วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 16:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 317 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 17, 18, 19, 20, 21, 22  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 01:47
โพสต์: 178

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




akyacy08.jpg
akyacy08.jpg [ 23.9 KiB | เปิดดู 7343 ครั้ง ]
"กล้า...ที่จะก้าว...ก้าวต่อไปอย่างมีสติ...
หรือถอยมาซักก้าว..เพื่อตั้งสติแล้วค่อยๆ ก้าวต่อ.."

บ้านผมเป็นบ้านสวนอากาศดี....อยู่ชาลเมือง..
สุดสัปดาห์เพื่อนๆ มักซื้อของมาทำกินกันที่บ้านผม
มีเพื่อนเก่าๆ จะมารวมกันทุกที
เพื่อนหลายคนชีวิตยังเรื่อยๆ
บางคนก็สุดโต่งรีบไปเสียไกลเชียว
แต่ผมเป็นประเภทกลางๆ นั่งพักกายพักใจ ไม่ถอยไม่ก้าว

เพื่อนบางคนอยู่ในช่วงที่เหนื่อย ท้อ ไม่มีแรง
เขาบอกว่า "ชีวิตเร่งรีบนักก็ไม่ดี"

พอมานั่งคิดตามก็เห็นว่า เออก็จริงของมันเหมือนกันนะ
แต่ถ้ามาคิดลึกๆ แล้ว
ถ้าเราก้าวช้าก็ไปได้ช้า
เวลาผ่านไปทุกวัน ไม่เคยคอยใครเลย

ผมมักบอกเพื่อนประเภทเรื่อยเฉื่อยเกินไปทั้งหลายว่า
ไม่ว่าเธอจะเหนื่อยกายเหนื่อยใจสักแค่ไหน

ถ้าเธอเดินเร็ว
เวลาที่ล้มที่ลุก มันก็จะมากขึ้น
โอกาสที่เธอจะยืนได้อย่างแข็งแรงก็มีมากขึ้น

แต่ถ้าเธอมัวแต่ดินช้า เวลาที่จะล้มจะลุก
มันก็จะน้อยลง กว่าจะรู้จุดยืน
เธออาจจะไม่มีแรงเดินแล้วก็ได้

ไม่ใช่ว่าผมเป็นคนไม่เหนื่อยไม่ท้อ
แหม ผมก็คนมีเลือดเนื้อ มีหัวใจ เซ็งโลกเป็นเหมือนกันนั่นแหละ
ทุกครั้งที่อยากเดินถอยหลัง จะนึกถึงตอนแรกที่ก้าวมา
เหนื่อยแค่ไหน เหยียบหนามเจ็บตัวกี่ครั้ง

ถ้าเดินกลับหลัง ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง
เท่ากับว่าที่ผ่านมาฉันเหนื่อยฟรีสิ
บุคคลต้นแบบที่แอบปลื้มคนหนึ่ง
เขาบอกว่า

"ชีวิตคนเราต้องก้าวไปข้างหน้า
ถ้าเมื่อไหร่ที่เราเดินกลับหลัง
สิ่งนั้นเป็นการวัดอนาคตเราแล้วล่ะ"

สมัยเป็นนักศึกษา มีเพื่อนหลายคน
ที่เดินออกจากมหาวิทยาลัยอย่างสง่าผ่าเผย
ด้วยปัญหาที่ผมมองตอนนี้ว่าเล็กๆ
แต่ตอนนั้นก็ไม่เล็กสำหรับเด็กวัยขนาดนั้น

ผมพยายามรั้ง...เดินมาตั้งครึ่งทางแล้วยังเดินมาได้
จะเดินต่ออีกนิดจะเป็นจะตายเชียวเหรอ...
แต่เขาถอดใจและเดินกลับหลังเสียดื้อๆ
ทิ้งความหวังความฝันของตัวเองลงกลางทาง

ตอนนี้ทุกครั้งที่เจอกันเขาบ่นเสียใจ และเสียดาย
ถ้าย้อนเวลาได้ เขาจะผ่านมันไปอย่างแข็งแรง

ทุกครั้งที่เหนื่อย ท้อ และทุกข์
มักบอกกับตัวเอง "แล้วมันจะผ่านไป"
ยังไงก็จะไม่ทิ้งไม่เดินกลับหลัง
อย่างดีก็แค่อยู่เฉยๆ หยุดก้าวสักพัก
พักกายพักใจ พอมีแรงแล้วค่อยก้าวต่อ

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...
ขอให้เธอผ่านมันไปอย่างแข็งแรง
ค่อยๆ ก้าว ค่อยๆ เดิน
เผลอแป๊บเดียว พอหันกลับไปดู แล้วจะตกใจว่า...
โห...เราเดินมาได้ไกลขนาดนี้แล้วหรือนี่...

"ชีวิตต้องก้าวไปข้างหน้า-เหนื่อยก็หยุดพักแต่อย่าเดินกลับหลัง"

.....................................................
"เกิดมาก็เพราะกรรม...ดับไปก็หมดกรรม"รูปภาพ


แก้ไขล่าสุดโดย ลุงมะตูม เมื่อ 05 พ.ย. 2009, 13:25, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2009, 14:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




125333.jpg
125333.jpg [ 32.14 KiB | เปิดดู 7321 ครั้ง ]
ชีวิตช่วงนี้มันช่างสุดแสนจะเรื่อยเปื่อย
ไม่ได้มีเรื่องราวอะไร มาให้ขีดเขียนได้บ้างเลย
อีกใจหนึ่งก็อยากจะเข้าบอร์ดให้มันได้ซักอาทิตย์ละครั้ง
แต่ในความเป็นจริง มันก็เป็นสิ่งที่ทำได้ยากสำหรับฉัน

เป็นเพราะฉันชอบทำอะไรตามใจตามอารมณ์ตัวเอง
แต่ก้อรู้สึกว่าการเข้าบอร์ดเป็นเหมือนความสุขที่จะทำ
มันไม่ได้แลกเปลี่ยนเป็นเงินทอง เป็นรางวัลอะไรทั้งสิ้น
ฉะนั้นจึงมักเขียนบล็อกหรือบอร์ด ยามเมื่อมีอารมณ์อยากเขียน
เพราะมันทำให้ฉันรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขทุกครั้ง

ฉันเชื่อว่าตัวหนังสือทุกตัวในบอร์ดจะสื่อถึงผู้อ่านได้
ฉะนั้นเมื่อเราเขียนบอร์ดด้วยอารมณ์ไหน จะสุข จะทุกข์
คนอ่านที่เข้าใจ ก็จะรับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เขียนออกมาในขณะนั้น
ซึ่งทำให้เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างกันได้อย่างน่ามหัศจรรย์

เราจะรับรู้ถึงความรู้สึกดีๆ กำลังใจดีๆ จากเพื่อนร่วมบอร์ด
ผ่านตัวหนังสือเหล่านั้นได้ หรือ และแม้บางครั้งเราก็รับรู้ได้ว่า
บางข้อความนั้นไม่ตรงใจเรา ซึ่งมันก็มีอยู่เช่นกัน เป็นเรื่องธรรมดา
การแสดงความคิดเห็นนั้น บอกถึงความใส่ใจที่มีต่อกันได้

บางครั้ง "คำตอบ" ที่อยากรู้ ไม่ใช่ "คำตอบ" ที่อยากได้
แต่ฉันก็ไม่รู้สึกเดือดร้อนกับมันมากนัก
เพราะอะไร เพราะฉันก็มีคำตอบของตัวเองอยู่แล้ว
ซึ่งฉันก็คิดว่าทุกคนมักมีคำตอบของตัวเองอยู่ในใจ

เพียงแต่บางครั้ง เราต้องการแรงหนุนว่าสิ่งที่เราคิดนั้น
มันถูกต้องดีแล้วอย่างใด มากกว่าที่จะยึดคำตอบนั้นเป็นหลัก
และเพราะคนส่วนใหญ่ย่อมมี ความคิดความอ่านเป็นของตัวเอง
การพบกันของความคิดผ่านตัวหนังสือมากมายบนโลกออนไลน์
จึงเป็นเสมือนการจุดประกายต่อยอดความคิด ต่อไป และต่อไป

แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องไม่ลืมความเป็นตัวของตัวเอง
เพราะถ้าเราลืมและเปลี่ยนตัวเองไปตามคนนั้นคนนี้ สิ่งนั้นสิ่งนี้
เราก็จะต้องพบว่า สุดท้ายแล้วเราจะเหลือเพียงความว่างเปล่า
เพราะเราได้ทำตัวตนของเราหายไปโดยไม่รู้ตัว

ฉันจึงรู้จักตัวเองดีพอ และมีความสุขกับเวลาในชีวิตทุกวัน
พยายามทำวันนี้ เวลานี้ ให้ดีที่สุด เท่าที่เราจะทำได้
" แล้ววันพรุ่งนี้ มันก็จะดูแลตัวของมันได้เอง "
ฉันเคยได้ยินประโยคนี้จากไหนกันหนา แต่ช่างมันเถอะนะ
เพราะที่แน่ๆ พรุ่งนี้พระอาทิตย์ก็จะขึ้นในทิศเก่า เวลาเดิม
เพื่อบอกเราว่า "เช้าแห่งวันใหม่" มาถึงอีกแล้ว ....

ขอบคุณกัลยาณมิตรที่แวะมาเยี่ยมเยือนค่ะ

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 08 พ.ย. 2009, 14:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2009, 16:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

:b48: ขอให้ภูมิใจ...ถ้าเธอได้เป็นที่พักใจของใครสักคน :b48:

บางคนชอบตัดพ้อด้วยความน้อยใจว่า
"ตัวเราเป็นแค่เพื่อน ไหนจะสำคัญเท่าแฟน"
หรือ "เป็นแค่ที่พัก เวลาเขาไม่มีใครเท่านั้น"

ที่ที่เป็นความสุขในชีวิตคนเราจริงๆ
มีอยู่ไม่กี่ที่นักหรอก

ที่จริงเธอเป็นที่ตั้งเพื่อนต่างหาก
หรือเป็นที่ตั้งที่สำคัญที่ทำให้เขาคลายทุกข์
เพราะคนอื่นให้เขาไม่ได้อย่างที่เธอให้นะ
ไม่งั้นเขาจะมาหาเธอทำไม

ทางออกในชีวิตคนเราเวลามีความทุกข์มักแตกต่างกัน
บางคนมีความทุกข์ เขาเลือกที่จะทำร้ายตนเอง
บางคนเลือกที่จะทำร้ายคนอื่น
ยกเว้นตัวเอง

เวลาที่ฉันเป็นทุกข์
ฉันจะทำอะไรก็ได้ให้จิตสำนึกรู้ว่า
ตอนนี้ฉันต้องรักตัวเอง
เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกแย่มากกว่าที่เป็นอยู่

ช่วงไหนที่ฉันสวยเลิศเชิดหยิ่ง
แต่งตัวดี ดูแลตัวเองดีผิดปกติ
แต่งหน้าสวยสดใส ผมเรียบเนี้ยบ
ใครๆ มักจะคิดว่าฉันกำลังมีความสุข
หรือมีความรัก...

ยกเว้นคนที่เป็นที่พักกายพักใจของฉัน
ไม่ว่าจะนานแค่ไหน แล้วมาเจอกัน
ถ้าสภาพฉันดูดีผิดปกติ เขาจะถามทันที
"เธอเป็นบ้าอีกแล้วเหรอ"

ถ้าเมื่อไหร่ฉันโทรม
หัวยุ่ง พุงป่อง สิวเขรอะ เป็นยายป้า แล้วมาเจอกัน
เขาจะถามฉันทันที "หายบ้าแล้วเหรอ"

จิตใจคนเป็นสิ่งซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ...
มันเป็นเหตุผลหนึ่ง
ที่ฉันจะไม่เล่นเกมเดาใจกับใครทั้งนั้น

หัวใจเป็นสิ่งลึกล้ำ
ถ้าอยากรู้ว่าใครอารมณ์ไหน คิดอะไร
ฉันถามเลย ไม่เดาให้เมื่อยหรอก
เพราะหัวใจไม่ใช่นิสัย
ถึงจะรู้กันได้ง่ายๆ

ถ้าช่วงไหนบ้านานผิดปกติ
เขาจะบอก

"มาหาฉันสิ เวลาฉันเหนื่อย ฉันจะไปหาเธอ
แต่ถ้าเธอเหนื่อย เธอมาหาฉันนะ"

พอมาเจอกัน ต่างคนต่างสนุกสนาน
ไม่นึกถึงปัญหาหรือความทุกข์เลย
เสร็จแล้วก็ห่างกันไปตามจังหวะชีวิต...

ถ้าเราต่างคนต่างยังสู้ไหว
เราจะไม่เจอกันเลยเป็นเดือน เป็นปี
ที่พักใจนี่ต้องไม่ใช่แฟนอย่างเด็ดขาด
(นั่นน่ะตัวดีเลย อาจทำให้เหนื่อยหนักเข้าไปอีก)

เขาอาจจะเป็นเพศตรงข้ามที่เข้าใจกัน
คุ้นเคยสนิทสนม หรือเพศเดียวกันก็ได้
(แต่ฉันมีไว้หลายคนเชียวล่ะ)
เป็นบุคคลที่อยู่นอกโลก นอกสังคม
(ที่ว่านอกนี่นอกสังคมของเธอนะ ไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว)

เป็นคนนิรนามที่ไหน แต่เป็นคนยิ่งใหญ่สำหรับเรา
ฉันก็เป็นคนนิรนามทั่วไป
แต่ยิ่งใหญ่สำหรับเขาเหมือนกัน

เมื่อพักกายพักใจแล้ว
หลังจากนั้นพอเราออกมาเจอความจริง เราจะมีแรงสู้
ก็หายเหนื่อยทั้งกาย หายเพลียทั้งใจแล้วนี่

ถ้าเขาทำให้เธอหายเหนื่อยแล้ว
อย่าลืมดูแลรักษาคนสำคัญของเธอไว้

และขอให้รู้ว่า เธอเป็นคนโชคดี
เพราะยังมีใครอีกหลายคน
ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ที่ไหนดีสำหรับตัวเอง

"ถ้าเธอมีใครสักคน...
สำหรับพักกายพักใจเวลาเหนื่อยแล้ว
ก็อย่าลืมเปิดหัวใจให้คนอื่นมาพักกับเธอบ้าง"

_____________________________
การ์ตูน. ยืนอย่างเชื่อมั่น. กรุงเทพฯ : ใยไหม, 2546

คัดลอกจาก...บ้านใส่ใจ

:b48: :b8: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2009, 20:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




ans204794.jpg
ans204794.jpg [ 29.37 KiB | เปิดดู 7281 ครั้ง ]
จงยิ้มให้กับตัวเอง
ที่อย่างน้อย ถึงจะพบกับเค้าคนนั้นสายเกินไป
แต่ก็ยังได้พบ...

ยิ้มให้เค้า ที่ถึงจะไม่ได้ให้ใจเรามา
แต่ก็ยังได้รับหัวใจของเราไป...

ยิ้มให้กับโชคชะตา
ที่ยังทำให้เรา...ได้รู้จักกัน

คุณควรจะดีใจด้วยซ้ำที่ครั้งหนึ่ง
คุณได้เจอคนที่คุณอยากเก็บรอยยิ้มของเค้าไว้คนเดียว

คนที่คุณใส่ใจกว่าตัวคุณเอง...
คนที่ทำให้คุณหัวเราะ...และร้องไห้ได้มากมาย...

คนที่มีเพียงแค่ยิ้มของเค้า
ก็สามารถเปลี่ยนวันที่หมองหม่น...ให้กลายเป็นวันที่สดใส
เท่านี้มันก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่หรือ?

แค่การได้เห็นคนที่เรารัก
ได้หัวเราะอยู่กับใครสักคนที่เค้ารักมากที่สุด
...นั่นแหละคือความสุขของการได้รักใคร...อย่างจริงใจแล้วล่ะ

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"


แก้ไขล่าสุดโดย COMA! เมื่อ 09 พ.ย. 2009, 20:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 13:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 124

อายุ: 44
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว




19066698ry9pl3.gif
19066698ry9pl3.gif [ 154.04 KiB | เปิดดู 7268 ครั้ง ]
ผมอดรู้สึกไม่ได้ ในยามท่องไปเยี่ยมเยือนมิตร
หรือตามอ่านเรื่องราวในแต่ละบล็อค

ยามเขียนถึงต้นไม้ ใบหญ้า บ้านเรือน อาหารสุขภาพ การออกกำลังกาย
หรือแม้กระทั่งเขียนถึงต้นไม้ที่กำลังปลูกในบ้าน
กระทั่งเขียนบอกเล่าถึงนก หนู แมลง หมา แมว และธรรมชาติรอบบ้าน
กระทั่งอ่านถึงจุดเปลี่ยนของใครหลายคน ในลานฯแห่งนี้

หลายครั้งที่ผมอดคิดไม่ได้ว่า เหมือนตัวเองกลับไปอ่าน
งานเขียนของหลายท่าน จากงานในชีวิตที่พลิดพลัน
อ่านงานเขียนระหว่างเพื่อนเขียนเรื่องราวต่างในลานฯ
เห็นผลงานละเอียดอ่อนของนักเขียนอีกหลายท่าน ที่พูดถึงลมฟ้าอากาศ
และอาหารการกินในรูปแบบที่เรียบง่าย

งานเขียนที่เสมือนหมุนย้อนกลับมายามได้พบเจอมิตรสหายมากมาย
ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มีโอกาสเยี่ยมเยือนใครมากนัก
เมื่อคิดถึงงานเขียนน่ารักๆ ของมิตรหลายๆ ท่าน
ซึ่งบางคนบอกเล่าถึงลูกหลาน และกิจกรรมแห่งความสุขในชีวิต

บางคนบอกถึงกิจกรรมที่เปลี่ยนชีวิต ปลูกสวน ปลูกผัก ปรับใจ
ออกกำลังกาย หรือ ฝึกเข้าใจตัวเองกับธรรมชาติแวดล้อม
ปรับอาหารการกิน เข้ากับร่างกายที่ผ่านพ้นกาลเวลา
กระทั่งมองเห็นความงาม จากความสูญเสียในชีวิต ให้เป็นพลัง
ในการมองโลกอย่างละเอียดอ่อน บางครั้งก็อดรู้สึกอิจฉาไม่ได้
ว่าแต่ละสิ่งที่หลายท่านได้เริ่มต้นทำนั้น เป็นความฝันของตัวเอง

ที่เคยเก็บแอบเอาไว้ ด้วยเงื่อนไข และข้ออ้างส่วนตัว ว่ายังไม่ถึงเวลา หรือ ตัวเองยังไม่พร้อม
แม้ จะพยายามปรับชีวิต ทำหลายสิ่งที่คิดว่าละเอียดอ่อนพอ พยายามสังสรรค์ยามข้ามคืนให้น้อยลง
นอนแต่หัววัน ไม่พยายามดูโทรทัศน์นานเกินไป ไม่พยายามติดคอมพิวเตอร์
หรือเสพติดอินเตอร์เน็ตจนเกินงาม กระทั่งพยายามเดินไปทำงานในทุกวัน หากทำได้
แต่จนแล้วจนรอด ผมก็ยังไม่ประทับใจ ในแต่ละภารกิจที่ตัวเองทำ หรือคิดว่าทำไม่พอ

แต่ สุดท้าย ก็อดจะอมยิ้มไม่ได้ ยามอ่านงานเขียนดีดี ในการบอกเล่าชีวิต
กระทั่งความคิดเปลี่ยนแปลงชีวิต ด้วยการมองหาความจำเป็นของจิตใจ
ที่ไม่ใช่เพียงความจำเป็นของความมั่งคั่ง ร่ำรวย มีเกียรติยศ
หรือมีคนคอยพินอบพิเทา ก้มหัวกุมมือ ไหว้แล้วไหว้อีก
เพียงเพราะเรามีตำแหน่งแห่งหนของหัวโขนในหน้าที่การงาน
หรือเพราะเราให้คุณให้โทษได้ เขาจึงทำ แค่คิดถึง

ในจุดหมายของชีวิต กับชีวิตของผู้คนมากมายที่ผ่านเข้ามา
ผม ยิ่งเกิดแรงบันดาลใจมากมาย ในการย้อนกลับไปใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย
นั่งทำงานอยู่กับบ้าน นั่งเขียนงาน ดูต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ ปัดบ้างไม่กวาดบ้าง
เดินเล่นรอบบ้าน และมองเห็นความช้า ให้เป็นเรื่องดีงามของชีวิต
โดยไม่ต้องเร่งร้อนเร่งเร้า หรือเอาใจผูกอยู่กับอารมณ์ร้อนแรง

ยิ่งได้เที่ยวด่าใครต่อใครด้วยข้ออ้างเรื่องงานยิ่งไม่อยากทำ

ยิ่ง คิดยิ่งมองเห็น ผมยิ่งอยากทำชีวิต ให้เข้าใกล้กับความเรียบง่ายให้มากที่สุด
อยากกินผักหญ้าที่ตัวเองปลูก โดยไม่คิดมากมายกับคำว่า อินทรีย์ไม่อินทรีย์ ปนเปื้อนไม่ปนเปื้อน
เพราะเรารู้ว่าสิ่งที่เราดูแลมากับมือนั้น คือ อาหารที่เรากินเข้าไปเอง เรารู้เราเข้าใจ และเราตระหนักพอ

สำหรับโลกที่เร่งร้อน ความเฉื่อยอันงดงามของความช้า เป็นส่วนหนึ่งแห่งความหลงใหลของผมยามนี้
ยาม ที่เห็นว่า ความเร่งร้อนในชีวิตหลายอย่าง เกิดขึ้นจากความหวาดกลัว และเกิดท่ามกลางความทุกข์
ความหม่นหมอง หรือความต้องการเอาชนะ เพียงเพราะคิดว่า ความเร็วของโลกทุกวันนี้เป็นคำตอบ
หรือคิดว่า ความเร่งร้อนเป็นจุดสุดยอดของชีวิต ทั้งที่ตัวเองกำลังนั่งปาดเหงื่อ

เรื่องราวความทุกข์ความสุข ความง่ายหรือไม่ง่าย ของชีวิตทุกวัน
คือ คำถามที่ผมถามตัวเองเสมอ คิดถึงยามเช้าที่นั่งทำงาน หรือ ก่อนนั่งทำงาน
มองดูต้นไม้เล็กๆของน้องๆในที่ทำงาน ที่กำลังตื่นเต้นกับการออกดอก
ตื่นตาตื่นใจที่รู้ว่า ต้นไม้ที่เขาไม่ได้มีโอกาสปลูกหลายปี
แตกใบอ่อน แตกยอด แตกก้านสูงขึ้นในทุกวัน พร้อมนั่งเฝ้านั่งดู

สำหรับชีวิต ที่อยากกลับบ้านตอนเย็น ด้วยความเย็นในใจ อยากกลับไปอ่านหนังสือ
กลับ ไปถึงบ้าน โดยไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจกับชิ้นงานประหลาดๆ ที่ต้องเร่งเร้า ต้องโทรศัพท์ถามไถ่
หรือคอยหว่านล้อม ก่อนเข้าประชุมในทุกวัน สำหรับความไม่ต้องการเหล่านั้น คือ
ยอดปรารถนาที่เรียบง่ายในชีวิต ที่ผมไม่คิดอยากไปตะโกนให้ใครหันมามอง
เพราะคิดแค่ว่า หากเราดูแลตัวเอง ดูแลหัวใจ และความรู้สึกง่ายๆเหล่านี้ได้
เราน่าจะได้คำตอบบางอย่าง สำหรับเรื่องราวที่ผมอดรู้สึกไม่ได้
คือเรื่องราวประทับใจ ที่เรียบง่ายจากชีวิตของใครหลายคน ซึ่งงดงาม
ชีวิตที่ไม่มากมาย แค่ดูแลหัวใจตัวเอง กับ ใบไม้ใบหญ้า

.....................................................
"อักษรพาใจให้สดชื่น..มิต้องการคำตอบหรือวิจารย์..ดอกหนาเยาว์มาลย์"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 14:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

:b48: เก็บเกี่ยวความสุข...จากการใช้ชีวิต :b48:

การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและมีความสุข
หมายถึงการเข้าใจตนเอง รู้จักตั้งเป้าหมาย
รู้จักวางแผน และต้องรู้จักเลือกเฟ้นสิ่งดีๆ ให้กับชีวิต

แม้บางครั้งอาจจะเผชิญกับความทุกข์และความยากลำบากบ้าง
ให้คิดว่าเป็นรสชาติของชีวิตที่ต้องมีทั้งสุขและทุกข์คละเคล้ากันไป

แม้จะมีความทุกข์ยากลำบากเกิดขึ้นกับชีวิตอยู่เนืองๆ
แต่ในขณะเดียวกัน หลายคนอาจลืมไปว่า
ในบางครั้งการคลายทุกข์สามารถหาได้จากสิ่งที่มีรอบตัว
เพราะบ่อยครั้งความสุขมีอยู่ไม่ไกล


ฉะนั้นไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร ก็ขอให้มีความสุข
และมีความหวังกับชีวิต มองโลกให้สดใส ด้วยจิตใจที่เบิกบาน
และสรรหาความสุขจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัวให้มากที่สุด


วอลเตอร์ ฮกเก้น ได้กล่าวไว้ว่า
"ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องกังวล
ท่านเพียงมาอยู่ในโลกใบนี้ไม่นานนักหรอก
อย่าลืมหยุด และดมดอกไม้"


มีหลายสิ่งรอบๆ ตัวที่ให้ความสุขกับเราได้
ดังนั้นจงมีแต่ความสุข อย่าวิตกทุกข์ร้อนกับชีวิตจนเกินไป
จงมองหาความสุขแม้เพียงเล็กน้อยรอบตัวให้มากที่สุด
เพื่อชีวิตที่มีค่าของตนเอง


--------------------------------------------
จาก คู่มือสู้ชีวิตด้วยตนเอง ชุดที่ 4 ความสำเร็จ...เพียงแค่เอื้อม
รวบรวมเรียบเรียงโดย เบญญาวัธน์

ที่มา...บ้านใส่ใจ


:b48: :b8: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ย. 2009, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 01:47
โพสต์: 178

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




33_2003.jpg
33_2003.jpg [ 75.84 KiB | เปิดดู 7254 ครั้ง ]
ชีวิตคนเราก็เป็นอย่างนี้นี่เอง สุขๆ ทุกๆ ปนกันไป

วันนี้ ยังสอนตัวเองอยู่หรือไม่? ยังเฝ้ามองความดีของผู้อื่น เพื่อความแช่มชื่นในหัวใจหรือไม่? ยังเห็นข้อ บกพร่อง ของคนอื่น เพื่อเป็นอนุสติ เตือนตน เราต้องระมัดระวัง ไม่มีอาการอย่างนั้น ไม่มีพฤติกรรม
เช่นนั้น หรือไม่?...

สิ่งรอบตัวเป็นทั้งครู และกระจกเงาสะท้อนตัวเราได้วิเศษสุด มัวแต่รังเกียจคนโน้นคนนี้ มัวแต่โกรธขึ้ง
คนนั้นคนโน้น เราจะไม่มีวัน ได้พัฒนา แก้ไขอะไร กระจกเงา เขามีไว้ส่องหน้าตัวเอง มิใช่เพื่อ
มัวแต่ขมวดคิ้ว เมื่อเห็นภาพ อัปลักษณ์!

"มีน้ำก็ต้องมีคลื่น เกิดเป็นคนก็ต้องมีอุปสรรค"
"ศัตรูคือยาบำรุงกำลังของชีวิต" "อุปสรรค แปลว่า ใกล้สวรรค์"
คำปลุกปลอบมิใช่คิดมั่วๆ เพ้อฝัน แต่มีรากฐาน มาจากสัจธรรมของชีวิต ชีวิตคน มิใช่แกงจืดสนิท
ชีวิตคนมิใช่ผ้าสีขาวไม่มีที่ติ ก็เป็นแกงเผ็ด เป็นผ้ามีสีสัน หลากหลาย สวยงาม!

"นี่แหละรสชาติชีวิต" พระพุทธองค์ตรัส "สุขอริยสัจ" ไม่มี จะมีก็แต่ "ทุกข์อริยสัจ" มีแต่ทุกข์เท่านั้น
ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป มีแต่ทุกข์น้อย หรือไม่ก็ทุกข์มาก ก็นี่แหละคือชีวิต คนรังเกียจทุกข์
ก็เหมือนคน หนีความจริง ยิ่งเกลียดก็ยิ่งทุกข์ ทำอย่างไร จึงจะไม่ตื่นเต้น เห็นเป็นปกติ
คำตอบก็คือ คงต้อง "ทำใจ"

หลายๆอย่างเราแก้ไขได้ แต่หลายๆอย่างต้องวางลงที่ใจ ปล่อยวาง อะไรจะเกิดก็ ต้องเกิด

"นี่แหละรสชาติชีวิต" เตือนตนเสมอ นี่คือปกติ เป็นของธรรมดา ที่จะต้องเจอะเจอ
หัดยอมรับ ชะตากรรม เหมือนการยอมรับ นิ้วมือของเรา สั้นยาวไม่เท่ากัน รุ่มร้อนก็จะผ่อนคลาย...

หากนับภพชาติ กว่าจะถึงวันนี้ เราต่างผ่านการเวียนว่ายตายเกิดเป็นล้านๆๆๆ ยกกำลัง ล้านๆๆครั้ง
เรียกว่า เป็นอสงไขยกัปกันเลย นานแสนนาน จนไม่รู้จะเรียกว่า นานขนาดไหน

นำน้ำตาแต่ละชาติที่เกิดมารวมกัน เชื่อไหมว่า จะมากมายยิ่งกว่า น้ำในมหาสมุทร? อะไรจะขนาดนั้น!
แต่พระพุทธ องค์ตรัสไว้ ไม่แปรผัน พุทธธรรมกำมือเดียว บัญญัติทางชีวิต มิใช่สู่สวรรคาลัย แต่เป็น
พระนิพพาน เพราะตราบใด ที่ยังใฝ่สวรรค์ เราก็มิอาจพ้นนรก! นี้คือเป้าหมาย ของพุทธธรรม ใครเคยรู้บ้าง?

"นี่แหละรสชาติชีวิต" ในความทุกข์ จะสร้างภูมิต้านทานชีวิต ให้แข็งแกร่ง ในความทุกข์ เราจะมีทักษะ
ปล่อยวาง เชี่ยวชาญขึ้น ในความทุกข์ เราจะฉลาดขึ้น เก่งขึ้น ในความทุกข์ เราจะเห็นใจ เข้าใจชีวิต
ของผู้อื่นมากขึ้น "ไม่ทุกข์จึงย่อมไม่เห็นธรรม"

น้ำอาจทำให้เรือจม หรือลอยก็ย่อมได้ สรรพสิ่งที่เราว่ามีโทษ มันก็มีคุณมิใช่น้อย ทำใจให้ สบาย
หายใจ ยาวๆ ย่อนคลายตัวเอง อย่าเบื่ออุปสรรค อย่าเหม็นปัญหาชีวิต "ทำไมชีวิตเราไม่โล่ง
ทำไม ทางชีวิตของเรา จึงขรุขระจังเลย?..." เลิกบ่นไปเลย เพราะนี้คือ "แก่นแท้ของชีวิต"

ยิ่งหนี จะยิ่งเจอ ยิ่งรังเกียจก็จะยิ่งเหม็น ปลงซะ นิพพานย่อมปรากฏ วาทะ
ดอกไม้ในสวน ก็จะเริ่มเบ่งบาน ภุมรินจะบินว่อน นกจะร้องก้องไพร...

"เกิดมาเพื่อสุข" คงต้องเลิกคิด เพราะชีวิตจะมีก็แต่ทุกข์มาก ทุกข์น้อย ไม่ว่าจะมารูปแบบไหน น้ำหนัก
ขนาดใด ก็ต้องฝึกฝนยอมรับ ความทุกข์ประดุจเซรุ่ม ที่จะฉีดเข้าร่างกาย เพื่อให้ต่อสู้กับเชื้อโรค
ความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นวิบาก หรือบารมี แต่สุดปลายทาง ก็คือความฉลาด ความแข็งแกร่งของชีวิต!

แม้วันนี้เราจะร้องไห้ เจ็บปวด ทรมาน! เบื่อหน่าย เพลียใจ ปลุกระดมตัวเอง ไม่ต้องภาวนาให้หายไป
แต่ควรเตือนตัวเอง "นี่แหละรสชาติชีวิต"

คนไม่เจออะไรเลยในชีวิตต่างหากที่โชคร้าย! ถูกใจกับถูกต้อง ต้องระวังว่าไม่เหมือนกัน วันนี้สบาย
แต่วันหน้า ลำบาก หรือ วันนี้ลำบาก แต่วันหน้าสบาย จะเลือกแบบไหน?

ชีวิตเราเป็นคนลิขิตจริงๆ เลือกทางเดินเอาเอง จะไปซ้ายหรือขวา อ่อนแอ-เข้มแข็ง โง่-ฉลาด ต้องตัดสินวันนี้

.....................................................
"เกิดมาก็เพราะกรรม...ดับไปก็หมดกรรม"รูปภาพ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 12:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอบคุณค่ะ คุณลุงมะตูม ผู้น่ารักและแสนดี

ขอบคุณบทความกินใจ ได้ทั้งสาระ ได้ทั้งความงดงาม
ชีวิตมีแต่ทุกข์มากกับทุกข์น้อยจริงจริงค่ะ
ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเข้าใจและผ่านมันไปได้แค่ไหน
ชีวิตที่ยังคงเหลืออยู่ อย่าพากันประมาท
ศึกษาธรรม ปฏิบัติธรรม...หากวันต่อๆไป
ชีวิตไม่ว่าจะทุกข์อย่างไร เราก็ยังมีธรรมเป็นที่พึ่ง
ให้ดับร้อน ให้ผ่อนคลาย ให้เข้าใจความหมายของชีวิตต่อไป
อยู่้ให้ดี เป็นให้ดี... ใช้ชีวิตให้ดี

:b48: ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกันและเป็นกำลังใจแสนดีในวันนี้และทุกๆวัน :b48:

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ย. 2009, 16:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




e719c0.jpg
e719c0.jpg [ 175.53 KiB | เปิดดู 7234 ครั้ง ]
ทางแห่งความสำเร็จ

ผลไม้ลูกหนึ่ง กว่าจะสุกงอมมีกลิ่นหอม ให้เราได้ลิ้มรสฉ่ำหวานก็ผ่านกาลเวลาเพาะบ่ม
คนเราก็เช่นกัน กว่าจะประสพผลสำเร็จให้ได้ก็ผ่านกาลเวลาแห่งการพิสูจน์ มิใช่ฉับพลันทันใด
ความสำเร็จนั้นอาศัยคุณเครื่องหลายอย่าง เฉพาะความมุ่งหวังตั้งใจอย่างเดียว ยังไม่เพียงพอ
ต้องมีความรู้จริง รู้วิถีที่ดำเนินไป รู้เหตุปัจจัยที่มาสัมพันธ์เกี่ยวข้อง
และที่สำคัญคือต้องปฏิบัติให้ถูกวิธี มีปัญหาคอยตรวจสอบอยู่เสมอ
ถ้าประสพผลสำเร็จเพียงเพราะตั้งความหวัง โดยไม่ต้องทำอะไร
ในโลกนี้คงไม่มีใครผิดหวัง นั่งตั้งความหวัง สักวันก็ต้องได้สมหวังดังใจ

ผลของความสำเร็จเปรียบประหนึ่ง
บุปผชาติที่หอมหวนชวนให้เด็ดมาดอมดม กลิ่นมันช่างมีเสน่ห์เย้ายวนใจ
ทุกคนจึงปรารถนาจะประสพผลสำเร็จทางด้านต่างๆ
ทางการครองคู่ การงาน การเงิน การมีชื่อเสียงเกียรติยศ
ทุกคนล้วนมีจุดมุ่งหมาย มุ่งหวังด้วยกันทั้งสิ้น
คนที่มีจุดมุ่งหมาย ปรารถนาจะประสพผลสำเร็จในทางที่ดี
แม้มีโลภกิเลสเจือยู่บ้าง ก็ไม่ควรตำหนิ
คนที่อยู่อย่างเลื่อนลอยไร้จุดมุ่งหมายต่างหากที่ควรตำหนิ
แต่ทว่ามีเพียงจุดมุ่งหมายอย่างเดียว แต่ไม่มีความเพียรพยายาม
หรือมีความเพียรพยายามขยันขันแข็ง
แต่ขาดการใส่ใจ พิจารณา ใคร่ครวญ จะประสพผลสำเร็จได้หรือไม่

สิ่งที่ทำให้คนพบกับความสำเร็จนั้นก็คือ
หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า อิทธิบาท 4 มีความพึงพอใจ
มีความเพียรพยายาม มีความเอาใจใส่ มีการพิจารณาใคร่ครวญให้ดี
เมื่อใครมีคุณธรรมทั้ง 4 ข้อนี้ย่อมพบกับความสำเร็จในทุกๆ ด้าน ไม่ว่า ทางโลก หรือทางธรรม

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"


แก้ไขล่าสุดโดย COMA! เมื่อ 18 พ.ย. 2009, 20:56, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2009, 11:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




346285accim5g7i5.gif
346285accim5g7i5.gif [ 497.75 KiB | เปิดดู 7228 ครั้ง ]
ชีวิตกับความเหงา

ชีวิตแต่ละชีวิตต้องอยู่อย่างมีปัญหา ด้วยการทำความรู้จักกับความจริง
เข้าใจถึงความจริงที่ว่า สิ่งนั้น ผลนั้นเกิดขึ้นมาเป็นอย่างไร
ใครได้รับ และสิ่งนั้น ผลนั้น ใครทำใครได้ ทำมากได้มาก
ทั้งดีทั้งชั่วแน่นอน

ไม่มีใครดลบันดาลให้ใครเป็นอย่างไรได้ ถ้าการกระทำของเราทำไปโดยขาดปัญญา
ก็จะยังชีวิตให้ตกอยู่ภายใต้ความประมาท หมายถึง ความกล้าเสี่ยง
กล้าเสี่ยงที่จะต้องเผชิญกับสิ่งที่เราไม่มีทางจะรู้เลยว่า
ที่เราเดินไปนั้นจะมีโอกาสสำเร็จหรือไม่สำเร็จ
เมื่อสำเร็จเราก็มีความยินดีติดใจ เพลิดเพลิน กำหนัดในอารมณ์นั้น
ทำให้เรามีการแสวงหาต่ออย่างไม่มีที่สิ้นสุด และถ้าไม่สำเร็จ เราก็มีความโทมนัส
คือมีความรู้สึกไม่สบายใจในสิ่งนั้น ทำให้เราเกิดทุกข์ ไม่มีความสุขในชีวิต
ทำให้เราต้องตะเกียกตะกาย ดิ้นรน ไขว่คว้า แสวงหามาเพื่อบำรุง ดูแล และบำบัดในอารมณ์ต่อไป

ชีวิตก็มีอยู่แค่นี้ มีอะไรบ้างในชีวิต มีแต่การ พบเพ้อ เพียรผูก แล้วก็พลัดพราก
เมื่อเรามีเกิดขึ้นมา ต้องพบ ต้องเห็นสิ่งแปลก ๆ แล้ว ก็จำเอาไว้
แล้วก็เพ้อคลั่งในสิ่งที่ตนเองอุปาทาน พอเพ้อแล้วก็เพียรเอาชีวิตผูกพันกับสิ่งที่เพ้อเอาไว้
จับจอง ยึดมั่น เสร็จแล้วก็พลัดพราก เราไม่ตายจากเขา เขาก็ตายจากเราไป
เราไม่ตายจากมัน สิ่งนั้นมันก็ต้องจากเราไป

ชีวิตเกิดมาเป็นทุกข์แท้ ทำไมเป็นทุกข์แท้ เพราะในชีวิตนั้นมีแต่ความแปรผัน
เดี๋ยวอย่างนั้น เดี๋ยวอย่างนี้ เกิดขึ้น เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์
เสร็จแล้วสิ่งต่าง ๆ ที่เรากินเข้าไปว่าดี ว่าอร่อย มันก็บูดเน่า เน่าเหม็น
อารมณ์ที่เกิดขึ้นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ดี อารมณ์ไม่ดี
อะไรก็แล้วแต่ มันก็ต้องแตก แล้วก็ดับลงไป หาความเที่ยงแท้ไม่ได้
เพราะชีวิตนั้นตกอยู่ภายใต้อำนาจของอนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา

เคยลองถามตัวเองดูบ่อย ๆ ว่า
ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันเรามีอะไรบ้าง แต่ละคนเก็บอะไรเข้าไปบ้าง
เก็บความรู้สึก ผิดหวัง เสียใจ อาดูรกับสิ่งที่หมดไป
มีความสะเทือนใจ คับแค้นใจ อึดอัดใจ กลุ้มใจ สารพัด
ความรู้สึกเหล่านี้ จึงเป็นเหตุใหญ่ที่สร้างความเหงา และความว้าเหว่ให้กับชีวิต

คนเหงาฟังทางนี้
เรามีความเสียใจ ประสบแต่สิ่งที่ไม่พอใจ
พลัดพรากจากสิ่งที่ตนเองรักใคร่อยู่ตลอดเวลา
ตั้งแต่เช้า ลืมตาจนหลับตา เราเห็น เราได้ยิน
เราได้กลิ่น เราได้รู้รส เราได้สัมผัส ได้นึกคิดต่าง ๆ
มีอยู่ 2 อารมณ์ คือ
อิฏฐารมณ์ อารมณ์ที่พอใจ และอนิฏฐารมณ์ อารมณ์ที่ไม่พอใจ

ตั้งแต่เล็กที่จำความได้ มีสัญญาสามารถจำได้หมายรู้แล้ว
เราได้เก็บอารมณ์แห่งความผิดหวัง เบื่อหน่ายชีวิต
แต่เราก็ยังไม่ตายลงไป เรายังต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้อยู่
ซึ่งมันจะมีมาเรื่อย ๆ เพราะเป็นวิบาก
เพราะฉะนั้นเวลาที่เราอยู่คนเดียวจึงเกิดความฟุ้งซ่าน
นึกคิด หวั่นไหวไปในอารมณ์
สร้างความว้าเหว่ อาดูร และเดียวดาย
หรือที่เรียกว่าความเหงาให้กับชีวิตได้

ความเหงานี่ฆ่าชีวิตคนได้จริงไหม ฆ่าได้ ถ้าคนเหล่านั้นไม่มีปัญญา
ฆ่าได้ เพราะเป็นโรคภัยไข้เจ็บอย่างหนึ่ง
ซึ่งบั่นทอนทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต
ก่อนอื่นเราต้องรู้ให้ถูก เข้าใจให้ถูกว่า ความเหงานั้น คืออะไร
เกิดขึ้นที่ไหน เกิดขึ้นอย่างไร เราจึงจะฆ่าความเหงา
หรือทำลายความเหงาออกไปจากจิตใจของเราได้
ก่อนที่ความเหงานั้นจะฆ่าเรา ถ้าไม่รู้ก็ไม่มีใครทำได้

ปัจจัยของความเหงา คือ
ความปรารถนาของเราอันเกิดจากจิตที่ได้รับอารมณ์เอาไว้
เช่น พลัดพรากจากสิ่งที่ตนเองรัก จิตก็เก็บอารมณ์อันนั้นเอาไว้
เมื่อเราต้องการอย่างหนึ่ง แต่เราไม่สมหวัง เราก็เก็บอารมณ์อันนั้นเอาไว้

นี่แหละ ความหลงผิดที่ว่า สิ่งเหล่านั้นมันต้องได้
แต่มันไม่ได้พวกวิภวตัณหานี่จะเหงาบ่อย
เพราะพวกนี้เกิดขึ้นมาโดยเหตุ อยากได้
เมื่อไม่สมปรารถนาก็เก็บอารมณ์นี้เอาไว้
เป็นสภาวะของจิตชนิดหนึ่งซึ่งลุ่มหลงใน
อารมณ์ที่ตนเองต้องการ อยากได้อย่างนั้น อยากได้อย่างนี้
ไม่อยากเป็นอย่างนั้น ไม่อยากเป็นอย่างนี้
นี่คือสภาพธรรมดาที่เป็นไปตามสภาวธรรม

ความเหงาเป็นสภาพทางธรรมชาติชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นในจิตใจของเรา
สภาวธรรมนั้นก็คือกิเลสชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสภาวะที่ไม่เหมือนกับความโลภ
ไม่เหมือนกับความโกรธ ไม่เป็นสภาวะที่เหมือนกับความหลง
ไม่เหมือนกับความอิจฉา หรือความฟุ้งซ่อนความรำคาญใจ

เมื่อเอาความเหงา ความเบื่อออกไปจากจิตเสียได้
จิตของเราก็จะเป็นบุญกุศล แช่มชื่น เบิกบาน
เยือกเย็นแล้วก็แจ่มใส ปราศจากมลทินขึ้นมาแทนที่
ทั้งหมดในด้านดีนี้ เป็นคำสอนที่ประเสริฐ
ที่มีอยู่ในหลักของพระพุทธศาสนาเท่านั้น
ที่สอนให้ตนเองเป็นที่พึ่งของตนเองได้

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 18 พ.ย. 2009, 20:52, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2009, 13:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 15:28
โพสต์: 307

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2009, 15:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ย. 2009, 15:57
โพสต์: 188

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1-10-01.jpg
1-10-01.jpg [ 59.49 KiB | เปิดดู 7238 ครั้ง ]
เป็นเสรี ที่ใจ ของใครเขา
ต่างก็เฝ้า เสาะหา พาสุขสม
เป็นเสรี ที่หวัง ยังนิยม
เพื่อนำชม ในห้วงคิด ด้วยจิตใจ

ต่างหลากหลาย ปลายฝัน ด้วยมั่นจิต
ทางนึกคิด นำสู่ ประตูใหม่
ไม่ปิดกั้น ปล่อยฝัน นั้นเดินไป
ตามแนวทาง ของใจ ที่ใฝ่กัน

ในความมืด บางคน ทนไม่ไหว
หากมองไป ด้วยตา พาหวั่นหวั่น
มันไม่เห็น สิ่งใด ให้จำนรรจ์
เลยกลัวกัน ครั่นคร้าม ยามอยู่เดียว

บางเวลา ใช้ใจมอง ลองดูบ้าง
อาจเห็นทาง ข้างหน้า ไม่พาเสียว
ใจนำเดิน เพลินยิ่ง สุขจริงเจียว
ใจไม่เลี้ยว สุกปลั่ง ดั่งทินกร

แต่เพราะคน ส่วนใหญ่ ไม่เฉลียว
มืดนิดเดียว บ่นไป หาใครสอน
ใช้ไฟส่อง ส่งวาง ทางสัญจร
ใครนำก่อน จึงตาม อย่างคร้ามครัน

ไม่มั่นใจ แต่ไป ใจไม่กล้า
เลยละล้า ละลัง หวังฝันฝัน
ก้าวตามไป แต่ใจ ไม่เชื่อกัน
หากก้าวนั้น พลาดลง คงตรมทรวง

.....................................................
รูปภาพรูปภาพ
"สันติภาพมิได้เกิดจากสภาวะนิ่งเฉย หากแต่เกิดจากความเข้าใจ"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ย. 2009, 13:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1_display8090.jpg
1_display8090.jpg [ 21.93 KiB | เปิดดู 7238 ครั้ง ]
ก่อนดับสูญ

ขอให้เรามีสมาธิตั้งมั่นอย่างแรงกล้า
อยู่ในปัญญาณแห่งปีติสุขเดิมแท้ที่หลอมรวมเข้ากับสุญญตา
ระหว่างความว่างทั้งสี่ที่เกิดขึ้น หลังจากองค์ประกอบสีขาว
ซึ่งมีลักษณะคล้ายจันทราหลอมละลาย
ด้วยอัคคีแห่งอิตถีเพศอันทรงอานุภาพดุจดั่งอสนีบาต

ขอให้แสงกระจ่างได้มาบรรจบกัน
เมื่อสภาวะไกล้บรรลุได้หลอมละลายเข้าสู่ความว่างเปล่าอย่างที่สุด
เมื่อความคิดฟุ้งซ่านทั้งหลายดับลง
และปรากฎประสบการณ์คล้ายท้องฟ้าในยามฤดูใบไม้ร่วงที่ไร้มลทินบดบัง

ขอให้เรามีศรัทธาในปีติสุข
เมื่อต้องละทิ้งอาหารและความมั่งคั่งที่สั่งสมมาด้วยความตระหนี่
และต้องพลัดพรากจากเพื่อนรักที่ห่วงหาอาทรตลอดชั่วนิจนิรันดร์
โดยลำพัง

ขอให้เราพัฒนากุศลจิตอันทรงพลัง
ในยามที่ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ค่อย ๆ แตกดับ
กำลังวังชาถดถอย จมูกและปากเหี่ยวแห้งลง
ไออุ่นหมดไป ลมหายใจระรวย ตามมาด้วยเสียงในลำคอก่อนสิ้นใจ

ขอให้เราตระหนักถึงวิถีแห่งความเป็นไปที่ไม่อาจหลีกพ้น
เมื่อเกิดปรากฎการณ์มายาอันน่าสะพรึงกลัวนานา
โดยเฉพาะภาพลวงตา หมอกควัน และหิ่งห้อย
รวมทั้งสภาพความนึกคิดทั้ง ๘o อย่างดับไป

ขอให้เรามีสติและความสามารถในการใคร่ครวญอย่างแจ่มชัด
เมื่อธาตุลมเริ่มดับสลายกลายเป็นวิญญาณธาตุ
และกระแสของลมหายใจภายนอกสิ้นสุด
ปรากฎการณ์อันเป็นทวิลักษณ์อย่างหยาบ ๆ มลายหายไป
จนกระทั่งเกิดภาพนิมิตคล้ายกับตะเกียงเนยที่ส่องแสง

ขอให้เราได้รู้จักกับธรรมชาติของตนเอง
จากโยคสาธนา อันทำให้ตระหนักรู้ว่าการเวียนว่ายและนิพพานนั้นว่างเปล่า
เมื่อรูปปรากฎ การเพิ่มพูน และสภาวะที่เข้าใกล้รู้
มลายไป - จากอย่างแรกสู่อย่างหลัง -
และปรากฎสิ่งที่คล้ายแสงจันทร์ แสงตะวัน และความมืดมิดแผ่คลุมไปทั่ว

ถ้าสภาวะรอยต่อแห่งชีวิตปรากฎขึ้นเนื่องจากกรรม
ขอให้เพ่งพิจารณาอย่างเท่าทัน
จนตระหนักรู้ถึงความว่างเปล่าของสรรพสิ่ง
ความทุกข์จากการเกิด การตาย และการอยู่ในสภาวะรอยต่อแห่งชีวิต
จงช่วยชำระปรากฎการณ์อันเป็นมายา

ขอให้โยคสาธนาช่วยแปรเปลี่ยนทั้งสิ่งภายนอก สิ่งภายใน และสิ่งเร้นลับ
ในยามที่นิมิตต่าง ๆ คือ เสียงทั้งสี่แห่งการทวนกลับของธาตุทั้งหลาย
ภาพน่ากลัวทั้งสาม และความแปรปรวนบังเกิด
จงช่วยให้เราได้ไปเกิดในภพภูมิอันบริสุทธิ์ด้วยเทอญ

มุ่งแทนที่จะเข้าสู่สภาวะรอยต่อแห่งชีวิต
ขอให้เราน้อมนึกถึงภาพมายา เพื่อทันทีที่ละจากแสงกระจ่าง
เราจะได้ปรากฎอยู่ในรูปของสัมโภคกาย
ที่สว่างสไวไปด้วยรัศมีแห่งองค์คุณและความงามของพุทธะ
อันเกิดแต่ลมและจิตแห่งแสงกระจ่างของความตาย

ขอให้เราได้ไปเกิดใหม่ โดยมีชีวิตที่สูงส่ง
สามารถฝึกปฏิบัติตันตระ โดยอาศัยท้องนภา
หรือร่างของนักบวช หรือฆราวาสผู้บำเพ็ญไตรสิกขา
ทั้งขอให้เราได้รู้แจ้งในมรรคาทั้งสองขั้นของการบ่มเพาะและการถึงพร้อม
จนบรรลุถึงซึ่งธรรมกาย สัมโภคกาย
และนิรมาณกายของพระพุทธองค์โดยเร็วด้วยเถิด

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 21 พ.ย. 2009, 14:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2009, 15:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


วันที่แสนเศร้า...เหงา...และเซร็งงงง...อะ...

วันนี้ทั้งที่มันเป็นวันหยุดแท้ๆ
แต่เค้าก้อยังต้องไปทำงานกันอีก
เฮ้อ! มันช่างเป็นวันที่แสนเศร้า
เหงา และเซร็งงงงงง สุดๆๆๆ ฟร้อยยยยยย....

เรื่องมันยากตั้งกะ
ตอนที่ต้องงัดเอาเรือนร่างออกมาจากที่นอนให้ได้ตั้งกะเช้า
ที่นอนรุ่นนี้มันต้องทำมาจากแม่เหล็กแหงมๆๆๆๆ
เพราะกว่าจะงัดขึ้นได้ ใช้เวลาไปร่วมชั่วโมง ฝันได้เป็นเรื่อง
กะว่าจะถอดใจยอมแพ้ ...นอนต่อ
หากสันหลังจะงอก จะยาวขึ้นอีกนิดหน่อย ก็ช่างมันเฮอะ!

คิดดู...ถ้าไม่ไป....นะ..
ต้องอดดูปลากัดงับอาหารเม็ด
อดดูนกกระจอกเถียงกันที่ต้นตะขบ
อดดูแม่ลูกเล่นชักกะเย้อกันขึ้นรถโรงเรียน
ไหนจะอดไล่ขับมอเตอร์ไซด์หนีตำรวจอีกล่ะ

นั้น..ถุงกล้วยแขก แก้วชาเขียว
แต่กลับนั่งหลับคาป้ายรถเมล์..
กางเกงแดง-เสื้อมะนาวโซดา คอตตตตตั้ง....เปรี้ยววววววว....ดูดไม่จืด

หรือนี้คือมุมส่วนตัวของเค้า
เป็นโต๊ะทำงานรกๆ ที่รกมากม๊าก หรือรกที่สุดน่ะ...
แต่โต๊ะรกๆ จะดูดีกว่าไม่รก...ล่ะมั่ง
เหมือนงานแยะ..ยังงั้ย..ยังงั้ยก้อไม่รุ..

อย่างี้!
คงจำไม่ได้เหมือนกันว่ามีงานอะไรต้องเคลียร์มั่ง..?
เพราะดูการแต่งตัวแล้ว...สมองเค้า..คงว่างเปล่า....

ส่วนหัวใจผม มันหล่นหายไปไหนไม่รุ
ดีนะเนี้ย..ผมจำตัวเองได้..ว่าเป็นใคร เออ! ยังดีจริงๆ อ่ะแหละ

บ่ายๆ หาเรื่องลงไปเดินเล่นฆ่าเวลา
แวะไปบ้านข้างๆ หน่อย
สาวๆ ที่บ้านนั้นน่ารักชะมัด
หากเคล้าคอคงอุ่นดีจัง

โอ้ย! กลับบ้านดีกว่าาาาาาาาาาา
ได้เวลากลับไปนอนตีพุงต่อที่บ้านแว้วววววว
ผมเซนต์เบอร์นาร์ด เป็นเพื่อนคู่ใจของมนุษย์มาอย่างยาวนาน
โดยเฉพาะสายพันธุ์ผมสามารถช่วยชีวิตคนเราเอาไว้ได้อีกด้วย
ผมขนาดใหญ่ที่สุด น้ำหนักมากที่สุด แต่ก็ใจดีที่สุดน่ะ....โฮะโฮะโฮะ

รูปภาพ

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 317 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 17, 18, 19, 20, 21, 22  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 12 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร