สึกละอายใจเหลือเกิน ..

โพสอาหารเจ แต่ทานเนื้อสัตว์ รู้สึกอายๆตัวเองยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูกค่ะ ..

แล้วมันก็ให้ประจวบเหมาะ ตอนนี้ทำกับข้าวไม่ได้เลย .. ไม่ได้ทำกับข้าวทาน

ซื้อเขาทุกวัน ทานๆไปอย่างนั้นแหละค่ะ ทานได้หมด ไม่รู้หรอกว่าอร่อยหรือไม่

พอดีมีคนไปเมืองจีนมา แล้วซื้อเห็ดหอมมาฝาก ดอกเบ้อเริ่มเลย ครึ่งกิโลนี่

ทานคนเดียวนานมากๆกว่าจะหมด นำมาทำอะไรก็ได้ ..

ยิ่งผัดผักนี่ ง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปาก :b9:

อิอิ .. หรือชะตาฟ้าลิขิตคะ? :b14:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 23:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว




คำอธิบาย: พระธรรมโกศาจารย์ (ท่านพุทธทาสภิกขุ)
0000001.jpg
0000001.jpg [ 69.17 KiB | เปิดดู 2835 ครั้ง ]
ข้อคิดพิจารณาธรรม
พระธรรมโกศาจารย์ (ท่านพุทธทาสภิกขุ)
สวนโมกขพลาราม อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี
(พ.ศ.๒๔๔๙-๒๕๓๖)


ทำไมเราจึงไม่ควรกินเนื้อสัตว์?

เพราะเป็นการปฏิบัติเพื่อยึดเอาประโยชน์ทั้งฝ่ายโลกและฝ่ายธรรม
การไม่กินเนื้อสัตว์เป็นทางก้าวหน้าของสัมมาปฏิบัติอย่างหนึ่ง ซึ่งได้ผลมาก
โดยลงทุนทางวัตถุน้อยที่สุด แต่ให้ผลมากทางใจ


ประโยชน์ทางฝ่ายธรรม

ข้อที่ 1. เป็นการเลี้ยงง่ายยิ่งขึ้น

เพราะพวกพืชผัก เป็นของหาง่ายในหมู่คนยากจนเข็ญใจ ซึ่งมีการปรุงอาหาร
ด้วยผักเป็นพื้น นักกินผักย่อมไม่มีเวลาไปกระวนกระวาย เพราะอาหารไม่ค่อย
จะถูกปากถูกลิ้นนักเลย ในขณะที่นักกินเนื้อมักต้องเลียบๆ เคียงๆ เพื่อให้ได้มา
ซึ่งภัตตาหารเนื้อบ่อยๆ ญาติโยมเสียไม่ได้ในท่าที ก็พยายาม หามาถวาย
ศรัทธาญาติโยมที่มีใจเป็นกลาง เคยปรารภกับข้าพเจ้าหลายต่อหลายครั้งว่า
เขาสามารถเลี้ยงพระได้ถึง 50 รูป โดยไม่ต้องรู้สึกลำบากอะไรเลย หากเป็นอาหาร
ที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อกับปลา แต่ที่ผ่านมาต้องฝืนใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อย่างมากๆ ไม่ใช่ว่า
จะคิดว่าเนื้อมีราคาแพงกว่าผัก แต่เป็นเพราะรู้ว่าสัตว์ถูกฆ่าตายเพื่อการทำบุญ
เลี้ยงพระของเรา

มีอีกหลายคนที่ทีแรกค้านว่า การทำอาหารมังสวิรัติวุ่นวายลำบาก แต่เมื่อได้ทดลอง
ทำไป 2-3 ครั้ง กลับสารภาพว่า เป็นการง่ายเสียกว่าง่าย เพราะบางคราวไม่ต้องไป
ติดไฟเลยก็มี ตัณหาของนักกินผักกับกินเนื้อมีความแตกต่างกันอย่างไร จะกล่าว
ในข้อหลัง เพราะข้อนี้ขอจงทราบไว้ว่า


"คนกินเนื้อสัตว์ เพราะแพ้รสตัณหา
กินเพราะตัณหา ไม่ใช่เพราะเลี้ยงง่าย"


ข้อที่ 2. เป็นการฝึกในส่วน "สัจธรรม"

คนเราห่างไกลจากความพ้นทุกข์ ก็เพราะมีนิสัยเหลวไหลต่อตัวเอง สัจจะในการ
กินผักนั้น เป็นแบบฝึกหัดที่น่าเพลินบริสุทธิ์ ได้ผลสูงเกินกว่าที่คนไม่เคยทดลองจะคาดถึง
พืชผักเป็นอาหารที่จะหล่อเลี้ยง "ดวงธรรมแห่งสัจจะ" ในใจของเราให้สมบูรณ์แข็งแรง
ดังนั้นการฝึกกินผัก อาหารพืชผักจึงเป็นแบบฝึกหัดสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ที่ยอดเยี่ยม
กว่าแบบฝึกหัดอย่างอื่นๆ เพราะแบบฝึกหัดบางอย่างค่อนข้างง่าย แต่บางอย่างก็ยาก
เกินจะฝึก ทำให้ไม่สามารถนำมาเป็นเกมฝึกหัดประจำทุกๆ วัน แต่เราผู้ปฏิบัติธรรม
ต้องฝึกทุกวันจึงจะได้ผลเร็ว เหตุฉะนี้ การฝึกใจด้วยเรื่องอาหารอันเป็นสิ่งที่เราต้องบริโภค
อยู่ทุกวันจึงเหมาะมาก อย่าลืมพระพุทธะภาษิตที่มีใจความว่า


"สัจจะเป็นคู่กับผ้ากาสาวพัสตร์"

ข้อที่ 3. เป็นการฝึกในส่วน "ทมะ" ธรรม

"ทมะ" คือการข่มใจให้อยู่ในอำนาจ คนเราเป็นทุกข์เพราะตัณหาอันได้แก่ ความอยาก
ที่ข่มใจไว้ไม่อยู่ มีข้อพิสูจน์ เฉพาะเรื่อง ผักกับเนื้อ ง่ายๆ เช่น

ข้าพเจ้าเคยเห็นชาวบ้านที่มาจากป่าดอนสูง ๆ อุตส่าห์หาบเอาพวกพืชผักลงมาแลก
ปลาแห้งๆ จากชาวบ้านแถบริมทะเลขึ้นไปกิน ทั้งๆที่ต้องเสียเวลาเป็นวันๆ ในขณะที่
กลางบ้านของเขาก็มีอาหารพวกพืชผัก เผือก มัน ฟัก มะพร้าว ฯลฯ อย่างอุดมสมบูรณ์
อีกทั้งอาหารเหล่านี้ยังเป็นของสด สามารถบำรุงร่างกายได้มากกว่าปลาแห้งๆและขึ้นรา
ที่พวกเขาอุตส่าห์ลงมาหามหิ้วขึ้นไปเก็บไว้กินเป็นไหนๆ

ดังนั้น...ผู้ที่ไม่มีการข่มรสตัณหา จักต้องเป็นทาสของความทุกข์ และถอยหลังต่อการ
ปฏิบัติธรรม เหตุนี้การข่มจิตด้วยเรื่องอาหารการกินจึงเหมาะมาก เพราะจะมีการข่มได้
ทุกวัน การข่มจิตอยู่เสมอเป็นของคู่กับ ผ้ากาสาวพัสตร์เช่นกัน

โปรดทราบ ว่ามันเป็นการยากยิ่งที่คนแพ้ลิ้นจะข่มตัณหา โดยพยายามเลือกกินแต่ผัก
จากจานอาหารที่เขาปรุงด้วยเนื้อและผักปนมา จงยึดเอาเกมกีฬาฝึกข่มจิตที่เป็นเครื่อง
ชนะตน อันนี้เถิด

การเลี้ยงพระในงานต่างๆ ข้าพเจ้าเคยเห็นเคยได้ยินเสียงเอ็ดตะโร เรียกเอาแต่
อาหารเนื้อ ส่วนอาหารผักล้วนดูเหมือนว่าเป็นการยากที่จะถูกเลือกกับเขา มิหนำซ้ำ
ยังเหลือกลับไปอีก แม้กระทั่งอาหารที่ปรุงระคนกันมาก็หายไปแต่ชิ้นเนื้อ คงเหลือแต่
ผักติดจานกลับไป และยิ่งไปกว่านั้นก็คือควรรู้ไว้ด้วยว่า บรรดาพ่อครัวแม่ครัวและเจ้าภาพ
เขารู้ตัวก่อนด้วยซ้ำไป จึงปรุงอาหารเนื้อสัตว์เอาไว้ให้มากกว่าอาหารผักหลายเท่านัก
ทั้งนี้ก็เพราะตัณหาทั้งของฝ่ายแขกเหรื่อชาวบ้านและฝ่ายบรรพชิตทั้งหลายร่วมมือกัน
"แบ่งอิทธิพล"


ข้อ 4. เป็นการฝึกในส่วน "สันโดษ"

สันโดษ คือ ความพอใจเฉพาะสิ่งที่มีอยู่ตามฐานะของตน โดยทั่วไปชีวิตของผู้ออกบวช
ย่อมดำรงอยู่ด้วยอาหารชั้นเลว ทว่าข้าพเจ้าเคยเห็นบรรพชิตบางองค์ เว้นไม่ยอมรับอาหาร
จากคนจน เพราะเห็นว่าเลวเกินไป คือเป็นเพียงผักหรือผลไม้ชั้นต่ำ และถึงแม้จะรับมาก็
เพื่อทิ้ง นี่เป็นตัวอย่างของผู้ที่ไม่เคยมีความสันโดษหรือถ่อมตน

ดังนั้น...การฝึกเป็นนักกินผัก กินอาหารอย่างง่ายๆ จะแก้ได้หมด


"สันโดษ เป็นทรัพย์อย่างเอกของบรรพชิต"

ข้อที่ 5. เป็นการผึกในส่วน "จาคะ"

จาคะ คือ การสละสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อความสงบหรือความพ้นทุกข์ นักกินผักที่แท้จริงมี
ดวงจิตบริสุทธิ์ผ่องใสเกินกว่าที่จะมีใจนึกอยากในเรื่องจะบริโภคอาหารที่มีรสหลากหลาย
เพราะผักไม่ยั่วในการบริโภคมากไปกว่าการกินเพื่ออย่าให้ตาย ซึ่งต่างไปจากเนื้อสัตว์ที่ยั่ว
ให้ติดรสและมัวเมาอยู่เสมอ

ความอยากในรสที่เกินจำเป็นของชีวิต ความหลงใหลในรส ความหงุดหงิด เมื่อไม่มีเนื้อ
ที่อร่อยมาเป็นอาหาร ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ข้าพเจ้ารับรองได้ว่า ไม่มีในดวงจิตของนักกินผักเลย
ส่วนนักกินเนื้อนั้นท่านจะทราบของท่านได้เอง เป็น ปัจจัตตัง เช่นเดียวกับธรรมะอย่างอื่นๆ


ข้อที่ 6. เป็นการฝึกในส่วน "ปัญญา"

ปัญญา คือ ความรู้เท่าทันดวงจิตที่กลับกลอก การใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นโทษของการ
ยึดมั่น ในการกินอาหาร แบบฝึกหัดที่ยากและเป็นก้าวที่ใหญ่ของการปฏิบัติธรรมเช่นนี้ ไม่มี
อะไรดีไปกว่าการฝึกบริโภคอาหารผักที่จะเป็นอารมณ์ อันบังคับให้ท่านต้องใช้พิจารณาตัวเอง
อยู่เสมอทุกมื้อ เพราะเนื้อ ทำให้หลงในรส ส่วนผักทำให้ยกใจขึ้นไป ซึ่งเหมาะแก่สันดานของ
สัตว์ผู้มีกิเลสย้อมใจ จนจับแน่นเป็นน้ำฝาดมาแต่เดิม


ปัญญาของท่านต้องรู้อยู่เสมอว่า ไม่ใช่จะไปนิพพานได้เพราะกินผัก
เป็นแต่การกินผักจะช่วยขัดเกลากิเลสทุกๆ วัน


แท้จริงแล้ว ข้าพเจ้าไม่ได้มีความเห็นว่า ฝ่ายที่จะช่วยขัดเกลาจิตใจต้องเป็นผัก ความจริง
อาจจะถือว่าผักเป็นอาหารชั้นเลวหรือไม่ประณีตก็พอแล้ว แต่เมื่อมาพิจารณาใคร่ครวญให้ดีแล้ว
มันมาตรงกับอาหารผัก เพราะจะทำอย่างไร เนื้อก็เป็นของชวนกิน เพียงแต่ต้มเฉย ๆ พอได้กลิ่น
มันก็ยั่วตัณหาอยู่ดี!

เพราะฉะนั้นฝ่ายที่จะปราบตัณหา จึงกลายเป็นเกียรติยศของผักไป อาหารผักเป็นอาหารที่ข่ม
ตัณหาได้ และมีแต่ความบริสุทธิ์ จึงเหมาะสมสำหรับผู้ที่ระแวงภัย และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
อยู่เสมอ


ผลดีในฝ่ายโลก

อาหารผักมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ยิ่งกว่าเนื้อสัตว์หรือไม่? เรื่องนี้วิทยาศาสตร์ในปัจจุบันก็บอกแก่เราชัดแจ้งอยู่แล้วว่า อาหารผัก จะทำให้ผู้บริโภคมีกำลัง แข็งแรง โรคน้อย ดวงจิตสงบช่วยให้ความกระหายในความอยาก ความโกรธ ความมัวเมา บรรเทาลงเป็นอันมาก....

*******************************************************

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2009, 23:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ดีใจค่ะ ที่ได้มาพบกัลยาณมิตร :b12:

ชักนำไปในทางที่มีแต่กุศลค่ะ เพราะกุศลแท้ๆเลยค่ะ ...

เลยนำพาเราทั้งหมดให้ได้มาพบกันอีกในชาตินี้

แล้วยังได้มาสร้างเหตุที่เป็นกุศลร่วมกันอีก .. :b16:

คงไม่ทานไม่ได้แล้ว กระมังคะ .. เล่นเอาคำครูบาฯมาให้อ่านแบบนี้

เดิมก็รู้สึกละอายแก่ใจลึกๆอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งรู้สึกอายมากกว่าเดิมค่ะ :b5:

อนุโมทนา สาธุค่ะ :b8:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 455 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 19, 20, 21, 22, 23, 24, 25 ... 31  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร